-GAME TALK-
ฝ่ามือของน้องกานต์ที่พุ่งตบเข้าใส่หน้าผมก่อนหน้านี้ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นคนไร้อารมณ์ขัน แถมยังมือหนักเป็นบ้า ผมถูฝ่ามือแนบแก้มตรงจุดที่แสบ เท้าย่ำเดินตรงไปที่หน้ารั้วประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งผมบอกให้ใครอีกคนยืนรอไว้
ไอ้นัทยังยืนรอผมอยู่ตามที่บอก มันทำหน้าบึ้ง ไร้อารมณ์ขันเฉกเช่นเดียวกับแฟนของมัน ตอนนี้มันคงกำลังหงุดหงิดเรื่องที่เพิ่งทะเลาะกับน้องกานต์ไปก่อนหน้านี้นี่แหละ
“ช้านักนะมึง มัวทำไรอยู่วะ?” ไอ้นัทบ่นทันทีเมื่อผมโผล่หัวไปให้มันเห็น
“โทษที ระหว่างทางกูบังเอิญเจอคนรู้จักว่ะ” ส่วนผมก็ตอบไปส่งๆ
“วันนี้กูไม่อยากไปร้านเกมเลยว่ะ” อีกครั้งที่ไอ้นัทกล่าวขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่มันมีปากเสียงกับน้องกานต์ที่โต๊ะม้าหิน มันจะเอาแต่คิดเรื่องนั้นอยู่ตลอดเวลา
ผมรู้จักกับไอ้นัทมาหลายปี และรู้ว่ามันเป็นพวกชอบย้ำคิดย้ำทำ
“ทำไมวะ?” ถึงจะรู้จักมันดี แต่ผมก็ยังถามกลับไป ทำเหมือนไม่เคยรู้จักนิสัยมันเลย
“เรื่องกานต์ไง” มันตอบสั้นๆ
ด้วยท่าทางเหมือนเลี่ยงที่จะพูด ผมก็เลยไม่สนใจ โอบแขนคล้องรอบคอมันเหมือนทุกที และออกแรงบีบบังคับพาเพื่อนสนิทตรงไปยังร้านเกมประจำหน้ามหาวิทยาลัย และในตอนนั้นเองที่ไอ้นัทพึมพำพูดอะไรบางอย่างออกมา
“มึงว่าช่วงนี้กานต์น่ารักขึ้นนะว่าไหม”
“เออ” ผมตอบกลับแบบไม่คิดอะไร แต่พอได้แอบลอบมองเสี้ยวหน้ามันแล้ว กลับพบว่าไอ้นัทมันกำลังยิ้ม
“กานต์โตขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะ สวยขึ้น น่ารักขึ้น และฉลาดขึ้น…”
“อ๋อเหรอ?” ผมย้อนอย่างคนไม่รู้ ทั้งที่เอาเข้าจริงผมก็พอจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไอ้นัทว่ามาบ้างเหมือนกัน
“กูคิดว่าอีกไม่นาน ความลับของกูคงใกล้จะแตกแล้วว่ะ และถ้าความลับแตกขึ้นมา กูกับกานต์อาจต้องเลิกกัน” ไอ้นัทเงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง แถมยังหยุดเท้าลงโดยชะงักจนผมต้องพลอยหยุดตามไปด้วย
ผมเหลียวมองมันด้วยความสงสัย และพบว่ามันเองก็กำลังมองผมกลับมาเช่นกัน
“เฮ้ยเกมส์ ถ้าวันหนึ่งกูกับกานต์เลิกกัน กูขออะไรมึงอย่างได้ป่ะ?”
“ว่ามา?” ผมยักไหล่แบบไม่ยี่หระ
“กูขอให้คนที่กานต์คบต่อจากกูเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่มึง… ได้ป่ะวะ?”
คำขอของไอ้นัททำให้ระหว่างเราเกิดเป็นช่องว่างแทบจะในวินาทีนั้น แววตาจริงจังของมันกำลังจ้องลึกเข้ามาในตาผม ราวกับว่านั่นคือคำขอที่มันต้องการจากผมเพียงข้อเดียว
“มึงก็รู้ว่ากูรักกานต์มาก กูคงทำใจไม่ได้ถ้าคนที่กูรักมากทั้งสองคนจะคบกันเอง…” อีกครั้งที่ไอ้นัทพูด และนั่นทำให้ผมเลื่อนแขนที่คล้องรอบคอมันออกทันที “แล้วกูก็รู้นะเกมส์…”
“รู้ว่า?” ผมย้อน โดยพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ว่ามึงเองก็ชอบกานต์...”
อ่า… แล้วแบบนี้ผมควรจะตอบมันกลับไปว่ายังไงดี
“แต่เพราะมึงเป็นเพื่อนสนิทกู กูเลยไม่ได้อะไร... แต่เรื่องนี้ถือว่ากูขอได้ไหม?”
“...”
“ถ้ากูต้องเลิกกับกานต์ มึงอย่าคบกับกานต์ต่อจากกูได้ไหมไอ้เกมส์?” คำพูดประโยคเดิมเชิงร้องขอของมัน ทำผมไม่สามารถพูดเป็นอย่างอื่นได้จริงๆ นอกจากวลีสั้นๆ
“อืม”
ถ้าหากวันหนึ่งผมต้องเสียเพื่อนดีๆ แบบไอ้นัทไป ผมเองก็คงจะแย่เหมือนกัน...
-KARN TALK-
ตลอดเวลาที่อยู่ในคลาสเรียน ฉันแทบไม่มีสมาธิที่จะฟังอาจารย์เลยสักนิด เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะหนึ่ง... เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับพี่นัทที่โต๊ะม้าหิน สอง...ที่ลืมไม่ลงเลยก็คงจะเป็นการฉวยโอกาสที่พี่เกมส์ปฏิบัติใส่ฉันนั่นแหละ และสาม...เรื่องที่ฉันคุยกับเมย์เอาไว้ก่อนเริ่มคลาส
หลังเลิกเรียนฉันเดินออกจากห้องตามปกติ และพาตัวเองมาหยุดลงที่เสาต้นใหญ่ เมื่อพบว่าที่หน้าทางขึ้นตึกคณะปรากฏร่างของพี่นัท พร้อมด้วยรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจกำลังจอดรออยู่เหมือนอย่างทุกวัน
‘ขั้นตอนแรก วันนี้หลังเลิกเรียนห้ามเจอหน้าพี่นัทเด็ดขาดแล้วมาหาฉันที่ร้านนั่งชิลพีพีลี บนหัวมุมถนนซอยสี่’
ฉันเม้มปากลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเมย์ดังแว่วเข้ามาในหัว พร้อมทั้งรีบเคลื่อนตัวหลบไปอยู่ด้านหลังเสา เมื่อพี่นัททำท่าจะเงยหน้ามองตรงเข้ามา
ไม่รู้หรอกว่าเขามารอนานเท่าไหร่แล้ว ที่รู้ๆ ก็คือวันนี้กว่าอาจารย์จะปล่อยออกจากห้องก็กินเวลานานอยู่พอสมควร ถ้าหากพี่นัทมายืนรอฉันตามเวลาปกติ เขาคงจะเสียเวลาในการนั่งคอยแบบนั้นราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ว่าได้
ปี๊บ! ปี๊บ!
ที่รัก :: พี่รอกานต์อยู่หน้าคณะนะ เลิกเรียนหรือยัง?
เสียงเตือนโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมด้วยข้อความสั้นๆ จากเบอร์พี่นัทซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอ ทำฉันเม้มปากลงเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป
กานต์ :: วันนี้หนูมีทำรายงาน พี่นัทไม่ต้องรอนะคะ
พอข้อความถูกส่งออกไป ฉันก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองทีท่าของคนรัก พี่นัทก้มมองข้อความของฉันบนหน้าจอสมาร์ทโฟน ขณะทำมือขยุกขยิกเหมือนกำลังพิมพ์ตอบโต้กลับมา
ปี๊บ! ปี๊บ!
ที่รัก :: กานต์โกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ที่รัก :: พี่ขอโทษนะ
‘ข้อที่สอง ถ้าหากแกเจอพี่เขาโดยบังเอิญแล้วเขาพยายามจะอธิบาย ให้แกพยายามเปลี่ยนเรื่องแล้วชิ่งหนีออกมา แล้วมาหาฉันตามที่นัดเอาไว้’
สิ่งที่เมย์บอกไว้ดังเข้ามาในหัว ฉันรู้ดีว่าตัวเองเป็นพวกใจอ่อน เมย์เองก็คงจะรู้นิสัยนี้ของฉันเช่นกัน ถึงได้พูดกำชับเอาไว้แบบนั้น ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าแผนที่เมย์คิดเอาไว้ มันจะช่วยให้ความรักของเราสองคนดีขึ้นได้หรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากจะลองเสี่ยงดู
เพราะฉันคิดว่าฉันรู้จักพี่นัทดีกว่าใคร และมั่นใจว่าเขาไม่น่าจะใช่ผู้ชายมักง่ายที่จะนอกใจแบบไม่มีเหตุผล และถ้าหากว่าสิ่งที่เมย์วางแผนไว้มันจะมีสักเปอร์เซ็นต์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ของเรากลับมาดีได้เหมือนก่อน ฉันก็คงต้องลองดูกันสักตั้ง
เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงกระเป๋า ไม่ได้ตอบข้อความที่พี่นัทส่งมาให้ และตัดสินใจหันหลังเดินเร็วๆ ตรงไปยังด้านหลังของตึกคณะตามอย่างแผนการที่วางไว้
คำขอโทษของเขาน่ะ เอาไว้เมื่อเราทั้งคู่มีโอกาสได้อธิบายเรื่องของกันและกัน แล้วค่อยหยุดรับฟังหรือใช้คำๆ นั้นจะดีกว่า เพราะฉันไม่ได้โง่ อีกอย่างที่ฉันรู้อยู่ตอนนี้มันก็เกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ส่วนพี่นัทก็ไม่เคยเลว ถึงขนาดที่ขอโอกาสแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองจนฉันรู้สึกเบื่อหน่าย
ที่สำคัญ...ฉันไม่สามารถทิ้งคนที่ฉันรักมาตลอดหกปีลงได้จริงๆ