เสียงร้องไห้โหยหวนปานคนกำลังจะขาดใจตายของเซี่ยซือซือ ไม่เพียงทำให้เด็กน้อยอย่างเซี่ยซือหยางร้องไห้ตาม เซี่ยฮุ่ยหนิงกับสหายของนางที่กำลังปีนขึ้นจากคูนา หมายจะตามมาตบตีทั้งคู่เป็นอันต้องชะงักอยู่กับที่ ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าพูดบ้าอันใดกันอาซือ มีใครตายที่ไหนกัน”
เซี่ยฮุ่ยหนิงรีบเดินเข้าไปใกล้ ๆ สองพี่น้อง พอเห็นศีรษะของเซี่ยซานซานปูดบวม มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา ยังทั้งยังไม่ได้สติไม่รู้เป็นหรือตาย นางตกใจจนผงะถอยหลังไปสองก้าว
“พี่ฮุ่ยหนิง ท่านมันฆาตกร ! ท่านทำให้อาซานของข้าต้องตาย ฮือ ๆ ๆ”
เซี่ยซือซือชี้นิ้วก่นด่านาง ส่งเสียงร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม มีชาวบ้านสี่ห้าคนทยอยเดินมามุงดูเหตุการณ์ ก่อนหน้าพวกเขาแค่มองดูอยู่ไกล ๆ เสียงร้องไห้ของนางเรียกร้องความสนใจจากชาวบ้านได้ นางจงใจเอ่ยชื่อเซี่ยฮุ่ยหนิงเพียงผู้เดียว ยัดเยียดให้นางเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
“อย่ามาใส่ร้ายข้านะ ข้าไม่ได้ทำ !” เซี่ยฮุ่ยหนิงสะบัดแขนเสื้อหันไปทางอวี่ไป๋ชิงกับอวี่เยี่ยนเอ๋อ พวกนางกลับหลบตาไปทางอื่นแทน
“นี่พวกเจ้า !”
“ท่านเป็นลงมือตบตีอาซานของข้า น้องเล็กก็เห็นคนอื่นเขาก็เห็น !” เซี่ยซือซือรีบตัดบทไม่ให้นางเอ่ยสิ่งใดออกมา
“พี่ฮุ่ยหนิง ท่านฆ่าพี่รองข้าทำไม เจ้าคนชั่ว ! แง ๆ ๆ” ปากน้อย ๆ ของเซี่ยซือหยางด่าทอออกไป พร้อมน้ำตากลั่นเม็ดหยดแหมะลงข้างแก้ม ช่างเป็นภาพน่าเวทนาเหลือเกิน
“อาซานเจ้าตื่นขึ้นมา !”
“น่าสงสารอาซานเหลือเกิน ฮุ่ยหนิงเจ้าทำเกินไปจริง ๆ”
หญิงชราในกลุ่มชาวบ้านส่ายหน้าใส่เซี่ยฮุ่ยหนิง ใช่ว่าคนในหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่จะไม่รู้ถึงนิสัยใจคอของนางกับคนบ้านใหญ่ แต่เพราะเป็นเรื่องในบ้านคนอื่น จึงไม่สามารถทำอันใดได้
“ข้าเปล่านะ” เซี่ยฮุ่ยหนิงเห็นสายตาของชาวบ้านมองมาที่นาง ก็รีบปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว
“พวกเราช่วยกันแบกอาซานกลับบ้านไปก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลังเถอะ” อวี่เฉินฟู่นายพรานประจำหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ พาสหายอีกสองคนตัดไม้มาทำเปล เพื่อหามเซี่ยซานซานกลับหมู่บ้าน
มีหนึ่งคนนอนไม่ได้สติบนเปลไม้ ตามด้วยเสียงร่ำไห้คล้ายคนทรมานใจแสนสาหัสของเซี่ยซือซือ ตามด้วยเสียงก่นด่าเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเซี่ยซือหยาง มีชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์อีกกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมา ชาวบ้านคนอื่นที่เห็นขบวนหามคนเจ็บผ่านหน้า ก็พากันเดินตามหลังมาจนถึงหน้าบ้านสกุลเซี่ย ทั้งยังยืนรออยู่ด้านนอกด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เปลหามคนเจ็บถูกวางไว้ตรงลานบ้านของสกุลเซี่ย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” แม่เฒ่าเซี่ยหน้าบึ้งตึงมาตลอดทั้งวัน โมโหคนบ้านสามหนีหายไม่ยอมทำงาน ยังไม่ทันจะได้ทุบตีให้หายโมโห กลับมีคนหามร่างไร้สติของเซี่ยซานซานมาวางกลางลานบ้านของตน
“ท่านย่าข้าไม่ได้ทำคนตายนะเจ้าคะ” เซี่ยฮุ่ยหนิงร้อนตัวรีบเดินไปหลบอยู่ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ย
“ฮุ่ยหนิงมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าเนื้อตัวเปื้อนดินโคลนเช่นนี้ได้ นี่มันเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ข้าเพิ่งซื้อให้เจ้านี่ !”
นางหลินเห็นเสื้อผ้าหน้าผมลูกสาวแล้วแทบลมจับ นางอุตส่าห์เสียเงินมากมายประโคมแต่งตัวให้ลูกสาว เพื่อที่จะได้ออกเรือนกับคนใหญ่คนโต แล้วดูตอนนี้สิเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งทั้งยังสกปรกอีก
“ใคร ! ใครทำลูกสาวข้า !” นางไม่เห็นค่าชีวิตของคนบนลานบ้าน นอกจากห่วงใยเสื้อผ้าของลูกสาวตนเอง
“แม่ฮุ่ยหนิง ลูกสาวเจ้าตีอาซานจนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้น เจ้ายังจะห่วงเสื้อผ้าลูกสาวเจ้าอยู่อีก จิตใจเจ้าช่างโหดร้ายเสียจริง” เสียงชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์บนคูนาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“แม่เฒ่าเซี่ย ฮุ่ยหนิงตีอาซานจนเป็นเช่นนี้ ข้าว่าท่านไปตามหมออวี่มาดูก่อนเถิด” มีเสียงชาวบ้านอีกคนดังขึ้น จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงเห็นด้วยตามกันมา
เซี่ยซือซือที่ก้มหน้าปิดปากร้องไห้เบา ๆ กำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรอบคอบ นางเดินร้องไห้จนเหนื่อย ตอนนี้เสียงแทบจะหายไปหมด เหลือบตามองน้องชายด้านข้าง สภาพก็ร่อแร่ไม่ต่างจากตัวนางเลย
“ท่านย่า ท่านช่วยไปตามท่านหมอมารักษาอาซานด้วยเถิด นางถูกพี่ฮุ่ยหนิงตีจนเป็นเช่นนี้ ท่านต้องช่วยชีวิตนางนะเจ้าคะ ฮือ ๆ ๆ สวรรค์ช่างไม่เห็นใจพวกเราสามพี่น้องบ้างเลย ท่านพ่อท่านแม่ของพวกข้าท่านก็พรากไป ตอนนี้ยังจะมาพรากน้องสาวของข้าไปอีก ฮือ ๆ ๆ”
เรื่องเล่นใหญ่ไว้ใจเซี่ยซือซือได้เลย นางอ่านนิยายแนวนี้มาเยอะ
“ท่านย่า ท่านต้องฆ่าพี่ฮุ่ยหนิงชดใช้ชีวิตพี่รองของข้านะขอรับ แง ๆ ๆ”
โอ้ น้องเล็กของนางเล่นใหญ่กว่านางอีก มิใช่ว่าเมื่อกี้หมดแรงไปแล้วหรอกหรือ วันหลังต้องจับมานั่งคุยกันเสียหน่อย เป็นเด็กเป็นเล็กมาพูดเรื่องฆ่าคนได้อย่างไรกัน เซี่ยซือซือยกมือนวดขมับ มืออีกข้างบีบมือน้องสาวเบา ๆ ให้กำลังใจในการแสดงต่อ
“เจ้าเด็กเนรคุณ ! วันนี้ข้าจะเอาเลือดหัวเจ้าออกให้ได้ !” แม่เฒ่าเซี่ยนิ่งมาตลอด แต่พอเซี่ยซือหยางด่าทอหลานสาวสุดที่รักของตน นางก็เงื้อมือพร้อมตบในทันที
“ท่านย่า ! ท่านจะฆ่าน้องชายข้าอีกคนหรือเจ้าคะ” เซี่ยซือซือรีบคว้าน้องชายมากอดไว้ ฝ่ามือที่กำลังจะฟาดลงเลยพลาดท่าไป ทำให้แม่เฒ่าเซี่ยหัวคะมำไปอีกทาง
“มาให้ข้าตีซะดี ๆ !”
“ท่านหมออวี่มาแล้ว ๆ”
“หลีกทางให้ท่านหมออวี่หน่อย”
แม่เฒ่าเซี่ยตกตะลึง นางยังไม่ได้ออกปากให้ใครไปตามหมอเลย แต่พอเห็นอวี่กังผู้ใหญ่บ้านอวี่เดินตามหลังท่านหมออวี่มา อีกทั้งยังมีเซี่ยคุนผู้นำตระกูลเซี่ยมาด้วย นางก็พูดอะไรไม่ออก
อวี่เจียอีเป็นหมอเพียงคนเดียวในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาถูกตามตัวระหว่างทำการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยให้เด็กคนหนึ่งในหมู่บ้าน ครั้นได้ยินว่าเซี่ยซานซานถูกคนทุบตีจนหมดสติ จึงรีบมาดูอาการให้เป็นการด้วยความเป็นห่วง
“ยกนางเข้าไปในห้องเร็วเข้า ! พวกเจ้าคนสกุลเซี่ยนี่อย่างไรกัน ไม่เข้าท่าเลยจริง ๆ”
ท่านหมออวี่เห็นคนเจ็บไม่ได้สติ แต่กลับไม่มีคนในบ้านพาเข้าห้อง ปล่อยวางไว้บนพื้นแข็งอยู่แบบนั้น รู้สึกโมโหจนหน้าดำมืด
“ข้าอุ้มนางเองเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือรู้ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน นางจึงอาสาอุ้มน้องสาวเอง หวังให้ท่านป้าสะใภ้ทั้งสองมาอุ้มคงยาก
“เจ้าไหวไหมอาซือ”
ท่านหมออวี่เห็นนางผอมบางคล้ายคนไร้เรี่ยวแรงก็นึกห่วงขึ้นมา ดูไปแล้วเหมือนเด็กอุ้มเด็กด้วยกันเอง ครั้นเหลือบตาไปมองบรรดาผู้ใหญ่ในบ้าน ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ไหวเจ้าค่ะท่านหมอ ข้าอุ้มนางออกบ่อย” นางรีบช้อนตัวน้องสาวอุ้มพาเข้าบ้านของตนเองไป มีเจ้าตัวน้อยเดินตามหลังไปติด ๆ
“ท่านแม่ท่านจะปล่อยให้ท่านหมออวี่รักษานางไม่ได้นะเจ้าคะ ใครจะจ่ายค่ารักษาให้นาง” นางหลินสะกดแม่สามีเบา ๆ
“นั่นสิเจ้าคะข้าก็ว่าจะเตือนท่านเหมือนกัน” นางจงเห็นด้วยกับพี่สะใภ้ของตน
“ไอหยา ! ข้าช่างเลอะเลือนจริง ๆ” แม่เฒ่าเซี่ยหมุนตัวเดินตามคนบ้านสามไปติด ๆ
“ท่านหมออวี่ ท่านหยุดก่อน !”
“แม่เฒ่าเซี่ย ท่านต้องการสิ่งใดอีก” ท่านหมออวี่หันมาทำหน้าไม่พอใจใส่แม่เฒ่าเซี่ย หลานสาวของนางเป็นตายยังไม่รู้ กลับมาถ่วงเวลารักษาอีก
“ท่านหมออวี่ข้าไม่มีเงินจ่ายค่าหมอหรอก” หญิงชราโกหกหน้าตาย
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมมาจากผู้นำตระกูลเซี่ยที่เดินตามหลังมา “จิ่วเม่ยเจ้าจะไม่ไยดีหลานสาวตัวเองไม่ได้ นางเป็นคนตระกูลเซี่ยของพวกเรา หากเจ้ารองอยู่คงได้ทุบตีเจ้าตายแน่”
“พี่ใหญ่ข้าไม่มีเงินจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เซี่ยซือซือค่อย ๆ วางน้องสาวลงบนเตียง “ท่านย่าท่านจะไม่ช่วยอาซานจริง ๆ หรือเจ้าคะ นางยังไม่ฟื้นเลยนะเจ้าคะ ข้าขอร้องท่านล่ะได้โปรดช่วยนางด้วย”
ตุบ ! คุกเข่าอ้อนวอนท่านย่าใจร้ายของตัวเอง ไม่ลืมกระตุกน้องชายให้คุกเข่าลงเป็นเพื่อนด้วย
“ท่านย่าท่านอย่าปล่อยให้พี่รองของข้าตายนะขอรับ ท่านย่า ฮืออ” เด็กน้อยไม่แค่ขอร้องยังร้องไห้ต่อได้อีก พี่สาวอย่างเซี่ยซือซือแอบยกนิ้วให้เลย เด็กสามขวบคนนี้ช่างโตเกินวัยเสียจริง
“เรื่องค่ารักษานั้น พวกเจ้าคนตระกูลเซี่ยปรึกษากันเอาเองเถอะ ข้าในฐานะหมอไม่อาจทนเห็นคนตายต่อหน้าได้” ท่านหมออวี่ส่ายหน้าก่อนเดินเข้าไปตรวจอาการคนเจ็บ บิดามารดาของเด็กสามคนนี้ดีกับภรรยาเขานัก ไม่อาจเพิกเฉยได้จริง ๆ
“จิ่วเม่ยเจ้าออกไปรอที่ห้องโถงกับข้าก่อนเถอะ ให้ท่านหมออวี่รักษาอาซานเสร็จก่อนค่อยคุยกัน”
เซี่ยคุนไม่อยากให้นางอยู่ขัดขวางการรักษา จึงชวนออกไปนั่งรอที่ห้องโถงของสกุลเซี่ย ลูกสะใภ้ทั้งสองกับหลานสาวอย่างเซี่ยฮุ่ยหนิงเลยต้องตามออกมาด้วย
ภายในห้องนอนของบ้านสาม
“ท่านหมออวี่อาการของอาซานเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมนางถึงยังไม่ฟื้นเสียทีล่ะเจ้าคะ” เซี่ยซือซือแสร้งทำหน้าเศร้า ทั้งที่หวาดหวั่นว่าท่านหมอวี่จะเดาอาการแกล้งป่วยออก
“น่าแปลกจริง ๆ อาการบาดเจ็บแค่ภายนอก เหตุใดนางถึงไม่ฟื้นข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” ท่านหมออวี่เอียงหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดหนัก
“ข้าเห็นพี่ฮุ่ยหนิงจับหัวอาซานกระแทกกับก้อนหินตรงคันนา ท่านว่าเรื่องนี้มีส่วนทำให้นางไม่ฟื้นหรือไม่เจ้าคะ” นี่เป็นการชี้นำทางให้ท่านหมออวี่
“อืม เช่นนั้นก็มีส่วนแล้วล่ะ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีคนป่วยบางคนหัวกระแทก ทำให้หมดสติไม่ตื่นไปหลายปีก็มี”
“ท่านหมอ ! ท่านพูดจริงหรือเจ้าคะ อาซานของข้าจะหลับไม่ตื่นเช่นนั้นหรือ โถ่อาซาน”
“คงต้องรอดูอาการต่อไป ไม่แน่ในภายภาคหน้านางอาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้ ยามนี้ข้าทำได้เพียงแค่เขียนเทียบยารักษาอาการบาดเจ็บให้ ส่วนเรื่องฟื้นขึ้นมานั้น เจ้าต้องทำใจแล้วล่ะอาซือ”
ไม่ใช่ว่าท่านหมออวี่เชื่อถือไม่ได้ แต่ความสามารถของหมอประจำหมู่บ้านนั้นมีจำกัด เมื่อไม่รู้จึงไม่กล้าตัดสินใจ ได้แต่คลำทางไปตามคำบอกเล่าของเซี่ยซือซือ