17 : อาซานเจ้าฟื้นแล้วหรือ

1799 Words
นางทำให้ห้องครัวในมิติพิเศษมีทุกอย่างครบครัน ทั้งหมดใช้เงินไปไม่ถึงสิบตำลึงด้วยซ้ำ พวกผ้าห่มผืนใหม่ที่ซื้อมา นางคงต้องเก็บไว้ในมิติพิเศษไปก่อน เพราะไม่มีเหตุผลจะมาบอกทุกคนได้ ยามนี้เซี่ยซือซือต้องการเก็บงำเรื่องเงินก้อนนี้เอาไว้ นางไม่อยากเป็นเศรษฐีใหม่ ที่คนอื่นต่างพุ่งความสนใจมาหา ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป นางเดินสำรวจในตำบลหานตงเพื่อหาช่องทางหาเงินในอนาคต ในใจพลันสับสนนางจะสามารถสร้างรายได้จากอาชีพอะไรได้บ้าง เอาล่ะตอนนี้นางยังคิดอะไรไม่ออก ใครใช้ให้นางเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดาล่ะ หากนางปลูกของกินได้ในมิติพิเศษ นางจะเก็บเกี่ยวมันออกมาอย่างไรไม่ให้ผู้คนสงสัย เป็นปัญหาที่นางนอนคิดมาสองคืนแล้วก็ยังคิดไม่ตก พลังวิเศษมักมากับปัญหาหากใช้พร่ำเพรื่อจนเกินเหตุ ถ้านางเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อที่ดินปลูกบ้านหลังใหม่ แค่คิดผีโหยในบ้านใหญ่สกุลเซี่ย คงไม่ปล่อยให้พวกนางหลุดรอดไปแน่ ให้ตัดขาดจากกันดันไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ทำเช่นนั้น ยิ่งยุคโบราณบูชาความกตัญญูแบบไม่สนใจเหตุผลแบบนี้ แค่มีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าทิ้งตัวลงไปกลิ้งเกลือกกับดินโคลน ก่นด่าบุตรหลานเรื่องเนรคุณ บุตรหลานผู้นั้นก็จะถูกสาปแช่งจากผู้คนในทันที เอาล่ะ ข้าไม่รีบ ข้ายังต้องเรียนรู้ภาษาโบราณพวกนั้นอีก นางหมายมั่นปั้นมือไว้ หากถึงเวลาเหมาะสมนางจะขอให้ถานจ้าน สอนหนังสือนางกับน้องทั้งสองคน “ซาลาเปาจ้า ซาลาเปาร้อน ๆ หอมอร่อย ลูกละสองอีแปะเท่านั้น ซาลาเปาร้อน ๆ หอมอร่อย” เสียงสตรีนางหนึ่งตะโกนขึ้น เรียกความสนใจจากผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา นางเปิดฝาเข่งซาลาเปาออก ควันกลุ่มหนึ่งก็ลอยขึ้น กลิ่นหอมของซาลาเปา กระตุ้นต่อมอยากอาหารของเซี่ยซือซือ วันนี้นางยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเลย “ท่านน้าซาลาเปาของท่านมีไส้อะไรบ้าง” นางเดินไปอยู่ด้านข้างเข่งซาลาเปา มองดูเจ้าก้อนสีขาวอย่างสนใจ “มีไส้ผัก ไส้หมู ไส้เนื้อ ไส้ผักหนึ่งอีแปะไส้หมูกับไส้เนื้อสองอีแปะ เจ้ารับกี่ลูกดีแม่นางน้อย” มีคนเรียกนางว่าแม่นางน้อยอีกแล้ว แลดูน่ารักน่าเอ็นดูเชียว “เอาทั้งสามไส้อย่างละแปดลูกเจ้าค่ะ” “ได้ ๆ เดี๋ยวข้าห่อให้เจ้าเดี๋ยวนี้” เจ้าของร้านซาลาเปารีบห่อให้อย่างว่องไว ลูกค้าซื้อจำนวนเยอะแบบนี้หาได้ยากยิ่ง ท่าทางกระตือรือร้นขายของให้ลูกค้าแบบนี้ คำพูดคำจาอ่อนหวานไพเราะ แม้ผมเผ้าแลดูยุ่งเหยิงเพราะเร่งรีบทำงาน แต่เซี่ยซือซือกลับมองว่า ท่านน้าผู้นี้เป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก การเป็นแม่ค้าต้องคล่องแคล่วแบบนี้สิถึงจะดึงดูดลูกค้าได้ “ได้แล้วแม่นางน้อยทั้งหมดสี่สิบอีแปะพอดี” เซี่ยซือซือจ่ายเงินเสร็จ ก็เก็บซาลาเปาไว้ในมิติพิเศษ นางมองหาที่นั่งข้างทางก่อนหย่อนสะโพกลงนั่ง แล้วหยิบซาลาเปาไส้ผักออกมากินหนึ่งลูก ซาลาเปาในยุคโบราณช่างแป้งบางไส้เยอะ ไม่เอาเปรียบผู้คนจริง ๆ ทั้งยังราคาถูกอีกด้วย นางกินต่อด้วยไส้เนื้อรสชาติดีเลิศจริง ๆ เพราะซาลาเปาลูกค่อนข้างใหญ่ กินไปสองลูกนางก็อิ่มจนจุก ยามอู่[1]เซี่ยซือซือเดินมาหยุดอยู่ บริเวณที่วัวเทียมเกวียนของเฒ่าอวี่ไห่จอดรอ คนบนเกวียนมากันเกือบครบแล้ว เหลือเพียงแม่เฒ่าจางที่ยังไม่เห็นมา “อาซือเจ้าเห็นแม่เฒ่าจางบ้างไหม” เฒ่าอวี่ไห่ถามหลังนางปีนขึ้นนั่งบนเกวียนแล้ว “ไม่เห็นเลยเจ้าค่ะ” “แม่เฒ่าจางนี่อย่างไรนะ ถึงเวลากลับหมู่บ้านยังไม่มาอีก ให้นางกลับเกวียนคนอื่นเถอะเฒ่าอวี่ไห่ไม่ต้องรอแล้ว” แม่ม่ายหวังทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่ “รออีกเดี๋ยวจะเป็นไร แม่ม่ายหวังเจ้าจะรีบร้อนไปไหน” อวี่เฉินฟู่หันไปต่อว่าแม่ม่ายหวัง “นั่นสิแม่เฒ่าจางอายุมากแล้ว นางอาจจะเดินเหินไม่สะดวก เลยมาช้าก็เป็นได้ เจ้าก็อย่าใจจืดใจดำนักเลยคนหมู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ” อวี่จงสหายร่วมล่าสัตว์ของอวี่เฉินฟู่เอ่ยสมทบขึ้น “เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนก็ไปตามนางสิ จะมามัวนั่งรออยู่ที่นี่ทำไม” แม่ม่ายหวังสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง นายพรานทั้งสองใช่ว่าจะไม่อยากออกไปตามหาแม่เฒ่าจาง แต่พวกเขาซื้อของกลับบ้านค่อนข้างเยอะ หากไปแล้วมีคนหยิบฉวยไป จะไปหาความผิดจากใครได้ “อันไหนของท่านลุงทั้งสองเจ้าคะ เดี๋ยวข้าดูให้เอง” เซี่ยซือซือรู้ความในใจของพวกเขา ชาวบ้านเหล่านี้แม้แลดูหน้าซื่อ ทว่าบางคนก็ใจคดเพราะความยากจน “เช่นนั้นรบกวนเจ้าด้วยนะอาซือ ของพวกนี้เป็นของข้ากับของอาจง พวกข้าจะรีบไปรีบกลับ” อวี่เฉินฟู่ชี้สัมภาระของตนเองให้เซี่ยซือซือดู จากนั้นก็พาสหายลงไปตามหาแม่เฒ่าจาง “ท่านปู่ท่านยายไปขายสิ่งใดในตำบลหรือเจ้าคะ” ระหว่างรอเซี่ยซือซือก็หันไปถามเฒ่าอวี่ไห่ “จะไปขายอะไรได้ นอกจากจะไปขอเงินลูกสาวน่ะสิ” แม่ม่ายหวังเอ่ยเยาะขึ้น ปากนางบิดเบี้ยวปานนางมารร้าย “เจ้าก็พูดไปเรื่อยนะแม่ม่ายหวัง แม่เฒ่าจางจะไปเยี่ยมลูกสาวบ้างจะเป็นไร นางอยู่ตัวคนเดียวก็ต้องคิดถึงลูกหลานบ้างสิ” เฒ่าอวี่ไห่กลอกตาใส่แม่ม่ายหวัง ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็บ่นอยากกลับหมู่บ้านเร็ว ๆ ไม่มีน้ำจิตน้ำใจรอคอยผู้อื่นแม้แต่น้อย ราวหนึ่งเค่อนายพรานทั้งสองได้แบกแม่เฒ่าจางกลับมาขึ้นเกวียน สีหน้าของนางแลดูอิดโรยเป็นอย่างมาก อีกทั้งดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บกลับมาอีกด้วย “นางถูกลูกสาวผลักจนล้มหัวกระแทกขอบประตู ซ้ำยังไม่ยอมพานางไปหาหมออีก พวกข้าสองคนไปเจอนางที่หน้าบ้านของลูกเขยนาง” อวี่เฉินฟู่ส่ายหน้าให้กับความอกตัญญูของลูกสาวแม่เฒ่าจาง “ข้าบอกแล้วไงว่านางไปขอเงินลูกสาวของนางแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นจะถูกลูกสาวผลักออกมาเช่นนี้หรือ” “เจ้าหุบปากเสียแม่ม่ายหวัง คนไม่สบายอยู่ยังจะมาซ้ำเติมกันอีก” อวี่จงส่ายหน้าให้นางอย่างเอือมระอา ช่วยกันประคองแม่เฒ่าจาง ที่ตอนนี้หน้าซีดหน้าเซียวอยู่ด้านข้างเซี่ยซือซือ “ท่านยายท่านดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ จะได้สดชื่น” เซี่ยซือซือแอบหยดน้ำพุวิเศษลงในกระบอกน้ำไม้ไผ่ไปหนึ่งหยด แม่เฒ่าจางดื่มไปแล้วพลันรู้สึกเนื้อตัวโปร่งสบายขึ้น นางสามารถนั่งตัวตรงได้ตามปกติ อาการปวดศีรษะก็หายเป็นปลิดทิ้ง “ข้าไม่เป็นไรแล้ว กลับหมู่บ้านกันเถอะ” เฒ่าอวี่ไห่ขึ้นประจำตำแหน่งขับวัวเทียมเกวียนกลับหมู่บ้าน ระหว่างทางแม่เฒ่าจางไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งนิ่ง ในความทรงจำของเซี่ยซือซือแม่เฒ่าจางผู้นี้ยากจนนัก ครั้นลูกสาวเพียงคนเดียวแต่งงานออกไป ก็ไม่สนใจไยดีนางอีก ครอบครัวของลูกสาวนั้นยังมีหลานอีกสี่คน ไม่มีเงินทองพอจะมาจุนเจือมารดาอย่างนางได้ เมื่อวัวเทียมเกวียนมาถึงหน้าหมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เฒ่าอวี่ไห่เป็นสหายเก่าของแม่เฒ่าจาง แม้นางไม่ได้จ่ายค่าเกวียนเขาก็ไม่ทวงถาม เพราะนั่นหมายความว่านางไม่มีแล้วจริง ๆ เมื่อทุกคนเดินแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เซี่ยซือซือจึงเข้าไปหาแม่เฒ่าจาง พร้อมกับยัดซาลาเปาสามลูกใหญ่ใส่มือนางไป “ท่านยายข้าขอบคุณท่านที่ช่วยข้ากับน้องสาวไว้คราวก่อน ซาลาเปาสามลูกนี้ไม่ได้ราคาค่างวดอะไร ท่านอย่าได้รังเกียจเลยนะเจ้าคะ” “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้ายังมีน้อง ๆ อยู่ด้วย” “ส่วนนั้นข้าซื้อไปฝากพวกเขาแล้วเจ้าค่ะ” นางเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกระซิบตรงหูของแม่เฒ่าจาง “ข้ามีความลับจะบอกท่านยาย วันนี้ข้าเจอเศรษฐีใจดีด้วย คนผู้นี้เหมาเห็ดเยื่อไผ่ของข้าไปหมดตะกร้า ให้ราคาสูงกว่าที่อื่นเป็นเท่าตัว ซ้ำยังมอบรางวัลให้ข้าอีกตั้งห้าสิบอีแปะ ซาลาเปาพวกนี้ข้าใช้เงินรางวัลซื้อมา ท่านยายอย่าได้เกรงใจเด็ดขาด” ได้ยินดังนั้นแม่เฒ่าจางพลันยิ้มออก “เจ้านี่มันดวงดีจริง ๆ อาซือ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วกัน ขอบใจเจ้ามาก” “ท่านยายเดินกลับบ้านดี ๆ นะเจ้าคะ” แม่เฒ่าจางยกมือโบกให้นางกลับบ้านได้แล้ว เซี่ยซือซือเดินผ่านหน้าบ้านสกุลเซี่ย เห็นนางหลินป้าสะใภ้ใหญ่ของนาง กำลังเกาะขอบรั้วคุยกับเพื่อนบ้านอยู่ ในมือของนางมีเมล็ดแตงโมอยู่หนึ่งกำ พูดไปก็พ่นเปลือกหล่นเต็มพื้น ครั้นเห็นนางเข้าปากของนางหลินก็บิดเบี้ยว ชี้มาทางนางพร้อมถ่มน้ำลายลงพื้นไปด้วย ไร้อารยธรรมสุด ๆ เซี่ยซือซือเดินผ่านนางไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงด่าทอตามหลังมา แม้ฟังไม่ได้ศัพท์แต่รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ที่บ้านสกุลถานอย่างแน่นอน เซี่ยซือซือรีบซอยฝีเท้าให้เร็วขึ้น เป็นจริงอย่างที่นางคิด มีชาวบ้านมุงอยู่หน้าบ้านนับสิบคน “ซือซือมาแล้ว เจ้ารีบเข้าไปดูน้องสาวของเจ้าเร็วเข้า !” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนบอกนาง “อาซาน !” เซี่ยซือซือแทบจะวิ่งตัวปลิวเข้าไปในบ้าน นางรีบวางตะกร้าบนหลังลงที่ห้องครัว แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของน้องสาว ครั้นเปิดประตูเข้าห้องไปก็ต้องตกตะลึง เซี่ยซานซานนอนลืมตาอยู่บนเตียง ด้านข้างมีน้องเล็กยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ ท่านหมออวี่กำลังตรวจอาการให้เซี่ยซานซานอยู่ “อาซานเจ้าฟื้นแล้วหรือ” เซี่ยซือซือทำหน้าปั้นยาก นางยิ้มแบบฝืน ๆ เล็กน้อย ตกลงกันว่าจะฟื้นตอนนางกลับมาไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้ฟื้นขึ้นมาก่อนเวลาเล่า [1] ยามอู่ คือเวลา 11.00-12.59 น.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD