ไร่องุ่นหมื่นเมืองเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาขององุ่นคุณภาพดี เพราะนอกจากจะองุ่นจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีองุ่นที่ใช้ทำไวน์ ซึ่งจะแตกต่างจากองุ่นที่ใช้กินสด เพราะองุ่นทำไวน์มักออกรสเปรี้ยว ฝาด เปลือกหนากว่าองุ่นที่กินสด ซึ่งรสชาติของไวน์นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอุณหภูมิ สภาพอากาศ ไปถึงดินที่ใช้ปลูกองุ่น
ฉะนั้นไร่หมื่นเมืองจึงกลายเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพราะดินดีและพ่อเลี้ยงเมืองรามไม่ใช้สารเคมี จึงทำให้เขาขายดีและได้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาดทั่วไป
เมื่อรถมินิ คูเปอร์ คันสีแดงดูร้อนแรง แต่ทว่าคนขับกลับมีท่าทีที่ใจเย็น ซึ่งภายในรถของเธอได้บรรจุของมาจนเต็ม ทั้งเบาะผู้โดยสารและในกระโปรงท้ายรถ ของบางอย่างเธอก็ยังคงเก็บเอาไว้ที่บ้านหลังนั้น เพราะแพทย์หญิงใบบัวคิดว่าสัญญาถูกยกเลิกเมื่อไหร่ เธอก็คงตั้งกลับไปที่บ้านหลังนั้นดังเดิม ถึงแม้ว่ามันจะเล็ก แต่บ้านหลังนั้นก็คือน้ำพักน้ำแรงที่เธอผ่อนเอาไว้กับธนาคารเกือบจะปิดบัญชีได้แล้ว เหลือค่างวดอีกแค่ปีกว่าๆ
พอรถแล่นเข้ามาภายในไร่องุ่นหมื่นเมือง ความสวยงามของที่นี่กำลังสะกดสายตาให้แพทย์หญิงใบบัวต้องลดความเร็วของรถลง ไร่องุ่นที่มีพื้นที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวไม่รู้ว่ากี่ร้อยกี่พันไร่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะถึงยังไงมันก็ไม่ใช่ไร่ของเธอ เมื่อแพทย์หญิงใบบัวสนใจเพียงแค่บรรยากาศรอบตัวเท่านั้น
“สวยจัง” ในที่สุดเธอก็อดใจไม่ไหว ที่จะแอบรถลงไปยังไหล่ทาง เพื่อลดกระจกชมวิวสวยๆ ขณะที่ลูกสาวยังคงหลับปุ๋ย
“อยากเห็นหน้าจัง ผู้ชายที่สามารถดูแลไร่องุ่นกว้างใหญ่ไพศาลได้ขนาดนี้ เขาต้องมีความรับผิดชอบสูงแน่ๆ คงไว้หนวด หน้าตาดุดันดูเข้ม เพื่อวางอำนาจสินะ” ถึงแม้ว่าพ่อเลี้ยงเมืองรามจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่ทว่าแพทย์หญิงใบบัวก็ไม่เคยได้เจอกับเขา เธอได้ยินเพียงแค่ชื่อเสียงเรียงนาม ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ ในเรื่องความโสดสนิท เมื่อเขาไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหน
“คุณแม่พูดกับใครเหรอคะ” หนูน้อยเอามือขยี้ตาด้วยท่าทางงัวเงีย ก่อนจะเอ่ยถามมารดาออกมาด้วยความสงสัย
“เปล่าจ้า แม่พูดกับธรรมชาติ กำลังชมวิวสวยๆ หนูตื่นก็ดีแล้ว ถึงไร่หมื่นเมืองแล้วนะ พร้อมเข้าไปอยู่บ้านใหม่หรือยังคะ” หญิงสาวพูดจาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูตื่นเต้น เพื่อทำให้ลูกสาวรู้สึกคลายเศร้า หายคิดถึงบ้านหลังเดิมที่เคยอาศัย
“ว้าว! สวยจังเลยค่ะ นั่นคือไร่องุ่นใช่ไหมคะคุณแม่” หนูน้อยดูตื่นเต้นจนลืมเศร้า จากที่เอาแต่งอแงตอนไปส่งริต้าที่สนามบิน ในเวลานี้ของขวัญคงลืมเรื่องนั้นไปจนสิ้น เมื่อเธอนั้นกำลังสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งดูสวยงามเสียจนอยากอยู่นี่เป็นการถาวร
“ที่นี่คือไร่องุ่นหมื่นเมือง เรามาอาศัยเขาอยู่หนูห้ามดื้อเข้าใจไหมลูก”
“เข้าใจค่ะคุณแม่ เข้าใจแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยค่ะ”
“ฮะ! ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน” แพทย์หญิงใบบัวถึงกับตกใจในคำพูดของลูกสาว แต่ทว่าเธอนั้นก็อดที่จะเอ็นดูของขวัญไม่ได้ จึงเอามือแตะลงไปที่ศีรษะของหนูน้อยเบาๆ ด้วยความรักสุดหัวใจ
“พี่ริต้าค่ะ” หนูน้อยฉีกยิ้มออกมา ก่อนจะหุบลงด้วยสีหน้าเศร้าลงไปถนัดตา เมื่อนึกถึงพี่เลี้ยงที่เคยดูแลเธอมาตั้งแต่แบเบาะ
“พร้อมหรือยัง แม่จะออกรถแล้วนะ”
“พร้อมแล้วค่ะ” เมื่อเห็นลูกสาวทำหน้าเศร้า แพทย์หญิงใบบุญไม่รอช้ารีบเอ่ยถามหนูน้อยออกมาทันที ก่อนจะหักพวงมาลัยขึ้นถนนคอนกรีตมุ่งสู่บ้านหรูในไร่องุ่นของพ่อเลี้ยงเมืองราม ซึ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติดูร่มรื่น
สักพักรถมินิ คูเปอร์ได้แล่นเข้ามาจอดบริเวณบ้านที่ดูสวยแปลกตา ด้วยสไตล์คันทรีที่น่าอยู่น่าอาศัย แต่ก็ยังคงมีความกว้างใหญ่ สมกับที่เป็นบ้านของพ่อเลี้ยงเมืองราม อีกทั้งยังมีบ้านหลังเล็กที่อยู่ห่างกันไม่กี่เมตร ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว ถ้าเธอเดาไม่ผิดด้านในคงตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจแฝงไปด้วยความอบอุ่นน่าอยู่น่าอาศัยเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
“สวัสดีค่ะ ใช่คุณหมอไหมคะ”
“สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะหนูคือหมอใบบัว” แพทย์หญิงรับไหว้แทบไม่ทัน ขณะที่ป้านุ่นเองก็ประทับใจเธอตั้งแต่แรกเจอเช่นกัน เมื่อคุณหมอในลุคสาวสวยดูสุภาพและเป็นกันเอง ที่สำคัญเธอไม่ถือตัวอีกด้วย
“คุณท่านรออยู่ในบ้านแล้วเชิญค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้เด็กมาเก็บของเข้าบ้านให้”
“ขอบคุณค่ะป้า ของขวัญลงมาสิลูก” หญิงสาวเรียกหนูน้อยลงมาจากรถด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“บ้านสวยจังเลยค่ะ สวัสดีค่ะคุณย่า” หนูน้อยไม่รอให้มารดาได้บอก เธอรีบเอ่ยทักทายป้านุ่นที่ดูมีอายุราวๆ หกสิบต้นๆ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อย่างสวยงาม จนนางอดที่จะเอ็นดูหนูน้อยไม่ได้
“น่ารักจัง แบบนี้คุณท่านคงไม่เหงาแล้ว เชิญค่ะ” แพทย์หญิงส่งยิ้มบางๆ ให้กับป้านุ่น ก่อนจะคว้ามือของขวัญมากุมเอาไว้ แล้วพาหนูน้อยเดินตามหลังป้านุ่นเข้าไปข้างในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม
“อ้าว! มากันแล้วเหรอ ฉันนั่งรอตั้งแต่เช้า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ที่ไร่ของเราจะมีสมาชิกเพิ่มเข้ามาในบ้าน เชิญนั่งจ้า” หญิงสูงวัยท่าทางใจดี พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูมีมิตรไมตรี
“สวัสดีค่ะคุณย่า บ้านสวยจังเลยค่ะ”
“ของขวัญ...” แพทย์หญิงเอ็ดลูกสาวออกไปเบาๆ เมื่อหนูน้อยยกมือขึ้นไหว้หญิงสูงวัย พร้อมกับเรียกนางว่าคุณย่าอย่างเต็มปากเต็มคำ
“สวัสดีค่ะคุณท่าน ดิฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะคะ ที่เผลอเรียกคุณท่านว่าคุณย่า” เธอรีบยกมือไหว้เจ้าของบ้าน ซึ่งดูเหมือนว่าหมอใบบัวจะกลัวหญิงสูงวัยไม่พอใจ เลยรีบพูดขอโทษออกไป พลางแสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา
“ฉันไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างสักหน่อย คุณหมอเองก็เรียกฉันว่าแม่เถอะ เห็นไหมว่าหนูของขวัญยังเรียกฉันว่าย่าเลย เป็นกันเองดีออก จริงไหมแม่นุ่น”
“จริงที่สุดเลยค่ะ” ป้านุ่นรีบพูดเสริมขึ้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อนางเห็นหญิงสูงวัยเอ็นดูคนทั้งคู่
“แต่... เอ่อ... ดิฉันว่ามันไม่เหมาะมั้งค่ะ”
“ไม่เหมาะยังไงคุณหมออุตส่าห์มาดูแลฉัน ฉันเองก็ไม่มีลูกสาวแล้วยังไม่มีหลานอีกด้วย ฉันรู้สึกถูกชะตาหนูของขวัญกับคุณหมอตั้งแต่แรกเจอ อย่าปฏิเสธฉันเลยนะ” หญิงสูงวัยยังคงพูดจาต่อรอง เพื่อให้แพทย์หญิงใบบัวยอมจำนนต่อความประสงค์ของนาง
“ก็ได้ค่ะ บัวกับลูกกราบขอบพระคุณ คุณท่าน... เอ่อ... คุณแม่มากเลยนะคะที่เอ็นดูเราสองคน”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ คุณหมอกับลูก ต่อไปนี้คนแก่อย่างฉันคงไม่มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง ไร่หมื่นเมืองเงียบเหงามานาน หนูของขวัญคือยาดี ที่จะทำให้ฉันหายขาด” ประโยคที่หญิงสูงวัยพูดออกมานั้น ทำให้แพทย์หญิงรู้สึกชอบนางอยู่มากเช่นกัน ไม่คิดว่าคนไข้ของเธอจะเป็นคนแก่ที่ใจดีขนาดนี้
“คุณย่าขา... ก่อนนอนคุณย่าเล่านิทานให้ของขวัญฟังได้ไหมคะ” ในเวลานี้ดูเหมือนว่าลูกสาวของเธอ ชักจะเอาใหญ่แล้ว ถึงขนาดกล้าเอ่ยปากให้เจ้าของบ้านเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังไปอีก 'โอ้ย! แม่จะเป็นลม' แพทย์หญิงใบบัวนึกเอ็ดลูกสาวในใจ เพราะไม่กล้าพูดอะไรออกไป เนื่องจากกลัวว่าหญิงสูงวัยจะไม่ชอบใจ
“แบบนี้แหละที่ย่าต้องการ มานี่สิหนูของขวัญ มานั่งตรงนี้ ขอดูหน้าใกล้ๆ หน่อยซิ ทำไมย่ารู้สึกเหมือนเคยเจอหนูที่ไหนมาก่อน”
หญิงสูงวัยพูดพลางเอื้อมแขนอ้ารับ เพื่อให้หนูน้อยน่ารักขยับมานั่งข้างๆ ก่อนจะโน้มตัวของขวัญเข้ากอด ราวกับลูกหลานที่พลัดพรากจากกันไปเนิ่นนานหลายปี ซึ่งทำให้แพทย์หญิงใบบุญรู้สึกเบาใจลงไปบ้าง อย่างน้อยการย้ายเข้ามาอยู่ที่ไร่หมื่นเมือง ก็ทำให้ลูกสาวของเธอหายคิดถึงพี่เลี้ยง ของขวัญคงสนุกและมีความสุขกับการได้สัมผัสอ้อมกอดของคุณย่า