บทที่ 1
True love is like a jigsaw puzzle.
The pieces will find themselves
when they are 'right' for each other
ความรักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอว์
ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได้ก็ต่อเมื่อ
แต่ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่ 'ใช่' สำหรับตัวมันเอง
-KARN TALK-
@ หอพัก X
ตึก! ตึก! ตึก!
“ฉันต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อนนะ!”
[อะไรอ่ะ นี่แกจะเบี้ยวนัดฉันอีกแล้วเหรอ!?]
เสียงแหลมปรี๊ดของ ‘เมย์’ หนึ่งในแก๊งเพื่อนสาวโวยวายขึ้นเสียงดังผ่านหูโทรศัพท์ จนต้องผละออกจากหูเล็กน้อย
[นี่มันรอบที่เท่าไหร่แล้ว สัญญาไว้แล้วนะว่าวันนี้จะดูหนังด้วยกัน!]
เมื่อมีโอกาส…ฉันเลยรีบตอบกลับไปอย่างรู้สึกผิด
“ก็วันนี้วันเกิดพี่นัท จะให้หนีไปเที่ยวคนเดียวมันก็ดูไม่ดีใช่ไหมล่ะ”
[ยังไม่เลิกกันอีกหรือไง! หมั่นไส้ชะมัด]
“นี่! ไม่ชอบก็อย่าแช่งดิ” ฉันแย้ง
[เชอะ! ฉันไปเที่ยวกับเจ๊ลูกตาลสองคนก็ได้ คอยดูเถอะ! วันไหนเลิกกันขึ้นมา ฉันจะนั่งหัวเราะให้ฟันหน้าร่วงเลย] ฉันตั้งใจฟังน้ำเสียงประชดประชันของเมย์ เพราะรู้นิสัยของเพื่อนคนนี้เป็นอย่างดี
พอเธอพูดจบฉันเลยอาศัยจังหวะในตอนนั้นพูดสวนกลับไป
“คอยดูนะ ฉันกับพี่นัทจะคบกันเกินสิบปี ให้คนอย่างเธออิจฉาเล่น~ คิกๆ”
[โอ๊ยยย ยัยบ้า! คอยดูนะ ฉันจะแช่งให้เลิกกันทุกวัน เลิก เลิก! เลิก! ...ตู๊ดดด] ฉันไม่ทนเสียงสาปแช่งหวีดแสบแก้วหูของเพื่อนสนิท และเลือกที่จะตัดสายเธอทิ้งไป ขณะเดียวกันเท้าก็ก้าวข้ามบันไดขั้นสุดท้ายมายังชั้นสามของหอพักซึ่งเป็นชั้นเป้าหมายพอดิบพอดี
‘กานต์’ คือชื่อของฉัน ชื่อจริงคือ ‘กานต์เกล้า’ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ความสามารถไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่เห็นแบบนี้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ชะนีหลายๆ คนอิจฉานะขอบอก
ไม่ใช่แค่ชีวิตดี การศึกษาดี หรือฐานะทางบ้านดีเพียงอย่างเดียว แต่ชีวิตรักของฉันก็ดี๊ดีไม่ต่างกัน แฟนของฉันชื่อพี่ ‘นัทชา’ เรียนอยู่ปีสามมหาวิทยาลัยเดียวกัน เขาแก่กว่าฉันสองปี เราเริ่มคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าปีที่เจ็ดแล้วค่ะ
ในความน่าอิจฉาที่หลายคนมองเห็นก็ยังมีความทุกข์ระทมซ่อนอยู่ ความรักที่คนอื่นมองว่าหวาน พออยู่นานไปก็ชักเริ่มขม อาจเพราะพี่นัทไม่ใช่ผู้ชายปากหวาน ขี้เอาอกเอาใจ ค่อนข้างเป็นคนแข็งๆ ด้วยซ้ำ ทำให้ช่วงปีหลังๆ มานี้ เราทั้งคู่จึงไม่ค่อยมีมุมสวีทด้วยกันบ่อยนัก
วันนี้ฤกษ์ดีเพราะเป็นวันเกิดของพี่นัท ฉันเลยถือโอกาสซื้อเค้กวันเกิดมาเซอร์ไพรซ์เขาถึงห้องตามแบบฉบับหน้าที่แฟนที่ดี
ทันทีที่พาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของพี่นัท ฉันก็รีบหยิบกุญแจห้องที่เขาเคยให้ไว้ออกมา จัดการไขประตูเข้าห้องตามปกติ
แอ้ดดด..
เมื่อประตูเปิดออก เสียงโวยวายเคล้าเสียงยิงปืนก็ดังสนั่นขึ้น
ปัง! ปัง! ปัง!
“มันไม่อยู่แถว B แล้ว มึงรีบย้ายกลับมาช่วยกูฝั่ง A ดิ!”
จากมุมประตูห้องฉันสามารถเห็นพี่นัทได้อย่างเต็มตา เขาสวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวกำลังนั่งบังคับจอยเกมในมือ ตาจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างเมามัน สักพักเหมือนเขารู้ตัวเลยหันมามองฉันพร้อมด้วยรอยยิ้มและคำทักทาย
“อ้าว มาได้ไง?”
ส่วนฉันก็ยิ้มและชูถุงเค้กที่ซื้อมาให้เขาดู
“หนูซื้อเค้กมาเป่าเบิร์ดเดย์กับพี่ไง~”
“ดีๆ เอาใส่จานมาเลย เล่นเกมแป๊บ!” คำพูดส่งๆ เหมือนไม่ได้สนใจทำให้ฉันรู้สึกเฟลนิดๆ เมื่อสิ่งที่คิดไว้ไม่ตรงตามแผนเท่าไหร่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าแผนเซอร์ไพรซ์คงใช้ไม่ได้ผล ถ้าหากเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเจอพี่นัทเล่นเกมอยู่แบบนี้
และนี่ไงล่ะ...ปัจจัยที่ลดความหวานของความรักฉันลง
พี่นัทเริ่มติดเกมอย่างหนักตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย จากเกมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป เริ่มลามไปถึงเกมในเครื่อง Play Station เกมไหนมัน เกมไหนมาใหม่ ขอให้ถาม พี่นัทตอบได้ เพราะเคยทดลองเล่นมาหมดแล้ว
เขาขลุกอยู่กับการเล่นเกมออนไลน์และเครื่องเล่น Play Station มากกว่าอะไรในโลก
ชนิดที่ว่าเขามองหน้าจอมากกว่ามอง ‘หน้า’ ฉัน…
มือจับเม้าส์ จับคีย์บอร์ดและจอยเกมมากกว่า ‘มือ’ ฉันเสียอีก
แต่ถึงเขาติดเกมอย่างหนักก็ไม่เคยทำให้ความรู้สึกของฉันที่มีให้เขาลดลงเลยสักวัน กลับกัน...มันดันเพิ่มขึ้นทุกวันไปตามกาลเวลา
ฉันไม่ซีเรียสหรอกที่แฟนจะติดเกมหนักขนาดนี้ เพราะฉันถือกฎที่ว่า อะไรที่พี่นัททำแล้วมีความสุข ฉันก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย
แต่ที่พูดมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้รวมถึงปัจจัยที่สองซึ่งเป็นตัวการลดความหวานของเราลงหรอกนะ!
“ใครมาวะนัท?”
เสียงเข้มของผู้ชายอีกคนแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงกราดยิงปืนของเครื่องเล่น Play Station พร้อมกับการปรากฏตัวของเขา ขณะค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นในท่านั่ง
เขาชื่อพี่ ‘เกมส์’ เป็นเพื่อนสนิทชนิดโคตรจะซี้ปึ้กของพี่นัท พวกเขาตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ไม่ว่าจะเวลากินข้าว อยู่ในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ตอนเล่นเกม เรียกว่าตลอดชีวิตคู่ระหว่างฉันกับพี่นัทจะต้องมีพี่เกมส์โผล่เข้าแทรกกลางอยู่เสมอ
ฉันไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ เพราะเขาคือบุคคลที่ทำให้พี่นัทเสียคนด้วยการชวนเล่นเกมไร้สาระไปเรื่อย อารมณ์ก็คงประมาณภรรยาหลวงที่ถูกภรรยาน้อยแย่งชิงความรักจากสามีนั่นแหละ ไหนจะคำพูดคำจา ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าหูอีก เอาง่ายๆ คือ ‘ไม่ชอบ!’
พี่เกมส์หันมองมาทางฉันคล้ายกับสงสัย และในวินาทีที่เราทั้งคู่สบตากัน เขาก็เริ่มแสดงนิสัยเสียๆ ของตัวเองออกมาให้เห็น
พี่เกมส์เบ้ปาก แสร้งทำท่าเหมือนตกใจ จากนั้นก็พูดออกมา
“ว้าย! เมียน้อยมา!”
เกลียดแรง!
“งั้นเดี๋ยวหนูเอาเค้กใส่จานให้นะคะ”
ฉันกรีดยิ้ม ไม่สนใจคำพูดยียวนของพี่เกมส์ สะบัดปลายผมเบาๆ แล้วเดินเชิดเข้าไปในห้องเล็กใกล้ประตูห้อง จัดการหยิบจานสำหรับใส่เค้กตามอย่างพี่นัทบอก
การเลี่ยงที่จะปะทะคารมกับพี่เกมส์คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว วันนี้เป็นวันดีนะกานต์ ท่องไว้ว่าเธอไม่ควรจะอารมณ์เสีย ไม่ควรเป็นนางมารร้ายต่อหน้าแฟนในวันดีๆ อย่างนี้
“อะแฮ่ม!” ระหว่างจัดการหยิบเค้กออกจากถุงพลาสติก พี่เกมส์ที่ไม่รู้มาจากไหนก็กระแอมเสียงดังเรียกร้องความสนใจ
แต่บอกเลยว่าการกระทำแบบนั้นไม่ได้ทำให้ฉันสนใจหรอกนะ เพราะสายตาและมือยังคงวุ่นอยู่กับเค้กที่ซื้อมาจัดเรียงใส่จาน ทำเหมือนว่าในห้องนี้มีฉันยืนอยู่เพียงแค่คนเดียว แต่ไม่นานความอดทนที่ทำมาก็สูญเปล่า เมื่อผู้ชายน่ารำคาญพยายามเรียกร้องความสนใจมากกว่าเก่า
“อุ๊ยเค้ก!” พี่เกมส์เดินเข้ามาประชิดตัว แสดงความไร้มารยาทด้วยการหยิบฉวยเค้กที่ยังจัดเรียงไม่เสร็จดีไปกินหน้าตาเฉย การกระทำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจจนฉันต้องตวัดสายตามองค้อนกลับไปในที่สุดพร้อมกับต่อว่า
“ไม่มีมารยาทเลยนะคะพี่เกมส์ เจ้าของวันเกิดยังไม่ทันได้กินเลย”
“เหรอออ” เขาลากเสียงยาว ปากกัดเค้กช็อกโกแลตคำโตเหมือนจงใจกวนประสาท
“ค่ะ!” หวังว่าการตอบกระแทกเสียงในครั้งนี้จะช่วยให้เขาสำนึกได้บ้าง
แต่ก็เปล่า…
“เมียหลวงทำอะไรก็ไม่ผิดค่ะ จำไว้” ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เมื่อได้ฟังเขาพูดเช่นนั้น ไม่ใช่แค่คำพูดหรอกที่ฟังแล้วรู้สึกอยากลากเขาเข้าไปตบในห้องน้ำ แต่เป็นสีหน้าเสมือนนางพญา เลิศ เชิด หยิ่งของเขาที่จงใจแสดงออกมาต่างหาก
“พี่เกมส์ผิดตั้งแต่พาพี่นัทติดเกมแล้วล่ะค่ะ!”
“อ้าว! รู้ตัวด้วยเหรอคะว่าไอ้นัทมันติดพี่ ไม่ได้ติดน้อง”
หนอย! ผู้ชายคนนี้นี่มัน!!
“เวลาไอ้นัทอยู่กับพี่นะ มันชอบมานอนหนุนตัก ให้เกาหัว เวลาเราสองคนแก้ผ้าเล่นเกมด้วยกันในห้องนะฟิ๊นฟิน~” พี่เกมส์ยังไม่หยุดพูดจากวนประสาท ปากกัดเค้กไปด้วยพลางพูดไปด้วย “คืนไหนที่เราเล่นเกมด้วยกันจนดึกนะ ไอ้นัทมันชอบชวนพี่นอนค้างด้วยตลอดเลยอ่ะ เวลานอนมันก็ชอบนอนจับมือพี่ไว้ตลอดทั้งคืนเลย ไม่รู้ทำไม~”
มองบนแรง!
“หนูล่ะเบื่อจริงๆ พวกผู้ชายที่ติดเกมเนี่ย วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่ชวนกันเล่นเกม พาชาวบ้านเสียคนหมด” สุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหว จำต้องละเลงฝีปากกลับไปบ้าง “สงสัยคงว่างจัด ไม่มีการมีงานทำ ถึงได้ทำตัวไร้สาระไปวันๆ”
ตึง!
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ พี่เกมส์กระแทกมือลงกับเคาน์เตอร์ สายตาเหลือบมองคนตัวใหญ่โดยอัตโนมัติ ก่อนพบว่าสายตาของพี่เกมส์ตอนนี้กำลังมองกลับมาคล้ายกับไม่พอใจ มิหนำซ้ำเขายังโน้มหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะหาเรื่องแบบไม่ทันให้ตั้งตัว จนเผลอผงะตัวถอยชิดผนังด้วยความตกใจ
“พี่จะทำอะไร!”
พี่เกมส์เป็นพวกขี้แกล้ง แถมยังปากเสียที่สุด เขาเป็นคนที่ฉันไม่เคยเดาอารมณ์ได้เลยสักครั้ง ด้วยความไม่ค่อย (อยาก) สนิทด้วย ฉันเลยบอกไม่ได้ว่าแววตาที่เขาใช้มองตอนนี้มันหมายความว่าอะไร
เขาไม่พอใจจริงๆ หรือแค่คิดจะแกล้งกันแน่…
หลังจากพี่เกมส์มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็แสยะยิ้มกว้าง ส่วนปากก็พูดไปด้วย
“ติดเกมนะคะไม่ได้ติดยา บ่นมากๆ ระวังผัวทิ้งนะตัวเธอ” พูดจบพี่เกมส์ก็ยักคิ้วหลิ่วตาและคว้าเค้กชิ้นที่สองหยิบใส่ปาก
“นั่นปากหรือโถส้วมคะ!?” ฉันย้อน
พี่เกมส์เบ้ปาก ยักไหล่ไม่สนใจคำถามกึ่งต่อว่า หันหลังเดินไม่รู้ไม่ชี้ออกไป
แต่จู่ๆ เขาก็หยุด แล้วสะบัดหน้าหันกลับมาเหมือนคิดอะไรได้ แถมยังแสดงท่าทางตุ้งติ้ง กระดกปลายนิ้วก้อยซึ่งกำลังถือชิ้นเค้กและกรีดนิ้วชี้ใส่ฉัน
“เมื่อกี้อย่าเข้าใจผิดนะคะ พอดีพี่ไม่สนชะนีนมแบน ปากห้อยค่ะ!”
“หนูก็ไม่สนผู้ชายแอ๊บแมนแบบพี่เหมือนกัน!” ถึงปากจะว่าออกไปแบบนั้นก็เถอะ แต่ร่างกายดันตอบสนองคำต่อว่าของคนปากร้ายตรงหน้าด้วยการเก็บปากล่างของตัวเองเอาไว้แน่น
“พี่ล่ะเบื่อความคิดของพวกเมียน้อยจริงๆ” เขาทำท่าทางสะดิ้งแบบผู้หญิง แกล้งใช้มือปัดผมหน้าของตัวเองอย่างมีจริต
“ถ้าพี่ไม่ใช่เกย์ ก็เลิกเรียกแฟนคนอื่นว่าผัวกับเมียน้อยซะสิ!”
“เรื่องที่พี่เรียกผู้หญิงคนอื่นของสามีว่าเมียน้อยน่ะห้ามไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเมียหลวง”
พี่เกมส์ยัดเค้กช็อกโกแลตในมือเข้าปาก ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่สั้นๆ แล้วกล่าวเสริม
“อีกอย่างพี่ก็แมน แถมยังแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย แต่…”
“…”
“นับตั้งแต่วันที่พี่เจอกับไอ้นัท พี่ก็ชักอยากเริ่มเป็นเกย์เลยอ่ะ แอร๊ยยย คนอะไรหล๊อหล่อ~ ฮุฮิ!”
“พี่เกมส์!!” เขารีบยกนิ้วชี้ขึ้นเบรกฉันซึ่งกำลังจะกลายสภาพเป็นนางมารร้ายให้เงียบ และเป็นเขาเองที่เอ่ยออกมา
“ไปก่อนนะคะเมียน้อย ผัวรอเล่นเกมอยู่ ฮุฮิ~”
-GAME PART-
“กรี๊ดดดดดดด!”
ตึง! ตึง!
ผมเดินดูดนิ้วที่เลอะครีมช็อกโกแลตออกจากห้องครัวอย่างคนสบายอารมณ์ และอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินน้อง ‘กานต์’ ส่งเสียงหวีดร้องแสบแก้วหู และกระทืบเท้าย้ำๆ ดังมาจากในห้องเล็ก
“มีไรวะ ไอ้เกมส์” ไอ้ ‘นัท’ เพื่อนโคตรซี้ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มกริ่มที่ผมแสดงออกไป
มันถามอย่างรู้ทัน…
“แกล้งกานต์มาอีกแล้วอ่าดิ”
“กูเปล่านะเออ~ น้องเขาโวยวายเอง”
“มึงนี่มันจริงๆ เลย กูให้เข้าไปช่วย ไม่ใช่ให้เข้าไปแกล้งน้องเขา” ไอ้นัทพูดแบบนั้นก็จริง แต่มันดันหลุดขำออกมาซะเอง อาจเพราะมันคงจะเดาสถานการณ์ในห้องเล็กได้ล่ะมั้งว่าเกิดอะไรขึ้น
ไอ้นัทเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ผมมี เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย รู้นิสัยใจคอกันหมดไส้หมดพุง เรียกว่าทุกเรื่องที่มันทำหรือคิด...ผมรู้ ทุกเรื่องที่ผมคิดและทำ...มันรู้
และการสนิทกับไอ้นัทจนตัวติดกันนี่แหละเลยพลอยให้เพื่อนในคณะตั้งฉายาให้ผมกับมันว่า ‘คู่ผัวเมีย’ ฉายาดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนตัวจริงของไอ้นัทอย่างน้องกานต์เป็นอย่างมาก เดิมทีเธอเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมอยู่แล้ว (อันนี้รู้ตัวดี) เธอกล่าวหาว่าผมพาไอ้นัทเสียคนเพราะชวนเล่นเกม ก็แค่ชวนกันติดเกมป่ะวะ ไม่ได้พากันไปปล้นร้านทองสักหน่อย ไม่ได้ผิดกฎหมายมาตราไหนสักนิด แต่ยัยนั่นชอบบ่นเหมือนผมพาไอ้นัททำเรื่องผิดกฎหมายซะอย่างงั้น
ยิ่งพักหลังๆ ไอ้นัทใช้ชีวิตตัวติดอยู่กับผมมากกว่าเธอด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องสืบ น้องกานต์ยิ่งเพิ่มทวีความเกลียดและเริ่มพูดจาแดกดันผมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำเหมือนผมเป็นเมียน้อยแย่งความรักไปจากสามีสุดที่รักของเธอไม่มีผิด เพราะสถานการณ์บีบบังคับ และผมเองก็ขี้เกียจเถียง ดังนั้นผมก็เลยจัดการสถาปนาตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่ง ‘เมียหลวง’ ผู้มีสิทธิ์ใกล้ชิดกับสามีมากกว่า ‘เมียน้อย’ ขี้อิจฉาซึ่งเอาแต่หาเรื่องต่อว่าผมไปวันๆ
ส่วนไอ้นัทซึ่งดำรงตำแหน่งหน้าที่ ‘สามี’ ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรกับการที่ผมจะเรียกมันว่าผัวบ้างหรือสามีบ้าง เพราะมันเข้าใจว่าผมแค่แกล้งเรียกขำๆ แต่ดูเหมือนว่าแฟนของมันจะไม่ได้คิดแบบนั้น
“มามึง เล่นเกมต่อ” ผมเอ่ยปากชวน ขณะก้าวข้ามหัวไอ้นัท ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มือคว้าจอยเกมขึ้นเตรียมประจำการ หลังจากต้องหยุดเกมไว้ชั่วคราวเพราะถูกไอ้นัทวานไปดูน้องกานต์เตรียมของ
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรให้อารมณ์หายขาดช่วง น้องกานต์ในโหมดนางฟ้าก็ถือจานเค้กเดินออกมา หน้าตายิ้มแย้มดูมีความสุข ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเพิ่งปะทะคารมกันในห้องเล็กแท้ๆ
ตลกดีไหมล่ะ เธอคนนี้จะดูเป็นนางฟ้าแค่ตอนอยู่ต่อหน้าไอ้นัทเท่านั้นแหละ เวลาอยู่ต่อหน้าผมเธอคือนางมารดีๆ นี่เอง
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~ ” น้องกานต์ร้องเพลงวันเกิด เดินประคองจานเค้กมานั่งข้างๆ ไอ้นัทตามประสาแฟนที่ดี ส่วนคนไม่มีแฟนอย่างผม ก็ได้แต่มองเมียน้อยทำดีเอาหน้าจากสามีอย่างนึกมันเขี้ยว
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~” ไอ้นัทยิ้มอย่างมีความสุข คนทั้งคู่มองหน้ากันเหมือนกับว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีผมอยู่ด้วย
ถามว่าซีเรียสกับเรื่องนี้ไหม ตอบตรงๆ ก็ไม่นะ เพราะรู้สถานะของคนทั้งคู่ดี มันก็เหมาะสมแล้วที่จะให้พวกมันได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง แต่นั่นไม่ใช่กับแววตาของน้องกานต์ที่มองผ่านไอ้นัทมาทางผม
เธอเหยียดยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า และยักคิ้วข้างเดียวคล้ายกับจะบอกว่า รอบนี้เธอ WIN แต่ก็ครู่เดียว น้องกานต์ละสายตาไปจากผม ยิ้มเล็กยิ้มน้อย พูดกับไอ้นัทด้วยแววตาที่ต่างออกไป
ด้วยท่าทางแบบนั้นแหละ เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบแกล้งเธอนัก!
“พี่นัท ลองชิมสิคะ ร้านนี้อร่อยน้า~”
“เดี๋ยวกิน พี่ขอเล่นเกมกับไอ้เกมส์แป๊บ” พอคนตัวเล็กได้ฟังคำตอบ เธอก็ยู่ปากเหมือนขัดใจ พลางวางจานเค้กข้างเครื่อง Play Station อย่างเสียไม่ได้
พอไอ้นัทละสายตาจากเธอไปที่จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าเท่านั้นแหละ น้องกานต์นางฟ้าคนเดียวคนเดิมเพิ่มเติมคือนางมารร้าย ก็ตวัดหางตามองผมอย่างเคียดแค้น ส่วนผมที่แอบสะใจเล็กน้อยพอประมานตามท้องเรื่อง แสร้งทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ แต่เบะปากเป็นเป็ดไปด้วย
เสียงจิ๊ปากขัดใจดังลอดผ่านริมฝีปากรูปกระจับ ก่อนตามมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนไม่สนใจ
“งั้นหนูนอนตักดูพี่นัทเล่นเกมนะ” พูดจบเธอก็เอนตัวตั้งท่าจะนอนหนุนตักไอ้นัททันที
บอกเลยว่าเธอไม่ได้แดกหรอก ผมที่ไวกว่ารีบทิ้งหัวลงตักเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว ตัดหน้าเธอเพียงเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งอ้อมไปโอบเอวเพื่อนรักเพื่อสร้างอาณาเขตของตัวเอง พร้อมกับเสียงเกมบนจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ดังขึ้น
ตาผมอ่ะมองจอ มือจับจอยเกมบังคับตัวละครในเกม ไม่ได้สนใจท่าทางหรือสายตาของน้องกานต์ในเวลานี้ แต่ไม่ใช่กับปากที่เอ่ยออกไปอย่างคนมีความสุขปานว่าเพิ่งชนะรายการ The Face Thailand มาหมาดๆ
“ขอโทษทีนะคะ ตักผัว มีไว้สำหรับ เมีย-หลวง-โคตร-สตรอง Only~”
-NUTCHA TALK-
“พี่เกมส์! ลุกจากตักพี่นัทเดี๋ยวนี้นะคะ!!”
“อย่าเยอะค่ะชะนี หล่อนเป็นแค่เมียน้อย อย่ามาสั่ง”
ชีวิตผมมันโคตรวุ่นวาย ไม่ว่าจะสถานการณ์รอบตัวหรือเรื่องของตัวเอง
“พี่เกมส์!” อย่างเช่นตอนนี้ กรณีที่ไอ้เกมส์กับแฟนเริ่มต่อปากต่อคำทวงบัลลังก์เมีย
ผมชินกับการถูกไอ้เกมส์เรียกว่าผัวหรือสามีไปแล้ว เพราะไม่ใช่แค่มันหรอกที่เรียก เพื่อนที่มหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าการถูกเรียกว่าผัว สามี เมียน้อยหรือเมียหลวง จะแปลว่าผมกับไอ้เกมส์หรือกานต์ต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างนั้นกันจริงๆ สักหน่อย
เพราะตั้งแต่คบกับกานต์มาตลอดหกปี ผมไม่เคยล่วงเกินเธอเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างมากผมก็แค่จูบเธอพอเป็นเรื่องเป็นราว ตามหน้าที่ของคนคบกัน ส่วนไอ้เกมส์...ผมกับมันก็เป็นแค่เพื่อนที่โคตรจะรักกันมากก็แค่นั้น
ผมกับกานต์เรารู้จักกันมานาน แม่ของกานต์เป็นเพื่อนสนิทของแม่ผม พอพวกเราโต พวกท่านเลยแนะนำให้รู้จักกันเอาไว้ เผื่อมีโอกาสดองเป็นครอบครัวเดียวกันในอนาคต กานต์เป็นเด็กน่ารัก น่าเอ็นดู ผมประทับใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่แล้วเรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อผมกับกานต์คบกันจริงๆ ตามอย่างที่พวกผู้ใหญ่อวยกัน
และเรื่องที่ผมกับกานต์คบกันสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก พวกเขาเลยตั้งความหวังว่าเราจะคบกันได้นาน และถ้าผมสามารถคบกับกานต์ได้ถึงตามเวลาที่พวกผู้ใหญ่กำหนด ‘เจ็ดปี’ งานแต่งงานของเราทั้งคู่ก็จะถูกจัดขึ้นทันที
ผมพูดได้เต็มปากว่าผมรักกานต์มาก
แต่…
Rrrrrrr
เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้นขัดความคิดไม่สงบในหัวให้หยุดลง รวมไปถึงเสียงโต้เถียงของกานต์กับไอ้เกมส์ด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวหนูรับสายให้ค่ะ!” กานต์ส่งเสียงแจ๋ว รีบลุกจากพื้นกระโดดขึ้นเตียง คว้าสมาร์ทโฟนของผมทันที
แต่เสียงเรียกเข้ากลับไม่เงียบลงเลย ผมจึงเหลียวหลังไปมอง เมื่อเห็นว่ากานต์เงียบแถมยังมองหน้าจอสมาร์ทโฟนนิ่งๆ ผมก็เลยถาม
“ทำไมไม่รับล่ะ?”
“แม่พี่นัทโทรมาค่ะ” กานต์ยิ้มหวาน พลางยื่นโทรศัพท์ซึ่งบนหน้าจอปรากฏชื่อว่า ‘แม่*’ ส่งมาให้ ปกติแล้วกานต์จะรับสายให้ผมเสมอเวลาอยู่ด้วยกัน เว้นแต่สายที่เป็นคนในครอบครัวเท่านั้น ซึ่งเธอจะเลี่ยงเหมือนเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง เพื่อให้ผมมีเวลาส่วนตัวกับครอบครัวบ้าง
เห็นดังนั้นผมจึงรีบวางจอยเกมในมือลงอย่างรีบร้อน คว้าสมาร์ทโฟนมาจากมือของกานต์แล้วรีบลุกเดินตรงไปที่ประตูระเบียงห้องทันที
เมื่อพาตัวเองออกมานอกห้องได้สำเร็จ ปลายนิ้วจึงรีบกดรับสาย
“ฮัลโหล”
[แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู~]
เสียงหวานๆ ดังลอดผ่านปลายสายเป็นเพลงวันเกิดทำผมหลุดยิ้มเล็กๆ มุมปากอย่างลืมตัว
[ขอให้หล่อๆ รวยๆ เฮงๆ แล้วก็... ขอให้เสน่ห์ลดลงด้วยนะคะ]
“อะไร นี่โทรมาอวยพรเหรอ?” ผมย้อนอย่างนึกตลก
[นี่แหละอวยพรแล้ว]
“อวยพรอะไรกัน พี่เหมือนโดนเราแช่งมากกว่านะ”
[งั้น… เพิ่มคำอวยพรก็ได้] ผมยกยิ้มเมื่อได้ฟังปลายสายพูดออกมาอย่างนั้น และเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่เธอจะพูด
[พี่นัทคะ…]
“ครับ?”
[วันนี้วันเกิดขอให้พี่มีความสุขมากๆ นะคะ เวลาพี่คิดอะไรก็ขอให้สมความปรารถนาทุกอย่าง…]
“ขอบคุณครับ”
[ยังค่ะ ยังไม่หมด] ปลายสายแย้ง
“ขาดอะไรอีกเหรอครับ?” ผมก็เลยแกล้งถามกลับไป
[ขอบคุณสำหรับสี่ปีที่ผ่านมา... หลังจากนี้ช่วยอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ นะคะ]