ตอนที่6 เมาหนัก Nc
คนที่นอนคว่ำบนเตียงผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอบอกว่าเขานั้นหลับสนิท วิริศรานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งถอดเครื่องประดับที่บงกชให้มาใส่อย่างทะนุถนอม ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างเครื่องสำอาง ล้างร่างกายที่ปวดเมื่อยกับการยืนและเดินต้อนรับแขกมาทั้งวัน
ในห้องน้ำที่เหมือนจะกว้างพอ ๆ กับห้องนอนของเธอเต็มไปด้วยสิ่งไม่คุ้นตา แต่เคยเห็นในทีวีว่ามันมีเกือบทุกบ้านของคนรวย เช่นอ่างอาบน้ำที่มีระบบอะไรติดตั้งอยู่ไม่รู้
นานกว่าครึ่งชั่วโมงมือนุ่มนิ่มก็หมุนปิดฝักบัว แต่เมื่อเอาผ้ามาพันรอบตัวก็นึกได้ว่าเธอไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามาด้วย
“โถ่เอ๊ยวี ลืมอะไรไม่ลืม”
แอดด
“หญิงสาวแง้มประตูห้องออกเล็กน้อย สิ่งแรกที่เธอมองหาก็คือคนที่เคยนอนอยู่บนเตียง แต่เขาไม่อยู่แล้ว
‘สงสัยหนีออกไปแล้ว เขาไม่ได้อยากอยู่หนิ’ วิริศรายิ้มให้ตัวเองที่โชคยังเข้าข้างก่อนจะออกมาจากห้องน้ำแต่พอก้าวได้เพียงสองก้าวเท่านั้น...
กรี๊ดดด!!!
เธอโดนร่างหนามีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวเกี่ยวท่อนแขนรอบเอวเล็กก่อนจะพากันไปล้มลงบนเตียงที่กลีบกุหลาบสีแดงสดกระจัดกระจายอยู่ วิริศราตกใจขีดสุดเพราะรู้สึกว่าผ้าเช็ดตัวกำลังคลายปมที่ขมวดไว้
“พี่ธาม! เมาไม่ใช่เหรอคะ อื้ออ” ร่างสูงที่เอาตัวเองขึ้นคร่อมเธอไว้แล้วประกบจูบโดยไม่ให้คำตอบ หญิงสาวตัวเย็นเฉียบเพราะเพิ่งอาบน้ำดิ้นจนผ้าคลายตัวหลุดลุ่ย ส่วนเขาก็ไม่ต่างกัน ผ้าเช็ดตัวสีขาวไม่ได้อยู่บนตัวของเขาแล้ว
“พี่ธาม!”
“อืม” เขาครางในลำคอไม่รู้ว่าตอบรับที่เธอเรียกหรือเปล่า แต่หลังจากนั้นกลีบปากหนาก็เลื้อยมาขบเม้มที่ติ่งหูของเธอและลากไล้ลงบนลำคอระหง ร่างบางสั่นเทาเม้มปากแน่นได้ยินแต่เสียงลมหายใจเข้าออกที่รุนแรงของชายหนุ่ม ร่างกายอุ่นร้อนแนบชิดกับร่างที่ไร้ผ้าขวางกั้น เขาแนบสนิทเนื้อเนียนนุ่มอดใจไม่ไหวใช้ฝ่ามือหนาลูบสัมผัสเธอเหมือนกำลังใช้มือลูบแก้วเนื้อดีอย่างเบามือ
“พี่ธามคะ” วิริศราพยายามประคองสติแต่เสียงที่ใช้เรียกเขานั้นเบายิ่งกว่าปุยนุ่น ธนาธิปกำลังครอบครองอกอวบของเธอไว้ด้วยมือก่อนที่ริมฝีปากจะลากลงต่ำเรื่อย ๆ จนถึงจุกยอดสีสวยที่บริสุทธิ์อย่างถ่องแท้ เขาตวัดปลายลิ้นสัมผัสความอ่อนนุ่มพร้อม ๆ กับมือที่นวดเค้นเธอไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว
ขาเรียวเล็กหนีบแน่นเมื่อความรู้สึกแปลกใหม่กำลังก่อตัวขึ้น สมองยังรำพึงอยู่ตลอดเวลาว่าตั้งใจจะไม่เสียตัวให้เขา ถึงเสียก็คงไม่ใช่คืนนี้ แต่ร่างหนาก็ป้อนอารมณ์สวาทให้เธออย่างไม่เว้นวรรคให้ได้หายใจ
“อื้ออ พี่ธามคะพอแล้วนะ”
“พี่ธามคะพี่เมานะรู้ตัวมั้ย” ปราศจากเสียงตอบกลับจากเขาแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี ณ เวลานี้สองร่างเปลือยเปล่าและเขาก็กำลังใช้ปากฉกชิมเนื้อตัวของเธออย่างมัวเมา วิริศรายังคงได้ยินแต่เสียงลมหายใจหอบหนักจนเธอต้องกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเขาเล้าโลมเธออย่างช่ำชอง
“พี่ธามหยุดก่อนค่ะ” นอกจากเสียงเธอจะเหมือนลมที่เบาหวิวแล้ว ร่างกายของเธอนั้นเบายิ่งกว่า ชายหนุ่มจับขาเรียวแยกออกจากกันและเอาตัวเองเข้าแทรกไว้ตรงกลาง แต่พอธนาธิปตัวหยัดตัวขึ้นหญิงสาวกลับกอดเขาไว้แน่นเพราะกลัวว่าร่างกายเปลือยเปล่าจะอยู่ในสายตาของเขา
“อย่าทำนะคะ”
เขาตอบกลับคำขอร้องของเธอด้วยการลากกลีบปากประทับทั่วเนินอกนุ่ม แวะเวียนตวัดชิมยอดอกนุ่มลิ้นจนร่างบางอ่อนระทวยเขาก็ได้ทำบางอย่างที่ทำให้ใจของวิริศราเต้นโครมครามอย่างไม่เคยเป็น
หญิงสาวกัดปากแน่นตอนที่นิ้วแกร่งสอดแทรกเข้ามาอย่างเบามือ ทุก ๆ การเคลื่อนไหวของข้อมือหนาสร้างความปั่นป่วนให้เธออย่างมหาศาล นิ้วเท้าของหญิงสาวจิกเกร็ง และมันยิ่งทำให้เขาขยับเร็วมากขึ้น มากขึ้นจนเธอตัวเบาหวิวเหมือนถูกโยนให้ล่องลอยอยู่ในอากาศ
“อ๊าาา”
หัวใจยังไม่ทันหายเต้นแรงก็มีบางอย่างที่แข็งขืนและใหญ่กว่านิ้วหลายร้อยเท่าถูไถอยู่ตรงใจกลางความสาว เคยได้ยินมาบ้างว่าครั้งแรกมันจะเจ็บมาก และนี่จะเป็นครั้งแรกของเธอจริง ๆ หรือ
“พี่ธาม...”
พรึ่บ
ธนาธิปทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ทั้งที่อกยังขยับรุนแรงตามลมหายใจที่ยังไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงและผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หญิงสาวจึงพาตัวเองกลับมาที่ห้องน้ำก่อนจะนั่งลงบนชักโครกด้วยความคิดที่ถาโถมเข้ามาหลากหลาย ‘เธอยังไม่ได้เสียตัวให้เขาใช่มั้ย’
.....
เช้าแรกหลังแต่งงานที่บ้านสุภนานนท์คนเป็นสะใภ้หมาด ๆ เอาแต่ก้มหน้าเหมือนเพิ่งทำเรื่องผิดต่อมารดา ธัญวิชญ์มองเธอด้วยความสงสัยทำไมเธอถึงไม่ยอมสบตาใคร
“ไอ้ธามยังไม่ตื่นอีกเหรอ”
“ยะ..ยังค่ะ”
“ปกติตื่นเช้าเหรอน้องแกน่ะ” บงกชที่สายตายังโฟกัสบนหน้าจอแท็ปเล็ตพูดกับลูกคนโต
“นั่นน่ะสิครับ ผมก็ไม่น่าถาม”
“อ่อ ลืมบอกวีเลยว่าไม่ต้องเอาอะไรติดตัวมามากนักหรอกแม่จัดการเสื้อผ้าของใช้ไว้ให้หมดแล้ว” วิริศราบีบมือแน่นเมื่อคนที่เธอเรียกว่าป้ากชมาตั้งแต่จำความได้แทนตัวเองว่าแม่ และแม่แท้ ๆ ของเธอก็นั่งอยู่ข้างกันนั่นเอง
“วีต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วยเหรอคะ”
“อ้าว วีคิดว่ายังไงล่ะแต่งงานกันแล้วนะ” ธัญวิชญ์ถามทันทีที่เกิดความสงสัยทำให้ หญิงสาวตกเป็นเป้าสายตาของแม่ ๆ อีกสอง
“วีคิดว่าเราแค่ปิดข่าวไม่ดีของพี่ธามค่ะ”
“เหรอ” เธอพยักหน้าหลังบงกชถามมาสั้น ๆ
“มันก็จริงนะที่เราต้องการปิดข่าว แต่วีต้องคอยกันแพรพลอยออกจากธามด้วย ยัยนั่นไม่น่าจะยอมหยุดง่าย ๆ”
“แปลกนะครับที่ลุงจรัลยังปล่อยไว้”
“ก็ลุงจรัลรักเมียของเขาไง แต่กับหลานนอกไส้เขาไม่ปล่อยพร่ำเพรื่อหรอก” เจ้าของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเดินลงมานั่งข้างวิริศราใบหน้ายุ่งเหยิง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังหลบหลีกการอยู่ในสายตาเขา
“มาก็ดี แม่จะได้บอกข้อตกลงของเรา”
“อะไรอีกล่ะ” ธนาธิปทิ้งศีรษะกับพนักพิงด้วยความเหนื่อยหน่าย ส่วนคนข้าง ๆ นั้นทำท่าทางวอกแวกจนธัญวิชญ์สังเกตเห็นอีก
“เมื่อคืนแกทำอะไรวี”
พรึ่บ
ธนาธิปผงกศีรษะขึ้นอัตโนมัติก่อนจะมองหญิงสาวข้าง ๆ สายตางุนงง
“อะไรของพี่วะ”
“ก็วีกลัวแกแปลก ๆ”
“เธอกลัวฉัน?”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้กลัว” ชายหนุ่มหันไปเลิกคิ้วให้พี่ชาย ถามว่าเขาผิดอะไรอีกหรือเปล่า
“วีเป็นเมียแกแล้วก็ต้องส่งเสีย ต่อไปนี้แกต้องเลี้ยงดูวีด้วย”
“นานมั้ย”
“ก็จนกว่ายัยนั่นจะไม่มายุ่งกับแกแล้วแกก็จะไม่ยุ่งกับมัน”
“วุ่นวาย”
“แกน่ะสิวุ่นวาย แล้วอย่าแอบบังคับวีไปหย่าล่ะ ฉันจะเอาไว้กันแกจากผู้หญิงจ้องจะสูบเลือด”
“เฮ้ออ” ธนาธิปแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่เต็มใจ แต่หญิงสาวก็ได้แต่บีบมือตัวเองไว้เพราะบงกชได้คุยเรื่องนี้ไว้แต่แรกแล้ว ‘วีมีหน้าที่แค่มีชื่อในทะเบียนแล้วก็ไล่ยัยแพรพลอยไม่ให้แอบมาหาธามแค่นั้นก็พอ ป้าจะดูแลนภาให้เป็นอย่างดี วีก็เรียนให้สบายใจเถอะ'