ตอนที่ 13 ของขวัญอันล้ำค่า (1)
“นี่ เดี๋ยวสิ จะพาไปไหนเหรอ ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะ ทั้งแท็กซี่ทั้งรถเมล์ก็ไม่มีเลย นายจะพาฉันไปไหนกันแน่เนี่ย”
ฉันเอ่ยถามเป็นชุด เพราะเขาพาฉันเดินมาไกลจากบ้านเป็นกิโลฯ แล้ว เพิ่งจะเดินไปกลับจากซื้อพร้อมนาวินเองนะ นี่ต้องเดินอีกแล้วงั้นเหรอ
“ใกล้ถึงแล้ว” เขาตอบโดยไม่หันกลับมามอง
ราฟาเอลเดินจับข้อมือฉันแล้วพาเดินต่อไปข้างหน้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในละแวกบ้านฉัน
“มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“คืนนี้เราจะค้างที่นี่กัน”
“อ๋อ...”
“...”
“เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้นายบอกว่าเราจะ...”
หูฉันไม่ได้ฝาดใช่ไหม ราฟาเอลกำลังพาฉันเข้าโรงแรม!
ให้ตายสิ ฉันควรทำยังไงดี ต้องโทรบอกยัยแยมกับยัยมิ้นต์ก่อนไหม ไม่ได้ๆ ขืนโทรบอกตอนนี้คงโดนแซวหรือพูดอะไรจนฉันตื่นเต้นเกินกว่าเหตุแน่ๆ
ร่างสูงจับมือฉันเดินเข้าไปในโรงแรม ตรงไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งมีพนักงานต้อนรับแสนสวยยืนอยู่สองคน ทันทีที่หันมาเห็นราฟาเอล พวกเธอก็พากันทำตาวาวก่อนจะเอ่ยต้อนรับเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ ต้องการจองห้องใช่ไหมคะ”
“เอาห้องสวีตหนึ่งห้องครับ”
“เดี๋ยวสิราฟ ห้องสวีตเลยเหรอ”
ฉันดึงแขนเสื้อเขาไว้แล้วกระซิบถาม ราฟาเอลไม่ตอบแต่ส่งบัตรเครดิตแบบไม่จำกัดวงเงินที่คุณพ่อของเขาให้ไว้ส่งให้พนักงานพร้อมกับบัตรประชาชนของตัวเอง
“เอ่อ...ขอเบอร์โทรลูกค้าด้วยนะคะ”
ถึงตอนขอเบอร์โทร ดูนัยน์ตาของพวกเธอเหมือนจะมีประกายแห่งความหวังแปลกๆ คงไม่ได้คิดจะใช้วิธีนี้หลอกเอาเบอร์ราฟาเอลไปแล้วจะโทรมาก้อร่อก้อติกเขาภายหลังหรอกนะ
“ศูนย์เก้าสาม...”
ราฟาเอลที่กำลังจะบอกเบอร์โทรของตัวเองเงียบไป ก่อนจะหลับตาลงแล้วทำท่าเหมือนกำลังหนักใจอะไรสักอย่าง เขาลืมตาแล้วหันมาทางฉัน
“บอกเบอร์เธอไปสิ เดี๋ยวเอาเบอร์แฟนผมแล้วกันนะครับ”
พอบอกฉันเสร็จเขาก็หันไปบอกกับพนักงาน ฉันเลยบอกเบอร์ของฉันไปแทน พวกเธอดูเสียดายอย่างเห็นได้ชัดที่ไม่ได้เบอร์ของเขา
แปลว่าราฟาเอลมองออกสินะว่าฉันกังวลหากเขาบอกเบอร์โทรไป ก็เลยทำสีหน้าแบบนั้น ปกติหมอนั่นเคยสนใจที่ไหนล่ะ เขาไม่เคยหันกลับมามองฉันเลยด้วยซ้ำ
บ้าจริงๆ ยัยซันนี่ ทั้งที่เพิ่งจะเห็นเขาทำเรื่องแบบนั้นไปต่อหน้าต่อตา สุดท้ายแค่เขาทำดีด้วยหน่อยก็ใจอ่อนเหลวเป๋วเป็นน้ำอีกแล้ว!
“นี่ค่ะ” พนักงานส่งคีย์การ์ดของห้องมาให้
ราฟาเอลรับก่อนจะจับมือพาฉันเดินไปที่ลิฟต์ ซึ่งมีพยักงานผู้ชายในชุดสูทสีน้ำเงินตัดขาวยืนรออยู่หน้าลิฟต์แล้ว เขาจัดการกดลิฟต์ให้พวกเราก่อนจะเอ่ยถามอย่างนอบน้อม
“ชั้นไหนครับ”
เขาไม่ตอบแต่ส่งคีย์การ์ดที่มีเบอร์ห้องให้แก่พนักงานแทน
“ห้องสวีตชั้นสี่สิบนะครับ เชิญเลยครับ”
ลิฟต์ปิดลงโดยมีแค่ฉันกับราฟาเอลที่อยู่ข้างใน เขายังจับมือฉันแน่นไม่ยอมปล่อย บรรยากาศรอบตัวของเราในตอนนี้ดูมาคุชอบกล
ฉันไม่ชอบเวลาราฟาเอลทำตัวนิ่งแบบนี้เลย มันให้อารมณ์เหมือนคลื่นลมทะเลที่สงบก่อนจะมีพายุลูกใหญ่ซัดเข้าฝั่งมาประมาณนั้นเลย อะไรกันเล่า คนที่ควรจะโกรธมันคือฉันไม่ใช่เหรอ เขาเพิ่งจะไปจ้ำจี้มะเขือเปราะแปะกับผู้หญิงคนอื่นมานะ ถึงฉันจะไม่ได้เข้าไปเห็นตอนกำลังทำ แต่ก็เห็นตอนที่ไม่สมควรจะเห็นอยู่ดีไหมล่ะ
ปกติแค่รับรู้ได้ด้วยใจว่าเขาไปทำอะไรก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว นี่เล่นมาเห็นจะๆ ขอเวลาให้ฉันได้ทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง
แกร๊ก...
ราฟาเอลใช้คีย์การ์ดเปิดห้องเข้าไปข้างใน เชื่อแล้วว่าเป็นโรงแรมสุดหรู หรูตั้งแต่ห้องโถงของโรงแรมจนถึงในห้องนี้เลย แค่ประตูห้องก็รู้เลยว่าราคาแพงระยับแน่ๆ ขนาดห้องก็ใหญ่อย่างกับจะเล่นฟุตบอลกันในนี้ได้ แถมวิวที่มองเห็นจากตรงนี้ได้ก็...
“ว้าววว!”
ฉันดึงมือออกจากการเกาะกุมของราฟาเอล วิ่งเข้าไปเกาะกำแพงกระจกของห้องนี้เพื่อดูวิวที่มองเห็นยามค่ำคืน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะมีโอกาสได้เห็นอะไรที่สวยงามแบบนี้ จากชั้นที่ยี่สิบ ทั้งบ้านเรือนและรถที่วิ่งผ่านไปมาบนถนนนั้นเล็กราวกับมดตัวน้อยๆ แสงไฟของสะพานบนทางด่วนเรียงรายกันอย่างสวยงาม ถึงจะไม่เห็นดาวบนท้องฟ้าแบบต่างจังหวัด แต่วิวที่ได้เห็นในตอนนี้ก็ไม่เลวนะ
หมับ...
ร่างสูงเข้ามาสวมกอดฉันจากด้านหลัง แขนข้างหนึ่งของเขาโอบรอบคอ อีกข้างโอบรอบเอว ใบหน้าซบลงมากับไหล่ ที่ตัวของเขามี...กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นติดมาอีกแล้ว
“กับยัยนั่น...จะไม่ทำอีกแล้วล่ะ”
“...”
“จะตัดออกจากชีวิตไปเลย ฉันสัญญา”
ฉันหลับตาลง พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะไม่อยากร้องไห้ออกมาอีก ฉันรู้ว่าราฟาเอลเป็นคนรักษาคำพูดและพูดคำไหนคำนั้นเสมอ ถ้าเขาบอกว่าไม่ ก็คือไม่ ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับชีวิตของเขาอีกแน่นอน
“ฉันถามได้ไหม ว่าทำไมถึงทำ ปกตินายไม่เคยเอาผู้หญิงที่แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปมาที่บ้านนี่”
“เรื่องนั้น...”
ราฟาเอลผละอ้อมกอดออกไป เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งปิดหน้าไว้อย่างอายๆ ริ้วสีแดงเห็นชัดทั้งใบหน้าลามมาจนถึงหูทั้งสองข้าง
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ให้ตายสิ ความผิดเธอนั่นแหละยัยบ้า”
งะ...ไหงกลายเป็นความผิดของฉันล่ะ!
ฉันไม่ได้สั่งให้เขาไปเอากับผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย เขาเสี้ยนของเขาเองไหมล่ะ!
“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย ก่อนหน้านั้นเธอทำอะไรเอาไว้ล่ะ”
“ก่อนหน้านั้น?”
คำพูดของเขาทำให้ฉันต้องรีบทบทวนการกระทำของตัวเองอย่างเร่งด่วน ก่อนหน้านั้น...หมายถึงก่อนที่เพื่อนๆ ของเขาจะพากันมาใช่ไหม ฉันก็...
ก็...
“เอ๊ะ?! หรือว่า...!”
ฉันเว้นช่องไฟเอาไว้ก่อนจะมอหน้าเขาด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนเพราะความอายไม่แพ้กัน
อย่าบอกนะว่าที่ครั้งนี้เขาทนไม่ไหวถึงกับต้องคว้าเอาเพื่อนเที่ยวมา ระบายอารมณ์จะเป็นเพราะฉันที่ตั้งใจจะไปอ่อยและยั่วยวนเพื่อเผด็จศึกเขา!
“คิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไรที่เห็นเธอในชุดนั้นหรือไง”
“...”
“ยัยบ้า เธอไม่ใช่เด็กประถมเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ร่างกายเธอมันยิ่งกว่าแม่เหล็กซะอีก แรงดึงดูดของเธอมันมีมากขึ้นทุกวันๆ จนฉันไม่รู้แล้วว่าจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน”
ตึกๆ! ตึกๆ! ตึกๆ!
หัวใจของฉันเต้นระส่ำ อย่างที่บอกไปว่าราฟาเอลเป็นผู้ชายที่ไม่โกหก เขาจะไม่มีวันพูดในสิ่งที่ไม่ได้คิดหรือทำอะไรที่ตรงข้ามความรู้สึกของตัวเองเด็ดขาด ดังนั้นทุกคำที่เขาพูดให้ฉันฟังเมื่อครู่ มันคือความจริงในใจที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ถึงสิ่งที่เขาทำมันจะแย่จนไม่น่าให้อภัย แต่เป็นเพราะฉันรักเขา รักเขามากเหลือเกิน ฉันถึงได้...
ให้อภัยเขาอีกแล้ว
ถึงจะอยากโกรธ อยากเลิกกับเขามากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีราฟาเอล
“ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนสิ ฉันไม่ได้บอกให้นายอดทนสักหน่อย”