ตอนที่ 14 ของขวัญอันล้ำค่า (2)

1481 Words
ตอนที่ 14 ของขวัญอันล้ำค่า (2) “นี่...รู้ไหมว่าที่พูดมามันหมายถึงอะไร” “ฉันอายุยี่สิบเอ็ดแล้วนะ ทำไมจะไม่รู้ ฉันไม่ได้ซื่อขนาดนั้นสักหน่อย” เขาเห็นฉันเป็นเด็กประถมหรือไงกัน เราคบกันมากี่ปีแล้ว ตอนนี้อายุพวกเราก็บรรลุนิติภาวะแล้ว พวกเรารู้จักการป้องกัน ไม่ใช่วัยคะนองที่อยากรู้อยากลองไปทั่วสักหน่อย “นายคิดว่าฉันลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองแล้วใส่ชุดแบบนั้นไปรอนายที่ห้องนอนเพราะแค่อยากจะไปนอนจับมือกันเฉยๆ เหรอ” “...” ราฟาเอลทำตาโตราวกับเขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่ฉันพูดแบบนี้ออกไป อือ เอาเหอะ ไหนๆ ก็อายแล้ว คงไม่มีอะไรอายไปมากกว่านี้แล้วนะ พูดไปให้หมดเลยแล้วกัน “ฉันเองก็...อยากจะให้ร่างกายของฉันเป็นที่ต้องการของนายเหมือนกันนะ” พูดเสียงเบาพลางก้มหน้างุดหาไส้เดือนบนพรมเล่น นาทีนี้คงต้องด้านได้อายอดอย่างที่เพื่อนบอกเท่านั้นแหละ ทีผู้หญิงพวกนั้นยังทำได้เลย แล้วฉันเป็นแฟนเขาแท้ๆ ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ราฟาเอลที่นิ่งไปหลายอึดใจอย่างกับคนวิญญาณหลุดออกจากร่างลุกขึ้นมาพาฉันไปนั่งที่โซฟา ก่อนที่ตัวเขาจะนั่งคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าฉัน ใบหน้าของเราอยู่ในระดับเดียวกัน มือหนาแสนอบอุ่นเลื่อนขึ้นมาลูบแก้มฉันอย่างเบามือ สายตาอ่อนโยนของเขาที่นอกจากคนในครอบครัวแล้วก็มีแค่สองคนเท่านั้นที่จะได้เห็นคือฉัน... ...และพี่น้ำหวาน สายตานั้นมองฉันไม่กะพริบ “ฟังให้ดีนะ และจำสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ให้ดีด้วย” “อะไรเหรอ ทำไมต้องทำน้ำเสียงจริงจังแบบนี้ด้วยล่ะ” “เพราะฉันจริงจังน่ะสิ” “...” “ซันนี่...เธอรู้ใช่ไหมว่าสำหรับฉันเธอมีค่ามากแค่ไหน” ฉันพยักหน้า ราฟาเอลยิ้มบางๆ ก่อนจะจูบที่หน้าผากของฉันไปหนึ่งที “ร่างกายของเธอคือของขวัญล้ำค่าที่ฉันจะได้รับ ถึงฉันจะได้ของสำคัญอย่างหัวใจของเธอมาแล้ว แต่ว่าร่างกายน่ะ สำหรับผู้หญิงมันสำคัญมากๆ ใช่ไหม” “อื้อ สำคัญสิ ถ้าไม่ใช่คนที่รักมากๆ ก็ไม่ยอมยกให้หรอก” “ใช่ เพราะแบบนั้นแหละ เพราะร่างกายคือของมีค่าสำหรับเธอด้วยเหมือนกัน ฉันถึงได้อยาก...” “อยากอะไรเหรอ?” “อยากจะเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมมากกว่านี้ก่อน” “...” “ไม่ใช่แค่การเป็นแฟนกันไปวันๆ แต่ฉันอยากจะเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม แข็งแกร่ง และมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดของโลกใบนี้มากพอเพื่อจะดูแลเธอไปทั้งชีวิต” “ราฟ...” น้ำใสๆ รื้นขึ้นรอบดวงตา “ไม่ต้องพยายามฝืนทำแบบนั้นอีกแล้วนะ สำหรับเธอ...ถ้าเมื่อไหร่ที่ฉันดีพอแล้ว แค่เธอยืนอยู่เฉยๆ ก็เซ็กซี่มากแล้วในสายตาฉัน” เขาโยกหัวฉันไปมาเบา อย่างอ่อนโยน “จะ...จริงเหรอ ฉันเซ็กซี่จริงๆ เหรอ” “อื้ม” “แต่ฉันไม่มีนมนะ ไม่สิ พูดให้ถูกคือฉันนมเล็กมากเลยนะ” “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าชอบผู้หญิงนมใหญ่สักหน่อย” “แล้ว...แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบใส่น้ำหอมกลิ่นเย้ายวนด้วย” ฉันก้มหน้าลงดมฟุดฟิดๆ ไปที่แขนของตัวเอง นอกจากกลิ่นแป้งแล้ว ไม่มีกลิ่นอะไรเจือปนเลยให้ตายสิ “ฉันไม่ได้ชอบน้ำหอมสักหน่อย กลิ่นน้ำหอมฉุนจะตายไป” “แปลว่าถ้านายคิดว่าตัวเองดีพอแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราสองคนก็จะ...” “อื้ม” “...” “ถึงตอนนั้น...ฉันจะทำให้เธอลุกเดินไปไหนไม่ได้อีกหลายวันเลย” เขายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหู คำพูดสองแง่สองง่ามชวนให้คิดลึกพวกนั้นทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวราวกับมีน้ำร้อนกำลังเดือดปุดๆ อยู่ในร่างกาย “ตาบ้า! พูดอะไรเนี่ย” ฉันตีแขนเขาเต็มแรงก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง ไม่ไหวๆ ทำไมอากาศในห้องนี้มันถึงได้ร้อนนักนะ เขาลืมจ่ายค่าไฟห้องนี้กันใช่ไหม หมับ! “ฉันพูดในส่วนของฉันไปหมดแล้ว ตาเธอบ้างนะ ทำไมถึงได้ไปใกล้ชิดอยู่กันสองต่อสองกับไอ้วินได้ล่ะ” ราฟาเอลรวบมือฉันไปจับไว้ก่อนจะมองด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนจะเห็นความโกรธแปลกๆ ซ่อนอยู่ในแววตาของเขาแฮะ นี่หรือว่าจะ... หึง!!! โอ้มายก็อด ไม่จริงน่า คนอย่างเขาเหรอจะหึงฉัน ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย (ก็เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาข้องเกี่ยวด้วย) “ก็ไม่มีอะไรนี่ ฉันแค่ออกไปซื้อของ เราเลยบังเอิญเจอกัน” “เราเหรอ? นี่สนิทกันถึงขนาดนั้นใช่คำว่าเราเลยหรือไง” ไอ้ท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของเขามันทำฉันต้องกลั้นขำสุดๆ ไปเลย ดูเหมือนเขาจะหึงจริงจังมากเลยนะเนี่ย แต่ว่า...หึงฉันกับนาวินเนี่ยนะ? มีอะไรให้น่าหึงกัน นาวินไม่ได้มาขายขนมจีบฉันสักหน่อย “โอเคๆ เอาเป็นว่าแค่บังเอิญเจอกัน เขาเลยชวนฉันไปปาร์ตี้ด้วย ฉันก็ตอบตกลงเพราะอยากอยู่กับนาย พอกลับเข้าบ้านอีกทีก็...” “เออๆ ข้ามฉากนั้นไป แล้วไงต่อ” “พอเห็นฉันก็เลยวิ่งออกมา นาวินเขาก็แค่ตามมาปลอบใจแค่นั้นแหละ” “แล้วมันได้ทำอะไรเธอบ้างไหม” เขาถามพลางหรี่ตาลงอย่างจับผิด คำถามของราฟาเอลทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่นาวินดึงฉันเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยน ขวับ ฉันเงยหน้าสบตากับราฟาเอลอีกครั้ง ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ขืนบอกไปว่าถูกกอดคงได้อาละวาดแน่ๆ แล้วนาวินที่อุตส่าห์ใจดีกับฉันก็จะต้องซวยไปด้วย งั้น...เรื่องนี้ไม่ต้องบอกก็แล้วกัน “ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ แค่กำลังจะเช็ดน้ำตาให้แล้วนายก็ออกมาพอดีนั่นแหละ” “แค่นั้นเองเหรอ?” “อื้อ แค่นั้นแหละ เขาจะทำอะไรฉันได้เล่า นายคิดมากไปแล้ว” แอบเอานิ้วไขว้กันไว้ที่ด้านหลัง รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ที่ต้องโกหกแบบนี้ ทั้งที่ราฟาเอลพูดความจริงอยู่ตลอดเวลาและทุกเรื่อง แต่ฉันกลับไม่มีความกล้าพอที่จะพูดมันซะงั้น “งั้นเหรอ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าเธอไปอาบน้ำดีกว่านะ จะได้เข้านอนกัน” “นั่นสิ เดินมาตั้งไกล ตัวชุ่มเหงื่อหมดแล้ว งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ใช้โอกาสนี้หลบไปตั้งหลักก่อนดีกว่า ฉันเองก็โกหกไม่เก่งเสียด้วย เกิดถูกจับได้ขึ้นมาคงโดนโกรธแหงๆ ยังไงฉันก็ไม่อยากให้นาวินต้องเดือดร้อนเพราะฉันอยู่ดีนั่นแหละ คล้อยหลังซันนี่ที่เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ราฟาเอลลุกขึ้นเดินไปยืนที่กำแพงกระจก สายตาทอดมองไปยังวิวเบื้องล่าง ยากที่จะอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ แต่ว่า...ภาพที่นาวินดึงซันนี่เข้าไปกอดและลูบหัวเธออย่างอ่อนโยนยังคงฉายในหัวซ้ำไปซ้ำมา เขาเองก็รู้จักเพื่อนคนนี้ดี ไม่มีทางที่นาวินจะแตะต้องผู้หญิงของเพื่อนแม้ว่าเธอที่อยู่ตรงหน้าจะกำลังเจ็บปวดเจียนตายแค่ไหนก็ตาม แต่การที่เขายอมแหกกฎทำอะไรแบบนั้นได้ แปลว่าสำหรับนาวิน ซันนี่จะต้องพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ สองมือของราฟาเอลกำแน่นเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าที่ล่อกแล่กไปมาของซันนี่ตอนโกหกนั่นก็ด้วย ทั้งที่ถ้าเธอยอมบอกความจริงเขาคงจะสบายใจมากกว่านี้แท้ๆ แต่พอเธอเลือกที่จะโกหกเขา ราฟาเอลกลับว้าวุ่นในจิตใจ ครืดๆ ครืดๆ มือถือของเขาสั่นขึ้น ราฟาเอลล้วงหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเปิดอ่านข้อความในไลน์ ‘พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องล็อกเกอร์ของชมรมได้ไหมคะ’ พีค รุ่นน้องคณะฯ เดียวกันปีหนึ่ง และยังเป็นผู้ช่วยผู้จัดการชมรมฟุตบอลคนใหม่คือคนที่ส่งข้อความนั้นมา เขาพอจะมองออกว่าเธอคิดยังไงกับเขา ‘ฉันจะอบคุกกี้ไปให้รุ่นพี่ชิมด้วยนะคะ ช่วยมาจะได้ไหม’ ราฟาเอลเหยียดยิ้มมุมปาก เขาหมุนควงมือถือเล่นไปมา “เอายังไงดีนะ แวะไป ‘กิน’ สักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD