“ซือซือเจ้ามาทันเวลาพอดี ซานซานเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ใหญ่ ๆ นี้เอง เสี่ยวซือหยางเป็นคนวิ่งไปบอกข้า ข้าเลยให้คนไปตามท่านหมออวี่มาตรวจดูอาการของนาง” นางถานยิ้มจนหน้าบาน เดินไปดึงมือของลูกสะใภ้มาตบปลอบเบา ๆ นี่นับว่าเป็นเรื่องดีของครอบครัวนาง
“ท่านหมออวี่อาซานเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“อาการแทบจะเป็นปกติดีทุกอย่าง ยาที่ข้าให้เจ้ามาได้ผลดีเกินคาด กินไปไม่ทันข้ามวันก็ฟื้นแล้ว” ท่านหมออวี่ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
เซี่ยซือซือ “...”
เซี่ยซานซาน “...”
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ปวดเมื่อยเนื้อตัวตรงไหนไหม” เซี่ยซือซือเดินเข้าไปหาน้องสาว พร้อมกับลูบศีรษะนางเบา ๆ สายตาของเซี่ยซานซานเหมือนกำลังอยากฟ้องนางเหลือเกิน นี่มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ
“ไม่ปวดเลยท่านพี่ ข้าเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตายมา สวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่”
“ข้าบอกแล้วว่าเสียงของข้า ต้องทำให้พี่รองประทับใจจนต้องฟื้นขึ้นมา” เซี่ยซือหยางกอดอกฉีกยิ้มกว้าง จนเห็นฟันสีขาวเรียงกัน
เซี่ยซานซาน “...!”
“เช่นนั้นหรอกหรือ น้องเล็กเจ้าเก่งมาก เจ้าทำให้พี่รองของเจ้าฟื้นได้” เซี่ยซือซือก้มลงไปหยิกแก้มน้องชายเบา ๆ ก่อนหันไปทางท่านหมออวี่อีกหน
“ขอบคุณท่านหมออวี่มากเจ้าค่ะที่มาดูอาการของอาซาน”
“เรื่องเล็กน้อย ข้าเองก็ไม่เคยพบเจอคนป่วยเช่นนี้มาก่อน ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต ในเมื่ออาซานร่างกายแข็งดี ข้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ข้าขอตัวกลับบ้านก่อนก็แล้วกัน” ท่านหมออวี่เดินไปหยิบย่ามยาขึ้นมาสะพาย
นางถานเดินไปส่งท่านหมออวี่ที่หน้าบ้าน พร้อมกับบอกกล่าวชาวบ้านที่มารอฟังข่าวดี ให้ทุกคนรับรู้ว่าเซี่ยซานซานนางฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ร่างกายของนางเป็นปกติดี ทุกคนถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้านไป
ลับหลังทุกคนเซี่ยซานซานดึงแขนพี่สาวมากระซิบเบา ๆ “ท่านพี่น้องเล็กก่อเรื่องจนข้าทนไม่ไหว เขาตะโกนใส่หูข้าเสียงดังมาก ข้านึกว่าหูข้าหนวกไปเสียแล้ว อีกทั้งเอานิ้วมาแหย่จมูกข้าอีก ข้าอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เลยลืมตาตื่นมันซะเลย” เสียงของนางเจือไปด้วยความคับข้องใจ
เซี่ยซือซือไม่คิดว่าเจ้าตัวน้อยจะซุกซนถึงเพียงนี้ “น้องชายเจ้ายังเด็กไม่รู้ความ อย่าได้ถือสาหาความเขาเลย ลำบากเจ้ามาหลายวัน ตอนนี้เป็นอิสระไม่ต้องทนนอนนิ่งอยู่บนเตียงอีกต่อไป นับว่าเป็นเรื่องดี”
ผลัวะ !
“พวกท่านพูดอะไรกัน ทำไมไม่ให้ข้ารู้ด้วย !” เซี่ยซือหยางยืนทำหน้าบึ้งอยู่ตรงประตูห้อง เมื่อครู่เขาวิ่งไปบอกข่าวดีกับพี่เขย กลับมาเห็นพี่สาวทั้งสองกระซิบกระซาบกันอยู่ พวกนางทำตัวน่าสงสัยยิ่งนัก
“ข้าจะบอกว่า ข้าซื้อถังหูลู่มาฝากพวกเจ้าด้วยล่ะ”
“ท่านพี่ ! ท่านดีที่สุด !”
เจ้าตัวหน้าบึ้งเมื่อครู่ ไปไหนแล้วล่ะ
เซี่ยซือซือกับน้องสาวหัวเราะออกมาดัง ๆ เรื่องประจบสอพลอต้องยกให้น้องเล็กของพวกนางจริง ๆ
“ถังหูลู่ ๆ ๆ” เด็กน้อยกระโดดดึ๋ง ๆ ตามหลังพี่สาวทั้งสองคนไปยังห้องครัว
เซี่ยซือซือรีบเดินนำหน้าไปก่อน นางรีบหยิบของในมิติพิเศษลงใส่ในตะกร้า ดึงถังหูลู่ที่ทำจากพุทราป่าออกมาสี่ไม้ มอบให้น้อง ๆ คนละสองไม้อย่างเท่าเทียมกัน
“ท่านพี่ท่านขายเห็ดเยื่อไผ่ได้เงินมาหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ข้าเจอเศรษฐีใจดีมอบรางวัลให้ตั้งห้าสิบอีแปะ อ้อ เกือบลืมข้าซือซาลาเปามาฝากพวกเจ้าด้วย เอาไปแบ่งกันกิน ที่เหลือเก็บไว้ให้ท่านแม่กับพี่เขยของพวกเจ้า”
“เจ้าค่ะ / ขอรับ” เสียงขานรับพวกเขาดังพร้อมกัน
นางถานที่เดินไปส่งท่านหมออวี่ก่อนหน้า กลับเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับทำหน้าสงสัย ได้กลิ่นเหมือนของกินลอยมาเตะจมูกของนาง จากนั้นก็เห็นสองพี่น้องถือขนมกันคนละสองไม้
“ซานซานเพิ่งตื่น เจ้าก็ให้นางกินถังหูลู่เลยรึซือซือ”
เซี่ยซือซือหันมายิ้มให้แม่สามีเล็กน้อย “นางหมดสติไปแค่สองวันเองนะท่านแม่ ร่างกายของนางไม่ได้อ่อนแอเพียงนั้น ท่านแม่นี่เงินค่าผ้าปักของท่าน ส่วนนี่เงินค่าคัดลอกตำราของพี่จ้านเจ้าคะ”
นางถานยื่นมารับเงินค่าปักของตัวเองอย่างเดียว “ ค่าคัดลอกตำราของจ้านเออร์ เจ้านำไปให้สามีของเจ้าเองเถอะ”
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าคะ ท่านแม่ซาลาเปาห่อนี้ข้าซื้อมาฝากท่านกับพี่จ้านเจ้าคะ” นางเปิดถุงกระดาษห่อซาลาเปาให้แม่สามีดู
“เหตุใดต้องสิ้นเปลืองด้วย แล้วข้าวสารกับแป้งขาวธัญพืชเจ้าซื้อกลับมาหรือไม่”
“ซื้อเจ้าค่ะอยู่ในตะกร้า” เซี่ยซือซือชี้นิ้วไปยังตะกร้าที่อยู่ในห้องครัว
นางถานเริ่มเอะใจ นางนับดูเงินในมือของตัวเองอีกครั้ง “เงินนี่พอดีกับค่าปักผ้าของข้าเลยนะซือซือ เจ้าไม่ได้ใช้เงินข้าซื้อของหรอกหรือ”
“ข้าใช้เงินรางวัลซื้อเจ้าค่ะท่านแม่ มีเศรษฐีใจดีเหมาเห็ดเยื่อไผ่ของข้าราคาแพงกว่าท้องตลาดเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังมอบรางวัลให้ข้ามาด้วย ข้าเลยใช้เงินรางวัลนั่นซื้อของเจ้าค่ะ” นี่ไม่ใช่การโกหกซ้ำซากหรอกหรือ นึกรู้สึกผิดขึ้นในใจ
“มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยรึ”
“ท่านป้ามากินซาลาเปาเร็วเข้า แต่มันร้อนมากร้อนจนปากข้าพองหมดแล้ว” เซี่ยซือหยางพูดพลางเคี้ยวซาลาเปาในปากไปด้วย เจ้าตัวน้อยอ้าปากให้ไอร้อนของไส้ซาลาเปาพุ่งออกมา เขาเก็บถังหูลู่เอาไว้ก่อน ของหวานต้องค่อย ๆ กิน
“เจ้าบิมันออกจากกันก่อนก็ได้ ขืนกัดลงไปเต็ม ๆ คำได้ลวกปากกันพอดี” นางถานเห็นแล้วอดสงสารเขาไม่ได้
“อื้ม” เซี่ยซือหยางพยักหน้าลงพร้อมส่งเสียงขานรับในลำคอ
“ซือซือเจ้าเอาเงินกับซาลาเปา เข้าไปให้จ้านเออร์ในห้องเถอะ”
“เจ้าค่ะท่านแม่” เซี่ยซือซือเดินไปหยิบจานมาใส่ซาลาเปาสามลูก ยังร้อนกรุ่นเหมือนเพิ่งออกมาจากเตาจริง ๆ แม่สามีของนางจะสงสัยไหมนะ นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเดินไปยังห้องนอนของถานจ้าน
“พี่จ้านข้าเองซือซือ”
“อืมเข้ามาสิ”
“ได้ข่าวว่าน้องสาวของเจ้าฟื้นแล้ว” เซี่ยซือหยางวิ่งหน้าตั้งมาเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นเมื่อครู่นี้ เล่าไปลิ้นก็พันกันไปหมดจนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก มีคำว่าตะโกนใส่หูบ้าง เอานิ้วแหย่จมูกบ้างล่ะ
“เจ้าค่ะนางฟื้นแล้วโชคดีมากเลย ท่านหมออวี่มาตรวจอาการให้ บอกว่าร่างกายของนางแข็งแรงดีเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือยิ้มด้วยความดีใจ นางวางจานซาลาเปาลงบนโต๊ะของเขา พร้อมกับเงินหนึ่งตำลึงของเขา “ซาลาเปาข้าซื้อมาฝากท่าน นี่เงินค่าตำราเจ้าค่ะ”
ถานจ้านมองเงินหนึ่งตำลึงตรงหน้าอย่างแปลกใจ “เหตุใดเจ้าไม่ใช้เงินนี่ซื้อของกลับมา”
เซี่ยซือซือจำต้องโกหกคำเดิมต่อ ถานจ้านมีใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย นางเข้าไปขายของป่าครั้งแรก ก็เจอคนใจดีแจกรางวัลเลยหรือ ช่างโชคดีเสียกระไร
“พี่จ้านหากข้ามีเงินมาไถ่ตัวท่านจะว่าอย่างไร” นางลองหยั่งเชิงเขาดูก่อน
“ทำไมเจ้าขายของป่าวันเดียวก็มีเงินมาไถ่ตัวเลยรึ”
“ก็ไม่แน่นะเจ้าคะ วันนี้ข้าเจอเศรษฐีใจดี พรุ่งนี้ข้าอาจจะเจอขุนนางใหญ่โตมอบรางวัลให้ก็เป็นได้”
เหมือนถานจ้านจะชะงักไปเล็กน้อย “หากเจ้ามีเงินก็นำมาไถ่ตัวเองได้ แต่เจ้าต้องคิดให้ดี ๆ ก็แล้วกัน ว่าเจ้าอยากกลับไปอยู่ที่สกุลเซี่ยจริงหรือ ไม่ใช่ว่าเจ้าแยกบ้านออกมาเพราะพวกเขา ใช้งานเจ้ากับน้องสาวหนักเกินไปหรอกรึ” แม้ไม่ได้สนใจใคร่รู้เรื่องของภรรยาตัวน้อยผู้นี้มากนัก แต่มารดาของเขาก็เล่าเรื่อง เกี่ยวกับตัวนางให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง
“เรื่องนั้นมันก็จริง”
“เจ้าอายุยังน้อยหากมีเงินตำลึงติดตัว แล้วเกิดทางบ้านใหญ่สกุลเซี่ยรู้เข้า มีหวังได้เอาคำว่ากตัญญูมาบีบบังคับ ให้เจ้ามอบเงินทั้งหมดให้แน่ ข้าขอแนะนำเจ้าด้วยความหวังดี เก็บเงินเอาไว้กับตัวให้ดีอย่าให้คนที่บ้านนั้นรู้เด็ดขาด เมื่อเจ้าโตพอจะออกเรือนได้แล้ว ค่อยเอาไปใช้จ่ายยามนั้น เมื่อมีบุรุษในบ้านใครจะกล้ามาหาเรื่องเจ้าอีก”
โตพอจะออกเรือน ? ตอนนี้ข้าไม่ได้ออกเรือนแล้วรึ
“แต่ข้าแยกบ้านออกมาแล้วนะ”
“อย่างไรก็ได้ชื่อว่าสายเลือดเดียวกัน ชาวบ้านทั่วไปเขาไม่สนใจหรอก แต่ละครอบครัวก็มีเรื่องบาดหมางกันทุกบ้าน หากเจ้ามีอันจะกินขึ้นมา เจ้าก็ต้องแบ่งปันญาติผู้ใหญ่ของเจ้าอยู่ดี หากเจ้าถูกชาวบ้านกล่าวหาว่าอกตัญญู ต่อไปในภายภาคหน้า พวกเจ้าสามพี่น้องจะใช้ชีวิตยากลำบาก หากเสี่ยวซือหยางอยากเล่าเรียน เขาก็จะถูกผู้คนรังเกียจ แม้แต่สถานศึกษาอาจไม่รับเขาเข้าเรียนก็เป็นได้”
“ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” อนาคตนางย่อมหาทางตัดขาดจากคนสกุลเซี่ยได้แน่นอน เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง
“ข้าแค่อยากให้เจ้าคิดเรื่องนี้ให้ดี ๆ เอาไว้เติบใหญ่มีกำลังมากพอ เมื่อนั้นพวกเขาจะไม่กล้าเอาเปรียบเจ้า แต่ถ้าเจ้าอายุเพียงเท่านี้ เจ้าไม่สามารถหนีพ้นคำว่าอกตัญญูไปได้”
นั่นสินะ ถึงตัวตนจริงของนางจะยี่สิบห้า แต่ภายนอกนางยังสิบสามอยู่ หากร่ำรวยออกนอกหน้าจนเกินไป ใช้ชีวิตอย่างคนมีอันจะกินขึ้นมา โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ รังแต่จะทำให้ผู้คนสงสัยและปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่นนั้นข้าขอรวยเงียบไว้ก่อนก็แล้วกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าท่านรับปากข้าเรื่องหนึ่งมาก่อนได้หรือไม่ ในวันข้างหน้าท่านยินยอมให้ข้าไถ่ถอนตัวเองได้”
ถานจ้านยิ้มเศร้า สตรีนางไหนจะอยากมาอยู่กับคนพิการอย่างเขาไปชั่วชีวิต “ก็ได้ข้ารับปากเจ้า ข้าเองก็ไม่ได้อยากมีภรรยาเสียหน่อย ข้ายังเอาตัวเองไม่รอด ไหนเลยจะกล้าให้สตรีอื่นมาทนลำบากด้วยได้ เพียงแต่ท่านแม่ข้าป่วยหนัก ข้าเลยไม่อยากขัดใจท่าน”
เมื่อเจ้ามีจิตใจดีเช่นนี้ ข้ามีหรือจะทอดทิ้งได้ ถานเจ้าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ขาของเจ้าข้าจะรักษาให้หายเอง
“พี่จ้านท่านรับปากข้าแล้วนะ ท่านอย่าได้ลืมเชียวละ ปีสองปีนี้ข้าอาจจะอยู่กับพวกท่านไปก่อน เอาไว้ข้าโตขึ้นอีกหน่อย ข้าจะพาน้อง ๆ ออกไปซื้อที่ซื้อบ้านอยู่เอง ข้าไม่อยากอยู่บ้านหลังเก่าหลังนั้นหรอก ไม่อยากเห็นหน้าคนใจดำพวกนั้นด้วย”
“เจ้าฝันให้มันน้อย ๆ หน่อย มีเงินไม่กี่อีแปะก็อยากซื้อที่ซื้อบ้านเสียแล้ว”
“ได้ข้ามันฝันไปเองทั้งนั้น ข้าไปดูอาซานก่อนนะ ท่านก็กินซาลาเปาให้อร่อยล่ะ” เซี่ยซือซือรีบหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยนางก็สบายใจ ที่ถานจ้านรับปากให้นางไถ่ถอนตัวเองได้