คำสารภาพของหนุ่มน้อยส่งผลให้ชนิกานต์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เพราะที่ผ่านมาเธอเข้าใจมาตลอดว่าอีกฝ่ายคิดกับเธอแค่เพื่อน แต่เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่ายชนิกานต์ก็ต้องระบายยิ้มออกมาพลางเอ่ยให้เพื่อนรู้สึกสบายใจ
“ไม่หรอก แพทไม่เกลียดนัทหรอก แพทเข้าใจ”
ที่พูดไปแบบนั้น เพราะเธอเองก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับอีกฝ่าย ประมาณว่าแอบรักใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก ซึ่งก็ไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ เพราะงั้นเธอเลยไม่อาจที่จะขยับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนให้ไปเป็นสถานะอื่นไปได้
“แต่แพทไม่ได้ชอบนัทแบบนั้น ความรู้สึกของแพทคงให้นัทได้แค่เพื่อน หวังว่านัทจะเข้าใจแพทนะ”
คำปฏิเสธตรงๆอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาตามแบบฉบับคนที่ปากกับใจตรงกัน ทำให้ใบหน้าขาวใสของเพื่อนหนุ่มสลดลงไปอย่างน่าใจหาย แต่เพียงครู่เดียวก็ปรับเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มกลบเกลื่อนอารมณ์ผิดหวังของตัวเอง
“ประโยคนี้โคตรเจ็บเลยรู้หรือเปล่า แต่ก็จบนะ นัทรู้สึกเหมือนความรู้สึกอึดอัดมันเคลียร์ก็วันนี้แหละ ขอบใจมากนะแพท ที่ไม่โกรธนัท”
หนุ่มน้อยว่าพลางระบายยิ้มออกมา เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก จากนั้นก็เอ่ยขอเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจากลา
“ขอกอดหน่อยได้ไหม ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายจากกันไปเรียนต่อ”
“ได้สิ”
ชนิกานต์ตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะถึงเธอจะเป็นลูกคุณหนู แต่ก็ไม่เคยคิดจะถือตัวหรือแบ่งชนชั้นกับเพื่อนคนไหน และอีกอย่างเธอก็อยากตอบแทนความกล้าหารของเพื่อนหนุ่มในวันนี้ เพราะเขาเป็นต้นแบบให้เธอนำความกล้านี้ไปใช้กับคนที่เธอแอบชอบมานาน
เธอสาบานกับตัวเองว่าหากได้เจอหน้าพี่ชายบุญธรรมอีกครั้ง เธอจะสารภาพความในใจที่มีต่อเขา อย่างที่เพื่อนหนุ่มสารภาพกับเธอก่อนหน้านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
และในจังหวะที่ทั้งสองกำลังสวมกอดกันอยู่นั้น เสียงทุ้มต่ำของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น พร้อมสายตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวจับจ้องมาที่สองร่างนิ่ง
“เป็นเด็กเป็นเล็กมายืนกอดกันกลมแบบนี้ ไม่ดีมั่ง”
“พี่อิท!”
ชนิกานต์ผละออกจากเพื่อนหนุ่มด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับโพล่งชื่ออีกฝ่ายเสียงดังด้วยความรู้สึกดีใจอย่างปิดไม่มิด ทว่าเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่กลับส่งสายตาเย็นเยียบมาให้กับทั้งสองจนสาวน้อยต้องเผลอลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่อิทเข้าใจนะคะ”
“ผมขอโทษครับที่กอดน้องสาวของพี่ แต่มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะครับ”
ทั้งสองรีบอธิบายแทบจะพร้อมกัน หากแต่คนละความรู้สึก ชนิกานต์นั้นกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้าใจเธอผิดคิดว่าเธอแอบคบกับเพื่อนชาย แต่สำหรับนัทนั้นกลัวว่าจะถูกพี่ชายตัวใหญ่ของเพื่อนเสยคางเข้าให้โทษฐานที่บังอาจมากอดน้องสาวสุดที่รักของบ้าน เพราะหน้าตาถมึงทึงของเจ้าของร่างสูงสง่าตรงหน้าตอนนี้ดูน่ากลัวจับจิต แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองเห็นแล้วยังไม่กลับสบสายตา
“ไม่ใช่ที่ฉันคิดแล้วมันยังไง”
อิทธิฤทธิ์คว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มกระชากเข้ามาเผชิญหน้าเต็มแรง พร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงลอดไรฟัน
“เราแค่จะกอดลากันในฐานะเพื่อนเองนะครับ”
“หึ! ที่ฉันเห็นเมื่อกี้มันไม่ใช่การกอดลาในฐานะเพื่อน แต่มันเป็นการลวนลาม!”
อิทธิฤทธิ์ย้อนเสียงเข้มอย่างรู้ทัน เพราะเขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น สำหรับสาวน้อยอาจจะไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากเพื่อน แต่กับไอ้เด็กหนุ่มนี่ไม่ใช่แน่ๆ หากเขาทักช้ากว่านี้มือของมันก็คงเลื่อนมาถึงสะโพกงอนงามนั่นแล้ว
“ขะ…ขอโทษครับพี่! ผมไม่ได้ตั้งใจ! อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ”
เมื่อถูกจับได้ หนุ่มน้อยก็รีบรัวคำพูดขอโทษแทบฟังไม่ทัน พร้อมยกมือไหว้ปลกๆ เป็นการยอมรับผิดโดยไม่ต้องเค้นถามให้เสียเวลา
“ถ้าไม่อยากถูกหักนิ้วทิ้งก็อย่าทำอะไรแบบนี้กับใครอีก และให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้ขู่ แต่ฉันทำจริง! ไสหัวไปจากบ้านนี้ซะ!”
อิทธิฤทธิ์ตะคอกบอก ก่อนที่จะผลักร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มออกเต็มแรง ส่งผลให้อีกฝ่ายเซไปกระแทกกับผนังก่อนที่จะรีบลนลานวิ่งออกจากตรงนั้นแทบไม่ทัน ดวงตาคมกริบขุ่นขวางขณะมองตามร่างเด็กหนุ่มจนพ้นประตูคฤหาสน์ แล้วถึงหันมามองสาวน้อยที่ยังคงอยู่ในอาการนิ่งอึ้งด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึง
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อย่าไว้ใจใครง่ายๆแบบนี้อีก”
เสียงทุ้มดุของชายหนุ่มเรียกสติสาวน้อยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา จากนั้นก็ยืนทำตาปริบๆพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ แต่ไม่นานความตกใจก็เลือนหายไปกลับกลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาแทน
“จ้องหน้าพี่แบบนี้ เข้าใจที่พี่พูดหรือเปล่า”
อิทธิฤทธิ์ถามเสียงหนักจนเกือบจะกลายเป็นเข้มห้วน ทำให้คนตรงหน้าที่เผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลาสะดุ้งสุดตัวก่อนที่จะรีบเรียกสติกลับคืนมา
“เอ่อ…คะ…เข้าใจค่ะ”
ชนิกานต์รีบตอบเสียงรัว หลังจากที่สูญเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะเมื่อพบหน้าพี่ชายบุญธรรมที่ไม่ได้เจอกันนานเกือบปีเต็ม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความรู้สึกที่มีแต่เขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ใจจริงก็อยากจะโผเข้ากอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะไม่แน่ใจว่าหากทำแบบนั้นเธอจะโดนคนตัวโตดุหรือเปล่า
‘เราจะสารภาพรักกับพี่อิทตรงๆเลยดีไหม…หรือว่าจะรอให้เรียนจบปริญญาตรีก่อน…แล้วถ้ารอถึงตอนนั้นพี่อิทจะมีแฟนไปแล้วหรือยัง ถ้าพี่เขามีแฟนแล้วเราจะทำยังไงดี’
แม้ตอนแรกชนิกานต์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะบอกกับชายหนุ่มทันทีที่เจอหน้า แต่เมื่อมีโอกาสได้ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่กล้าอีกตามเคย ใจหนึ่งกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วเขาจะมองว่าเธอเป็นเด็กแก่แดด แต่อีกใจก็อยากจะบอกออกไปตรงๆเพราะไม่อยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวอีกต่อไป และที่สำคัญถ้าเธอบอกเขาช้าไปเธออาจจะไม่มีโอกาสได้บอกเขาอีกเลยก็ได้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ แล้วจะลงมาปาร์ตี้ด้วย”
อิทธิฤทธิ์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบ เช่นเดียวกับใบหน้าเรียบขรึมที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกใดใดออกมา ส่งผลให้ปากเรียวสวยที่กำลังอ้าบอกความในใจต้องรีบหุบแทบไม่ทัน และดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่เธอจะสามารถทำให้หลุดออกมาจากปากสวยๆได้ตอนนี้คือ
“ค่ะ พี่อิท”
‘หล่อ เท่ สมาท’
นี่เป็นสิ่งที่ชนิกานต์พึมพำบอกกับตัวเองในใจขณะมองตามร่างสูงสง่าเดินขึ้นบันไดด้วยสายตาชื่นชมอย่างเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่
………………………………………….