เซี่ยซือซือขยำ ๆ ต้นหอมป่ายัดใส่ในท้องปลา ช่วยกลบกลิ่นคาวปลาได้บ้างเล็กน้อย หากมีเกลือมีเครื่องปรุง ปลาตัวนี้คงจะอร่อยไม่น้อย
“ท่านพี่ ปลา ซู้ด” เสียงสูดน้ำลายของเซี่ยซือหยาง ทำให้พี่สาวทั้งสองหัวเราะออกมาดัง ๆ
“ดูเจ้าตัวตะกละตัวนี้สิท่านพี่ แทบจะทนรอปลาสุกไม่ไหวอยู่แล้ว รีบเช็ดน้ำลายของเจ้าเสียน้องเล็ก น่าอายชะมัด”
“ข้าไม่ได้กินเนื้อมานานมากแล้ว ขอข้ามองปลาตัวนี้นาน ๆ หน่อยเถอะท่านพี่” เด็กน้อยยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำลาย จ้องปลาตัวโตแทบไม่วางตา
เซี่ยซือซือยกฝ่ามือลูบศีรษะน้องชายตัวเองเบา ๆ ไม่รู้สึกว่าท่าทางของน้องชายน่ารังเกียจแต่อย่างใด
“ต่อไปในภายภาคหน้าเจ้าจะได้กินเนื้อบ่อย ๆ”
“จริงหรือท่านพี่”
“จริงสิข้าจะหลอกเจ้าทำไม”
“ไอหยา ! ข้าจะได้กินเนื้อบ่อย ๆ แล้ว จะกินเนื้อ ๆ ๆ” เซี่ยซือหยางกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ กองไฟอย่างมีความสุข
“ท่านพี่ท่านก็อย่าตามใจน้องเล็กมากนักเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวก็เก็บเอาไปฝันว่าได้กินเนื้อทุกวันหรอก”
เซี่ยซานซานใช้ไม้เขี่ยท่อนไฟตรงหน้า มุมปากกระตุกยิ้มเบา ๆ เข้าใจว่าพี่สาวเพียงแค่ต้องการปลอบใจน้องชายเท่านั้น
ไม่นานนักปลาที่ย่างไฟไว้ก็สุกได้ที่ เซี่ยซือซือเลือกตรงเนื้อท้องอ่อนนุ่มให้น้องชาย ระมัดระวังก้างเป็นอย่างมาก จากนั้นก็แบ่งปันกับน้องสาว
“ปลาอร่อยมากเลยท่านพี่ พี่รอง พวกท่านรีบกินเข้า” เซี่ยซือหยางตวัดลิ้นเลียมุมปากตัวเองไปด้วย
เซี่ยซือซือลองกินเนื้อปลาที่ย่างสุกดู ไม่ได้มีกลิ่นคาวอย่างที่นางคาดไว้ เป็นปลาธรรมชาติที่รสชาติหวานเลยทีเดียว นางดูแคลนปลายุคโบราณไม่ได้เลยจริง ๆ
“เนื้อปลาหวานกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก อาซาน น้องเล็ก พวกเจ้ากินกันเยอะ ๆ เลยนะ หมดแล้วก็กินพุทราป่านี่ต่อ ข้าเก็บมาเยอะเลย”
“ขอรับท่านพี่ / เจ้าค่ะท่านพี่”
เซี่ยซือซือกินปลาเพียงเล็กน้อย นางหันมากินพุทราป่าแทน แม้รสชาติจะไม่ได้อร่อยเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็สามารถกินได้เรื่อย ๆ พอให้หายอยากได้อยู่ นางวางแผนไว้หลังจากน้อง ๆ กินมื้อเช้ากันเสร็จแล้ว จะพากันเข้าไปเก็บผักป่าด้านในภูเขา ตอนนี้นางมีมิติพิเศษ สามารถหาจุดที่มีผักป่าและหลีกเลี่ยงสัตว์ร้ายได้
“พวกเราจะเข้าไปเก็บผักป่าด้านในภูเขา”
“ท่านพี่ข้าว่านี่ก็ลึกมากแล้วนะเจ้าคะ ขืนเข้าไปลึกกว่านี้อาจเจอพวกเสือหรือฝูงหมาป่าได้”
เซี่ยซานซานไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้
“อาซานหากพวกเราไม่มีผักป่ากลับไป ท่านย่าจะมาหาเรื่องพวกเราที่ไม่ทำงานบ้านวันนี้เจ้าเข้าใจหรือไม่ แต่หากพวกเรามีผักป่าหรืออะไรก็ได้ที่สามารถเป็นของกินในตะกร้า เราก็จะมีข้ออ้างว่าพวกเราหิวเลยขึ้นมาหาของกินในป่ากัน”
เซี่ยซานซานพยายามคิดตามคำพูดของพี่สาว จากนั้นก็ต้องพยักหน้าลงอย่างจนใจ
“น้องเล็กล่ะเจ้ากลัวหรือไม่”
“ไม่กลัวขอรับ ท่านพี่กับพี่รองไม่กลัว ข้าก็ไม่กลัว” เซี่ยซือหยางยืดอกน้อย ๆ ขึ้น
“เก่งมาก”
“เจ้าก็ดีแต่ปากเก่ง ครั้นเจอเสือเข้าจะร้องไห้ไม่ออก”
“พี่รองปากไม่ดี เข้าป่าใครเขาพูดถึงเสือกัน”
“เจ้านี่ !”
“เอาละ ๆ พวกเจ้าไปเก็บของได้แล้ว”
ระหว่างบอกน้องทั้งสอง เซี่ยซือซือก็วางฝ่ามือลงบนพื้น มองหาจุดที่มีผักป่าใกล้ที่สุด แค่อึดใจหนึ่งนางก็หาเจอ อีกทั้งยังมีต้นมันฝรั่งอยู่แถวนั้นด้วย
“ท่านพี่จะเข้าไปลึกไหมเจ้าคะ” เซี่ยซานซานยังนึกห่วง
“ไม่ลึกหรอกอาซานราวสองเค่อก็ถึงแล้ว”
“สองเค่อ ?” ในหัวของเซี่ยซานซานเต็มไปด้วยคำถาม ทำไมพี่สาวของนางถึงได้รู้กระทั่งเรื่องนี้ นางได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ หันไปจูงมือน้องชายเดินตามหลังพี่สาวไป
ราวสองเค่อสามพี่น้องก็มาถึงลานผักป่าจริง ๆ
“ท่านพี่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าตรงนี้มีผักป่า ท่านไม่เคยเข้ามาที่นี่เลยนะเจ้าคะ”
คำถามของน้องสาวทำให้เซี่ยซือซือชะงักอยู่กับที่ ก่อนหันมายิ้มให้นางเล็กน้อย
“อาซานเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนพี่ตกลงไปในน้ำ พี่เหมือนคนตายไปแล้วหนหนึ่ง พอพี่รอดตายขึ้นมาได้ ในหัวของพี่ก็มีเรื่องราวมากมายผุดขึ้นเต็มไปหมด”
ยามโกหกก็ต้องให้แนบเนียน เมื่อโลกโบราณเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ เซี่ยซือซือเลยต้องเอ่ยเรื่องนี้ออกมา
“เรื่องไหนหรือเจ้าคะ”
“เหมือนพี่สาวของเจ้าจะมีสัมผัสพิเศษ รู้ว่าตรงไหนบนภูเขาลูกนี้มีอาหารอยู่อย่างไรเล่า”
“ท่านพี่นี่ท่านหลอกเด็กอยู่หรือเปล่าเจ้าคะ”
“ใครหลอกเจ้ากันล่ะ”
“ข้าเชื่อท่านพี่ขอรับ” เสียงน้องเล็กดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งคู่
“หืม นอกจากจะตะกละแล้วเจ้ายังจะประจบเก่งอีกนะน้องเล็ก”
“พี่รองไม่เชื่อท่านพี่เองนี่ขอรับ จะมาโทษข้าได้อย่างไร”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ตอนนี้พวกเจ้ามาเก็บผักป่ากันได้แล้ว”
“ขอรับท่านพี่” เซี่ยซือหยางก้าวขาสั้น ๆ ไปทางพี่สาวคนโตของตนเอง จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาเด็ดผักป่าอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางเหมือนคนทำเรื่องแบบนี้จนชำนาญ
ช่วงหนึ่งก้านธูป[1]ผักป่าก็ถูกเก็บจนเกลี้ยง ตะกร้าของเซี่ยซานซานกับเซี่ยซือหยางเต็มไปด้วยกองผักป่า แต่ตะกร้าของเซี่ยซือซือกลับยังมีพื้นที่ว่าง
“อาซานเจ้ารู้จักต้นมันฝรั่งต้นนี้หรือไม่”
“ต้นวัชพืชนี่หรือเจ้าคะ ข้าไม่รู้จักหรอกท่านพี่”
“นี่ไม่ใช่วัชพืชนะอาซาน นี่ต้นมันฝรั่ง ใต้ดินมีมันฝรั่งอยู่”
“มันฝรั่ง ? ท่านพี่ข้าไม่เคยได้ยินชื่อมันนี้เลยเจ้าค่ะ”
หืม หรือยุคนี้ไม่รู้จักมันฝรั่ง
เซี่ยซือซือใช้จอบที่พกติดตัวมาขุดดินรอบต้นมันฝรั่ง ไม่ช้าก็พบหัวมันฝรั่งสามสี่หัวอยู่ด้านล่าง พอยกหัวมันขึ้นมา น้องทั้งสองของนางก็จ้องตาเขม็ง
“เจ้าสิ่งนี้กินได้” นางเลยต้องอธิบายเพิ่ม
“แต่ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดนำเจ้านี่ไปทำอาหารเลยนะท่านพี่” เซี่ยซานซานไม่เคยได้ยินว่าชาวบ้านคนไหน เก็บมันเหล่านี้ไปทำอาหารกินสักคน
“เช่นนั้นมื้อเที่ยงข้าจะเผามันฝรั่งให้พวกเจ้ากินดีหรือไม่”
เซี่ยซานซานหันไปมองสบตากับน้องชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา ด้วยไม่รู้จะห้ามปรามพี่สาวได้อย่างไร
เซี่ยซือซือใช้น้องสาวติดไฟ ส่วนนางก็ขุดมันฝรั่งให้ได้มากที่สุด นำไปใส่ตะกร้าของตนเอง แล้วเอาผักป่าคลุมไว้อีกที ส่วนหัวมันหกหัวนางต้องการนำมาเผาไฟเป็นมื้อเที่ยง และเก็บหัวที่เผาสุกแล้วไว้กินมื้อเย็นที่บ้านอีกคนละหนึ่งหัว
ในคราแรกสองพี่น้องไม่กล้ากินมันฝรั่งเผา แต่พอเห็นเซี่ยซือซือกินอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งคู่ก็ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป
“อ้ำ อร่อยมากท่านพี่” เซี่ยซือหยางยิ้มจนตาปิด กลิ่นหอมฟุ้งของมันฝรั่งกระจายเต็มกระพุ้งแก้ม
“กินได้จริงด้วยท่านพี่ อร่อยอีกต่างหาก ท่านพี่ท่านดีที่สุด” เซี่ยซานซานได้ลิ้มลองมันฝรั่งเผาแล้ว รู้สึกคุ้มค่ากับการเข้าป่าลึกมาหามันจริง ๆ นางนั่งกินมันเผาอย่างเมามัน ลืมกระทั่งความสงสัยก่อนหน้า ทำไมพี่สาวของตนถึงได้รู้เรื่องมันฝรั่งเหล่านี้สามารถกินได้
เมื่อนัดแนะกับน้องทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เซี่ยซือซือก็แบกตะกร้าขึ้นหลัง พาพวกเขาเดินออกจากป่าไป ตอนลงมาจากภูเขาไฉ่หง ได้เจอกับเด็กสาวสามคนกำลังเดินเล่นกันอยู่ พวกนางแต่งตัวราวกับคุณหนูในตัวตำบล แตกต่างจากเด็กสาวคนอื่นในหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ มีเซี่ยฮุ่ยหนิงบุตรสาวคนเล็กอายุสิบสี่ปีของบ้านใหญ่ ด้านข้างคืออวี่ไป๋ชิงอายุสิบสามปี กับอวี่เยี่ยนเอ๋ออายุสิบเอ็ดปี ทั้งคู่เป็นสหายสนิทของเซี่ยฮุ่ยหนิง
อวี่เยี่ยนเอ๋อรีบเดินมาดักหน้าสามพี่น้อง นางยืดตัวกอดอกตัวเอง เหยียดตามองเซี่ยซือซือ “จุ๊ ๆ อาซือเจ้าจะออกเรือนอยู่แล้วยังจะขึ้นเขาไปทำสิ่งใด ไม่เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กับเรือนเหมือนเจ้าสาวคนอื่น ๆ เขาล่ะ”
“ไอหยา ! เยี่ยนเอ๋อเจ้านี่ไม่รู้สิ่งใดเอาเสียเลย ไหนนางจะมีวาสนาดีเช่นนั้น นางถูกท่านย่าของข้าขายให้คนพิการด้วยเงินแค่ห้าตำลึง คิก คิก”
เซี่ยฮุ่ยหนิงเดิมทีนั้นไม่ชอบลูกพี่ลูกน้องคนนี้อยู่แล้ว เนื่องจากหน้าตาของเซี่ยซือซือนั้นงดงามกว่านางมากนัก เป็นเรื่องที่นางไม่อาจทำใจยอมรับได้ กระทั่งผอมแห้งเห็นกระดูกอยู่แบบนี้ นางก็ยังงดงามมิเสื่อมคลาย
“ฮุ่ยหนิงเจ้าไม่คิดว่าห้าตำลึงมากไปหรอกหรือ ข้าว่าอย่างนางหากเอาไปขายซ่องคงได้ไม่ถึงสองตำลึงด้วยซ้ำ” อวี่ไป๋ชิงสะบัดผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากแสร้งหัวเราะเบา ๆ
“เจ้าคนปากพล่อย !” เซี่ยซานซานผลักทีเดียวอวี่ไป๋ชิงก็ตกลงไปในคูนา เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน
“อ๊าย ! เซี่ยซานซานข้าจะฆ่าเจ้า” อวี้ไป๋ชิงวิ่งขึ้นมาตบกระชากเซี่ยซานซานจนล้มลงไปกับพื้นดิน สหายทั้งสองไม่รอช้า วิ่งเข้ามาช่วยกันลงมือตบตีเซี่ยซานซาน
เพียะ ! เพียะ !
“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ !” เซี่ยซือซือรีบวางตะกร้าลงให้น้องชายเฝ้าไว้ ตัวนางรีบวิ่งเข้าไปช่วยน้องสาวอย่างทุลักทุเล
นางได้ดื่มน้ำพุในมิติพิเศษมาแล้ว จึงมีพละกำลังมากเป็นพิเศษ ผลักเซี่ยฮุ่ยหนิงกับสหายชั่วของนางกระเด็นตกคูนาไปคนละทิศทาง เห็นเซี่ยซานซานมุมปากแตกเพราะถูกตบ ศีรษะปูดนูนขึ้นเพราะถูกกระแทกเข้ากับก้อนดินบนคันนา ทันใดดวงตาของนางก็เปิดกว้าง เมื่อนึกถึงหนทางรอดของน้องสาวตนเองออก
“อาซานเจ้ารีบสลบเร็วเข้า !”
“ทำเช่นนั้นทำไมท่านพี่”
เซี่ยซือซือมองซ้ายขวาก่อนกระซิบเบา ๆ ตรงหูของน้องสาว “เจ้าต้องทำเหมือนถูกพวกนางตีจนสลบแล้วไม่ฟื้น คนอย่างท่านย่าไม่อยากเสียเงินรักษาเจ้าแน่ พวกเราจะได้แยกบ้านออกมาอยู่กันเอง ไม่ต้องทนทำงานหนักให้คนชั่วพวกนั้นอย่างไรล่ะ”
“ท่านพี่ข้า”
“ข้าจะหาทางช่วยเอง เจ้าแค่ห้ามฟื้นจนกว่าข้าจะบอกเข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“ฆ่าคนแล้ว ! สวรรค์เหตุใดถึงทำกับข้าเช่นนี้ อาซานเจ้าลืมตาขึ้นมา เจ้าอย่าตายนะอาซาน ฮือ ๆ ๆ”
[1] 1ก้านธูป คือ 1ชั่วโมง