ตอนที่ 8 เชื่อใจ

1440 Words
พิธีงานศพผ่านไปด้วยดี แต่ตอนนี้ตังเมมีแต่ความเศร้าจนชายหนุ่มเองก็ยังคงเป็นห่วงสภาพจิตใจของเธออยู่ ส่วนสายฟ้าก็ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเร็วๆ นี้เลย คุณหมอก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าสายฟ้าจะฟื้นเมื่อไหร่ “ช่วงนี้ผอมลงไปเยอะเลยนะ กินเยอะขึ้นอีกหน่อยสิ หรือไม่ก็กินให้เยอะเหมือนเมื่อก่อนสิ” “นี่นายจะว่าเมื่อก่อนฉันกินเยอะหรอ” ตังเมแกล้งหันไปว่าชายหนุ่มที่เอ่ยบอกเธอด้วยความเป็นห่วง “หรือไม่จริงล่ะ สายฟ้าจะต้องฟื้นแน่นอนอย่าห่วงไปเลย” “อืม” ทว่าตังเมไม่อาจที่จะกลับมาร่าเริงได้โดยเร็ว เธอคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะทำใจเรื่องนี้ได้ “ไปผับกัน มีเรื่องที่เธอต้องรู้ด้วยตัวของเธอเอง” จู่ๆ เหนือน้ำก็ชวนเธอไปผับซะงั้น “เรื่องอะไรเหรอ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัยและงุนงง เพราะปกติเธอก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกับงานที่ผับของเขานี่นา “ไปเถอะ ไปแต่งตัวเร็วสิ” ชายหนุ่มรีบดึงเธอให้ลุกขึ้นไปแต่งตัวทันทีตังเมลุกไปแต่งตัวตามที่เขาบอกแม้จะยังงุนงงอยู่ก็ตามเถอะ เหนือน้ำพาหญิงสาวมาที่ผับทันที ก่อนจะพาเธอตรงไปที่ห้องทำงานของเขาที่เคยมาด้วยกันเมื่อครั้งก่อน ด้านในมีทั้งต้นไม้และฉลามพร้อมกับชายชุดดำอีกสองคนกำลังรอเธออยู่ ตังเมมองไปที่ทุกคนด้วยความสงสัยว่าเรื่องที่พวกเขากำลังจะบอกเธอมันคือเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมทุกคนถึงได้ดูจริงจังกันขนาดนี้ “ตังเม เรื่องทุกอย่างที่พวกฉันจะเล่าให้ฟัง มันคือเรื่องจริงทั้งหมดและเธอต้องสัญญาว่าจะไม่ใจร้อนเด็ดขาด” “อืม ฉันสัญญา” “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มีคนอยู่เบื้องหลังต่างหาก” “ห๊ะ แล้วมันคือใคร ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย” สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เหนือน้ำพูด เธอทั้งตกใจและรู้สึกโกรธแค้นภายในเวลาเดียวกัน “พวกเราคิดว่าน่าจะเป็นแก๊งของเวกัส ส่วนเหตุผลที่มันทำเธอค่อยไปคุยกับไอ้เหนือน้ำเองแล้วกันนะ” ต้นไม้อธิบาย พลางโยนเรื่องไปให้เหนือน้ำ “ช่วงนี้แก๊งของเวกัสกำลังตามล่าตัวเธออยู่ เพราะงั้นฉันต้องพาเธอไปอยู่ในที่ปลอดภัยสักพัก ให้พวกมันตายใจว่าเรากลัวพวกมันไปก่อน” “แต่ว่าสายฟ้าล่ะ ฉันจะทิ้งน้องได้ยังไง” “คุณแม่จะพาน้องสาวของเธอไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ” ตังเมที่ได้ยินแบบนั้นก็สบายใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะไม่อย่างงั้นเธอก็คงไม่สามารถหนีเอาตัวรอดไปโดยที่ทิ้งน้องสาวไว้ได้แน่ๆ “แต่ว่า...” “ไม่มีแต่เธอห้ามมีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น” เหนือน้ำยื่นคำขาดเมื่อเห็นท่าทีที่ดูลังเลของหญิงสาว “เชื่อไอ้เหนือน้ำเถอะครับ ไว้พวกผมเคลียร์สถานการณ์ให้ปลอดภัยกว่านี้ จะรีบส่งข่าวไปบอกครับ” ฉลามที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นทำให้เพื่อนสนิทอีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วยทันที ตังเมยอมพยักหน้าตกลงแม้ในใจของเธอจะยังคงเป็นกังวลอยู่ก็ตาม “งั้นพวกกูไปก่อนนะเว้ย พอดีมีงานต่ออีก” “เออๆ ขอบใจที่ช่วยสืบนะเว้ย” ต้นไม้และฉลามเดินออกไปพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือเพียงเธอกับเหนือน้ำเพียงสองคน ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเธอก็แทบไม่ได้พูดคุยกับใครเลยแม้กระทั่งเหนือน้ำ แต่เขากลับพยายามจะชวนเธอคุยอยู่ตลอดแล้วยังดูแลเธออีกต่างหาก ตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อกับแม่ของเธอถึงได้ไว้ใจเขาขนาดนั้น “นายเล่าเรื่องนั้นให้ฉันฟังหน่อยสิ” หลังจากที่นั่งเงียบกันมาพักใหญ่หลังจากที่ต้นไม้และฉลามออกไป ตังเมก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นก่อน “เรื่องนั้นเหรอ” “ใช่ เรื่องที่พวกเวกัสอะไรนั่นไง ทำไมพวกมันต้องมาทำร้ายพ่อแม่แล้วก็น้องสาวของฉันด้วยล่ะ แล้วทำไมต้องตามล่าฉันด้วย” เสียงของหญิงสาวสั่นด้วยความกลัวและเสียใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดจนไม่อาจควบคุมน้ำเสียงของตัวเองในตอนนี้ได้ ปึก! ตึ้ง! “นั่นเสียงอะไรน่ะ” เสียงจากด้านนอกดึงดูดความสนใจของหญิงสาว รวมถึงเหนือน้ำเองก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติบริเวณหน้าห้องจึงรีบเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อ ดูกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้อง ตอนนี้หน้าห้องทำงานของเหนือน้ำเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์หลายคนที่สวมหมวกสีดำปกปิดใบหน้าที่กำลังต่อสู้กับลูกน้องของเขาอีกหลายคนอยู่หน้าห้องและในมือของพวกนั้นก็มีปืนเก็บเสียงอีกด้วย ร่างของลูกน้องคนหนึ่งล้มลงไปนอนจมกองเลือดกันพื้น “เหนือน้ำ ผู้ชายคนนั้นโดนยิง!!!” ตังเมตกใจจนแทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่ “เข้าไปหลบเดี๋ยวนี้” ร่างสูงเดินไปที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบปืนกระบอกสั้นสีดำเงาออกมาจากบริเวณลิ้นชักใต้โต๊ะ “นี่นายมีปืนด้วยเหรอ” สีหน้าของเธอในตอนนี้ซีดไปหมดเมื่อเห็นปืนของจริงที่อยู่ในมือของชายหนุ่ม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นมาเฟีย แต่เธอก็อดที่จะกลัวไม่ได้เมื่อต้องมีตกอยู่ในสถานการณ์อันหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ “เธอเข้าไปหลบในห้องนั้นซะ” น้ำเสียงเอ่ยแกมบังคับของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวตกใจจนสะดุ้งเล็กน้อย “แล้วนายล่ะ” ตังเมถามอย่างห่วงใย “ฉันจะจัดการพวกมันเอง” เหนือน้ำเอ่ยพลางกุมมือของเธอไว้ราวกับกำลังบอกให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขา “แต่พวกมันมีกันหลายคนมากเลยนะ” “เชื่อที่ฉันบอกสิ เข้าไปหลบในห้องนั้นเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ได้ยินเสียงฉันเรียกห้ามออกมาเด็ดขาด มีปืนอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียงนะ” ร่างสูงผลักเธอให้เข้าไปในห้องและปิดล็อคประตูจากด้านนอกทันที ตังเมเดินไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียงก่อนจะหยิบปืนกระบอกสั้นมาไว้ในมืออย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ตอนนี้ก็อดเป็นห่วงเหนือน้ำที่อยู่ข้างนอกไม่ได้ ร่างบางนั่งตัวสั่นอยู่ในห้องคนเดียว เธอเป็นห่วงชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกมากกว่ากลัวว่าพวกนั้นจะเข้ามาถึงตัวเธอซะอีก อีกทั้งพอเข้ามาในห้องนี้เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรด้านนอกอีกเลยเพราะภายในห้องนี้เก็บเสียงได้ดีมากจนเสียงข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้และเสียงข้างในก็ออกไปไม่ได้เช่นกัน ผ่านไปสักพักใหญ่ตังเมก็เริ่มลุกขึ้นเดินไปมาในห้องด้วยความกังวลใจเพราะยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับเข้ามาหาเธอเลย นั่นยิ่งทำให้เธอเป็นกังวลเข้าไปมากกว่าเดิม ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้เขากลับมาหาเธอได้อย่างปลอดภัย แกรก! ทันทีที่เธอได้ยินเสียงประตูกำลังจะเปิดก็รีบยกปืนเล็งไปที่ประตูทันที ทว่าทันทีที่เห็นคนที่เข้ามาเธอก็รีบทิ้งปืนทันที “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ตังเมโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว “ฉันบอกให้หาที่ซ่อนด้วยไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นพวกนั้นเข้ามาจะทำยังไง” เหนือน้ำเอ่ยดุทันที “พวกนั้นก็ไม่ได้เข้ามานี่” เหนือน้ำส่ายหัวเล็กน้อยกับความดื้อรั้นของหญิงสาว ก่อนจะปิดประตูและพาร่างบางที่กอดเขาไว้แน่นมานั่งที่โซฟา “เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” “ก็ถ้านายตายไปอีกคน ฉันก็ไม่มีใครแล้วสิ แบบนี้ฉันก็ต้องหนีคนเดียวน่ะสิ” “ฉันไม่ตายง่ายขนาดนั้นหรอก กลับคอนโดกันเถอะ” “แล้วนายจัดการพวกนั้นยังไง” หญิงสาวโผล่หน้าที่ซุกกอดเขาอยู่ออกมาถาม “เดี๋ยวเล่าให้ฟังที่คอนโด” ตังเมรีบลุกทันที ก่อนจะทำทีเดินนำเขาออกมาแต่พอนึกถึงภาพพวกนั้นก็หนีกลับมาเดินตามหลังเขาเหมือนเดิมเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาซะอย่างงั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD