ตอนที่ 16 เที่ยวทะเล (2)
บนรถตู้
พีคและสองแฝดนั่งกันอยู่ที่เบาะหลังสุด ส่วนเบาะข้างหลังฉันคือมิ้นต์กับแยม เบาะเดี่ยวข้างๆ พวกเธอคือกังหัน ที่กำลังคุยกับแยมอย่างออกรสออกชาติ ส่วนที่เบาะด้านหลังคนขับก็มีราฟาเอลที่นั่งติดหน้าต่าง ฉันที่นั่งตรงกลาง และนาวินที่นั่งติดประตู
ราฟาเอลกับนาวินดูคุยกันน้อยลง ฉันสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าพวกเขาไม่ค่อยมองหน้ากันเท่าไหร่ ทั้งที่ปกติจะคุยกันน้ำไหลไฟดับแท้ๆ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่านะ
“เอาไหม?”
ฉันส่งขนมให้นาวินแล้วเอ่ยถาม เขาดูตกใจแปลกๆ เมื่อเห็นว่าฉันคุยด้วย ดะ...เดี๋ยวสิ ทำหน้าตกใจแบบนี้คนถามมันเสียเซลฟ์นะ
“ขอบใจนะ”
นาวินส่งยิ้มให้อย่างทุกทีก่อนจะหยิบขนมขึ้นไปกินหนึ่งชิ้น พอเห็นเขากลับมายิ้มให้แบบนี้ก็สบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
“อ้า...”
จู่ๆ ราฟาเอลก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับอ้าปาก เขามองไปที่ขนมในมือฉันเป็นเชิงบอกความต้องการ
“เป็นง่อยเหรอ”
“นี่เธอ...!”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า อะๆ อ้ำๆ นะคะ”
ฉันหันไปป้อนขนมเขา ป้อนไปก็หัวเราะไป บางครั้งหมอนี่ก็ดูเป็นหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ แต่หลายๆ ครั้เขาก็ดูเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่ชอบเดินตามเจ้าของต้อยๆ
แต่ไม่ว่าจะแบบไหนฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ
ครืดๆ ครืดๆ
เสียงมือถือของราฟาเอลสั่น เขาหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงทันทีที่อ่านเสร็จ ถึงจะแค่แวบเดียว แต่ฉันก็แอบเห็นนะว่าคนที่ส่งข้อความเข้ามาก็คือยัยเด็กที่นั่งอยู่เบาะหลังสุด!
พีค!
“ใครเหรอ”
แกล้งถามเขาออกไปเพระาอยากรู้ว่าเขาจะโกหกหรือเปล่า ราฟาเอลเงียบไปชั่วอึดใจก่อนยิ้มมุมปากแล้วกระซิบที่ข้างหู
“ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะแกล้งถามทำไมครับ”
เห็นไหมล่ะ! หมอนี่เคยโกหกซะที่ไหน แบบนี้ก็เท่ากับยอมรับแล้วสินะว่านอนกับเด็กคนนั้นไปแล้ว
อ่า...ให้ตายสิ เจ็บชะมัด
ฉันต้องอยู่ในวังวนแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กันนะ อยากจะหยุดเขาให้ได้จังเลย แต่แผนเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อแล้วเผด็จศึกก็ล่มไม่เป็นท่าไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนราฟาเอลเองจะตั้งมั่นกับตัวเองเอาไว้เต็มที่ด้วยว่าถ้ายังไม่เป็นผู้ชายที่ดีพร้อมมากพอก็จะไม่แตะต้องฉันเด็ดขาด
เขาจะรู้บ้างไหมว่าแค่นั้นมันไม่พอสำหรับฉัน!
ฉันเองก็อยากจับ อยากลูบ อยากคลำ ร่างกายของเขาเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ทำเหมือนกันนะ
“อะไรของเธอเนี่ย จู่ๆ ก็ทำหน้าทะลึ่งขึ้นมา คิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“จะ...จะบ้าเหรอ ใครไปทำหน้าตาแบบนั้นกัน”
“จริงๆ นะ เธอทำจมูกบานแบบนี้เลย แล้วยังทำตาเยิ้มอีก”
ราฟาเอลทำท่าจมูกบานเลียนแบบท่าทางของฉันให้ดู
“อีตาบ้า ใครเขาไปทำหน้าตาน่าเกลียดแบบนั้นกัน”
“จริงๆ นะ เธอทำจริงๆ แถมยังมองมาที่ฉันอีกด้วย”
“ราฟ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ฉันหันไปทุบเขาไม่ยั้ง กล้าดียังไงมาพูดจาล้อเลียนฉันต่อหน้าคนมากมายแบบนี้
ปั๊มน้ำมัน
หลังจากขับรถมาพักใหญ่ ก็ได้เวลาแวะพักเพื่อเข้าห้องน้ำและซื้อของกินเพิ่ม ฉันกับเพื่อนๆ รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีเพราะอั้นมานาน ส่วนพวกผู้ชายก็ลงมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสายกัน ดินกับปืนของตัวไปร้านค้าเพราะจะไปซื้อขนมมาเพิ่ม
“สรุปว่าใช่ใช่ไหม เรื่องยัยเด็กนั่น”
มิ้นต์กับแยมถามขึ้นพร้อมกัน บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้นะว่ายัยสองคนนี้เป็นหมอดูหรือเปล่า เดาแม่นเหลือเกิน
“พวกเธอรู้ได้ยังไง”
“ก็เธอเล่นจ้องยัยเด็กนั่นตั้งหลายรอบ ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ว่าแต่...ถึงขั้นไหน นอนด้วยกันหรือยัง”
ฉันพยักหน้ารับตอบคำถามของแยม
“เฮ้ยยย นี่มันจะมากไปแล้วนะ ถึงขนาดพาผู้หญิงที่เคยนอนด้วยมาเย้ยกันแบบนี้”
“ใจเย็นๆ ก่อนมิ้นต์ ราฟคงไม่ได้สนใจเด็กคนนั้นหรอก ก็คงเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ”
“แต่ดูก็รู้ว่าเด็กคนนั้นกำลังพยายามทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนะ คงลืมตัวไปแล้วล่ะสิว่าตัวเองก็เป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว”
แยมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงฉันจะเสียใจเวลาที่ราฟาเอลมีผู้หญิงเข้ามาข้องเกี่ยวหรือเวลาเขาไปนอนกับผู้หญิงคนไหนมา แต่อีกใจหนึ่งฉันก็อดเห็นใจพวกเธอไม่ได้ เพราะพวกเธอชื่นชอบในตัวเขา อยากเป็นคนที่เขาต้องการไม่ต่างจากฉัน ถึงจะเป็นวิธีที่ผิด แต่พวกเธอก็ยอมที่จะใช้ตัวเองเข้าแลกเพียงเพื่อจะได้ดึงรั้งเขาเอาไว้แม้จะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ทำไปเพราะ...ชอบเขามากๆ เหมือนฉัน
“ยัยแยมพูดถูก เธอต้องคุยกับราฟาเอลเรื่องนี้นะ จะให้เด็กคนนั้นมาแทรกกลางไม่ได้” มิ้นต์เสริม
“แต่ฉันไม่อยากทำให้ทริปหมดสนุกนี่นา ทุกคนมาสนุกกันแท้ๆ ถ้าจะต้องมากร่อยเพราะเรื่องของฉันกับราฟก็คงไม่ดีมั้ง”
“โอ๊ย ยัยเพื่อนบ้า ก่อนจะห่วงว่าคนอื่นจะหมดสนุก ควรห่วงตัวเองก่อนไหมยะ เด็กคนนั้นกำลังพยายามจะเทียบเธอนะ”
แยมยังยุยงไม่เลิก ฉันมองหน้าเพื่อนซี๊ตาปริบๆ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าห่วง แต่ฉันอยากจะรอดูไปก่อนว่าราฟาเอลจะจัดการเรื่องของพีคยังไง ปกติเขาไม่วุ่นวายกับผู้หญิงที่เคยนอนด้วยนานนักหรอก
แต่กับเด็กคนนี้...
จะเป็นเหมือนคนอื่นๆ ไหมนะ หรือจะแตกต่างออกไปเพราะเธอเป็นผู้ช่วยผู้จัดการชมรม ทั้งสองคนยังต้องเจอกันอีกบ่อยๆ
ที่ด้านนอกห้องน้ำ พีคที่แอบตามมาได้ยินทุกบทสนทนาของพวกเธอ หญิงสาวตัวเล็กยิ้มมุมปากอย่างมีแผน คนอย่างเธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนปฏิเสธมาก่อน เรื่องบนเตียงก็เก่งไม่เป็นสองรองใคร ขนาดราฟาเอลยังเอ่ยปากชม เธอมั่นใจว่าจะต้องแย่งเขามาจากซันนี่ได้แน่ๆ
‘ไม่ได้แค่จะเทียบชั้นหรอกนะ แต่ฉันจะแย่งรุ่นพี่ราฟาเอลมาเลยต่างหาก เตรียมใจไว้แล้วกัน’
พีคคิดในใจ ก่อนจะเริ่มดำเนินการตามแผนที่คิดเอาไว้
กว่าจะพูดให้มิ้นต์กับแยมใจเย็นลงได้ก็กินเวลาไปพอสมควร พวกเราสามคนพากันออกมาจากห้องน้ำเพื่อไปสมทบกับทุกคนที่รถ ทว่ายังไปไม่ถึง สายตาก็มองเห็นความชุลมุนวุ่นวายบางอย่าง เสียงดินปืนตะโกนโหวกเหวกจนคนแถวนั้นพากันมุงยกใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
พวกเราเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น ก่อนที่วงล้อมฝูงชนจะแหวกออก และคนที่เดินออกมาจากวงล้อมนั้นก็คือราฟาเอลที่กำลังอุ้มพีคที่หมดสติไปทางรถตู้
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นล่ะนั่น”
แยมตรงปรี่เข้าไปถามราฟาเอล ส่วนฉันกับมิ้นต์ก็เดินตามไปติดๆ
“พีคเป็นลมน่ะ ยัยนี่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ สงสัยจะเป็นลมแดด ซันนี่ เธอไปนั่งข้างหลังก่อนได้ไหม ถ้าให้พีคนอนข้างหน้าน่าจะสะดวกกว่า” ราฟาเอลหันมาถามฉัน
“อะ...อื้ม ได้สิ”
ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินขึ้นรถไปนั่งที่เบาะหลังสุด ทว่าคนที่ตามเข้ามานั่งด้วยกลับไม่ใช่ดินปืน แต่เป็นนาวิน
“ฉันนั่งด้วยนะ”
“อื้ม นั่งสิ”
เขายิ้มก่อนจะนั่งลงข้างๆ ฉันแบบเว้นระยะห่าง ทว่าดินกับปืนที่ตามขึ้นมาทีหลังกลับตรงเข้ามานั่งเบียดที่เบาะหลังด้วย ทำให้เบาะหลังสุดต้องนั่งเบียดกันสี่คน ส่วนมิ้นต์ แยม และกังหันนั่งประจำที่ของตัวเองเหมือนในตอนแรก เบาะด้านหลังคนขับจึงมีแค่ราฟาเอลและพีคเท่านั้น
เด็กคนนั้นเป็นลมและยังไม่ฟื้น ราฟาเอลให้เธอนอนหนุนตักและคอยดูแลไม่ห่าง
“อย่าคิดมากนะ พีคร่างกายอ่อนแอจริงๆ เธอป่วยง่ายแบบนี้บ่อยๆ คนในชมรมรู้กันดี แต่เพราะเธอเป็นน้องสาวของกัปตันทีม ก็เลยได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการน่ะ”
นาวินอธิบาย เขาคงมองออกว่าฉันกังวล
“อื้ม ฉันเข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่วันนั้น...หลังจากราฟพาฉันไปแล้ว พวกนายล่ะ?”
“อ๋อ ฉันก็ไปบอกให้ทุกคนกลับบ้าน แล้วฉันก็กลับบ้านเหมือนกัน”
“แล้ว...ผู้หญิงคนนั้น...”
ฉันเงียบไป อยากจะถามว่าเธอกับราฟาเอลยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่าก็กลัวจะวุ่นวายกับนาวินมากเกินไป
“เมเปิ้ลใช่ไหม ไม่ต้องห่วงนะ ยัยนั่นโดนราฟเทไปเรียบร้อยตั้งแต่วันนั้นแล้ว หลังจากนั้นถึงพวกเราจะมีไปเที่ยวผับกันตอนกลางคืน เธอก็ไม่โผล่หน้ามาอีกเลย ราฟเองก็ไม่ได้พูดถึงหรือถามถึงอะไร”
“งั้นเหรอ”
ฉันควรทำหน้ายังไงดีนะ ก็โล่งใจอยู่หรอกที่เขาไม่ได้ติดต่อกับเธออีก แต่อีกใจก็รู้สึกหน้าชาๆ ยังไงก็ไม่รู้ ที่ต้องมาคุยเรื่องแฟนของตัวเองกับผู้หญิงคนอื่นให้เพื่อนของเขาฟัง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ยิ้มหน่อยนะ นะๆๆ”
นาวินชะโงกหน้ามามองฉันก่อนจะยิ้มกว้าง คำพูดของเขาทำให้ฉันค่อยๆ ยิ้มออกมา
เห็นคนอื่นมานั่งยิ้มหน้าแป้นอยู่ตรงหน้า ใครจะไปทนทำหน้าเครียดได้นานกันเล่า
ด้านราฟาเอล ตลอดทางเขาเอาแต่มองที่กระจกมองหลังด้านหน้าเพื่อจับตาดูซันนี่และนาวิน ยิ่งเห็นทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอและพากันหัวเราะหน้าชื่นตาบานเขาก็ยิ่งไม่พอใจ และแอบกังวลอยู่ลึกๆ ว่าความใจดีของนาวินจะทำให้ซันนี่ไขว้เขว
‘มีอะไรสนุกนักหรือไง ถึงต้องหัวเราะปากกว้างแบบนั้น’
ไฟในอกลุกโชนยิ่งกว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์เสียอีก