ดวงตากลมมองขวางคนข้างกาย เธอพูดไม่หยุดตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงมหาวิทยาลัย พยายามเกลี้ยกล่อมเพราะอยากให้อาหนุ่มของตนเปลี่ยนใจ แต่คำตอบที่ได้...
“ยัยพายคนนั้นดูอย่างไรก็ไม่น่าสนใจ ณามีเพื่อนเซ็กซี่ ๆ แนะนำนะ ถ้า...”
“ลงไปได้แล้ว ถึงแล้วเนี่ย และอย่าลืมที่สั่งด้วยล่ะ”
... คือฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
“โธ่เอ๊ย! ดื้อชะมัด!!” ว่าแล้วหลานสาวตัวดีก็สะบัดตัวลงจากรถทันที แต่ก็ไม่วายหันมาแผดเสียงใส่จนอาหนุ่มของเธอคิ้วกระตุก “ขอให้อกหัก!!”
“ไอ้นี่!!”
ปึก!!!
ประตูรถหรูปิดด้วยความแรง พร้อมร่างบางเดินออกไป แต่ที่สะดุดตาที่สุด คงจะเป็นเด็กนักศึกษากำลังยืนอยู่หน้าตึกใหญ่ตรงหน้า เธอดูต่างจากวันนั้นที่เห็น ผมยาวสลวยปล่อยตรงถึงกลางหลัง สวมชุดหลวมกว่าตัวเล็กน้อยพร้อมกระโปรงพีทจีบรอบยาวเลยเข่า แขนเรียวกอดหนังสือแนบลำตัว และแว่นตา...
“ใส่แว่นด้วยแฮะ” มันเป็นภาพที่แปลกตาเมื่อเทียบเธอกับคืนอันเร่าร้อน เพทายสวมแว่นเอาไว้เพราะตื่นเช้าจนสู้แดดไม่ไหว กำลังยืนรอทิชาไปซื้อของทานเล่นระหว่างคาบเรียนอยู่หน้าตึก “น่ารักชะมัด”
รถคันหรูเป็นที่สนใจจากนักศึกษา ไม่ว่าใครผ่านไปมาก็ต้องแวะสายตามอง เพทายเองก็เช่นกัน เธอมองไปยังรถคันที่จอดไม่ยอมเคลื่อนไปไหน แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงไม่นานเพื่อนสนิทก็วิ่งมาพร้อมขนมถุงใหญ่
“วันนี้มีเรียนถึงค่ำ เราต้องเติมพลังหน่อย” ทิชาพูด พร้อมยัดปูอัดเข้าปากหนึ่งคำ และส่งให้เพื่อนเธอกัดอีกหนึ่งคำ “จะว่าไป รถใครเหรอ? เห็นจอดมาสักพักแล้ว”
“ไม่รู้สิ คงจะเป็นของคนรวยสักคนนี่แหละ” เพทายเคี้ยวปูอัดจนแก้มตุ่ย หันกลับไปมองรถคันหรูอีกครั้ง แต่คราวนี้จ้องนานกว่าเดิมจนคนในรถใจสั่น
“ถ้าฉันลงไปตอนนี้ มันจะโรแมนติกหรือเปล่า?” แทบทนไม่ไหว ยิ่งเห็นดวงตากลมกำลังจ้องมองมาทางตนเองแบบนี้ด้วยแล้ว ตรีศูลอยากจับเธอมาสัมผัสใกล้ ๆ เสียตอนนี้เลย
“คิดว่า... จะดูโรคจิตมากกว่าครับ” ติณณ์เสนอความคิดเห็น แต่กลับทำให้คนกำลังยิ้มมองตาขวางใส่ “แต่ท่าคุณตรีอยากจะลงไปหาเธอ ผมว่า...”
“ให้ยัยณาจัดการไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าทนไม่ไหวจริง ๆ ค่อยโผล่ไปหา” เขาว่าอย่างนั้นก็จริง แต่ไอ้ความอดทนที่มี มันก็ต่ำเตี้ยเสียเหลือเกินนี่สิ
รถคันหรูออกไปในที่สุด และหญิงสาวก็มองมันจนลับสายตา...
ห้องเรียนคาบแรกเป็นห้องเรียนใหญ่ เพราะมีหลายคณะมาเรียนรวมกัน มันเป็นวิชาเสรีสำหรับนักศึกษาที่ต้องการเก็บหน่วยกิตให้ครบ แต่ก็เป็นวิชาหลักของนักศึกษาปี 1 ด้วยเช่นกัน
สองสาวพร้อมขนมถุงใหญ่เดินเข้าไปในห้อง มันเรียกสายตาของบรรดาชายช่างฝันให้มองมาทางพวกหล่อนเป็นตาเดียว แต่ที่สะดุดตาที่สุดนั่นคือเพทาย ทั้งรูปร่างและหน้าตาโดดเด่น โดยเฉพาะหน้าอกของเจ้าหล่อน
“ใหญ่ชะมัด อยากลองจับสักครั้ง” ชายคนหนึ่งพึมพำออกมาจนคนข้าง ๆ ได้ยิน
“นั่นคือของแข็งประจำคณะบัญชีเลยนะ ไม่มีใครจีบเธอติดสักคน” เพื่อนอีกคนปรามคนช่างฝันให้อยู่กับความจริง
“ไม่ลองจะรู้เหรอ?” ว่าแล้วก็ทำท่าจะลุกไป แต่กลับโดนหญิงสาวปากแซ่บห้ามเอาไว้
“ยัยนั่นมีเจ้าของแล้วนะ นายคงทำได้แค่ฝัน” นิณาพูดเตือนชายที่กำลังจะยืนขึ้น ก่อนจะหันไปสบตาตรง ๆ “แถมเจ้าของก็ดุมากด้วย”
พอนึกถึงหน้านิ่ง ๆ ของอาตนเองแล้ว ใบหน้าสวยก็หงิกลงทันที ทำไมกันนะ ตนเองจะต้องมาตีสนิทกับเธอคนนั้นด้วย นิสัยของนิณาและเพทาย ช่างต่างกันราวกับคนละขั้ว
เมื่อปรามคนคิดไกลได้ เจ้าหล่อนจึงดำเนินตามแผนที่คุณอาจอมโหดวางไว้ทันที ไม่ได้อยากจะเยินยอตัวเองเท่าไหร่หรอก แต่นิณาเนี่ย... เข้าหาคนเก่งมาก
“นี่พาย” เพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ปี 1 จนตอนนี้ก็เข้าปีที่ 4 แล้ว ทั้งคู่รู้จักกันดี มีคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับสนิท อย่างที่บอก เพราะนิณาไม่ชอบนิสัยชอบการเรียนของหญิงสาวตรงหน้า บวกกับความขี้เกียจ จึงทำให้ทั้งคู่ราวกับคู่ขนานกันมาตลอด
“มีอะไรหรือเปล่า... ณา?” พายตอบเสียงใส ก่อนคนมาทักทายจะนั่งลงข้างเธอ
“พอดีฉันโดนที่บ้านบังคับ เอ่อ... บีบบังคับ เออ เอาเถอะ แต่ฉันต้องทำเกรดให้ดีขึ้น ฉันเลยอยากให้เธอติวให้” ช่างโกหกไม่เนียน เพทายยิ้มให้คนทักทาย ซึ่งกำลังเสสายตาไปทางอื่น
“อย่างเธอจะตั้งใจเรียนได้เหรอ?” ทิชาซึ่งอยู่อีกฝั่งชะโงกหน้ามาถามพร้อมทำสีหน้าสงสัย “ปกติก็เห็นว่าหลับตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากจะตั้งใจเรียนล่ะ?”
“ก็ที่บ้านบังคับมาไง ฉันเองก็... ไม่ได้อยากสักหน่อย” นิณาบุ้ยหน้าและพิงพนักเก้าอี้จนเต็มหลัง “ช่วยฉันได้หรือเปล่า พาย?”
“ได้สิ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ยังไงพวกเราก็ต้องอ่านหนังสือกันอยู่แล้ว ณามาให้ฉันช่วยก็ดีเหมือนกัน จะได้ทบทวนไปด้วย”
“อย่างเธอเนี่ย... ยังต้องทบทวนอีกเหรอ?” นิณาถามพร้อมความประหลาดใจ
เป็นที่กล่าวขานกันมา ว่าเพทายคนนี้ เรียนเก่งมาก แถมเธอยังสามารถเกร็งข้อสอบได้ราวกับตาเห็นคำตอบมาก่อน บางทีนิณาก็ได้สำเนาสรุปข้อสอบจากเธอนี่แหละ มาช่วยชีวิตเอาไว้
การเรียนผ่านไปอย่างยากลำบากสำหรับคนเพิ่งจะมาตั้งใจเพราะอยากได้กระเป๋าใบหรู แต่ก็ยังอดทึ่งไม่ได้ ที่คนข้างกายเธอ ตลอด 3 วิชาไม่หลับเลยสักนิด แถมยังตั้งใจฟังราวกับว่ามันเป็นเรื่องสนุก มีบางครั้งหันมาสะกิดให้เธอที่หลับไปแล้วตื่นขึ้นมารับความรู้ให้คุ้มกับค่าเทอมด้วย
“เฮ้อออออออออออ~” นิณาถอนหายใจยาวพรืด จนเพทายและทิชาหัวเราะออกมาเบา ๆ “พวกเธอนี่สุดยอดเลยนะ ทนได้ไงเนี่ย 9 ชั่วโมงเลยนะ!!”
“ก็เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ ณาก็เรียนเหมือนกันนี่” เพทายยิ้มให้คนเหนื่อยล้า ตลอดระยะเวลา 3 ปีเธอหลับมาโดยตลอด เพิ่งจะมาตั้งใจเรียนแบบโดนบังคับก็คราวนี้ ไม่แปลกที่ร่างกายจะรับการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน
“ฉันเป็นพวกตั้งใจก่อนสอบน่ะ” นิณายิ้มตอบ มันเป็นยิ้มที่ดูเหมือนจะหมดแรงเสียให้ได้
“พวกเธอ ฉันกลับก่อนนะ ที่บ้านมีนัดรวมตัว” ทิชาดูเร่งรีบ เธอร้อนรนตลอดคาบเรียนที่ 3 เพราะที่บ้านมีนัดทานข้าว เลยกลัวจะชวดบุพเฟ่ต์อาหารทะเลสุดหรู “ไม่ได้ไปส่งนะพาย ฉันรีบจริง ๆ”
“ไม่เป็นไร ฉันนั่งรถเมล์ได้” พายโบกมือให้เพื่อนตน ก่อนเธอจะวิ่งตรงไปยังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ และขับออกไป “แล้วณาล่ะ กลับยังไง?”
“แท็กซี่” คำตอบสั้น ๆ ที่เหมือนจะหมดลม ตั้งแต่เรียนมาเธอไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน คิดแล้วเริ่มไม่อยากได้มันแล้ว ไอ้กระเป๋าเนี่ย!! “นั่นไง ที่เรียกไว้มาแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
“อืม กลับดี ๆ นะ” เธอยังคงยืนโบกมือส่งนิณาจนลับสายตาในที่สุด ก่อนจะเดินออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อไปขึ้นรถเมล์อย่างที่เจ้าหล่อนทำประจำ
มันเป็นเรื่องปกติที่เธอจะประหยัดค่าเดินทาง เพราะรถประจำทางผ่านหน้าหอพักของตนหลายสาย เลยทำให้ไม่ต้องรอนานจนรู้สึกหงุดหงิด ต่างจากคนในรถคันหรู ตอนนี้กำลังมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“นั่งแท็กซี่ก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องมาเบียดกับคนอื่นแบบนี้เลย” ชายหนุ่มพูด พร้อมเท้าแขนกับประตูรถมองดูเธอไม่วางตา
เห็นว่าวันนี้ไม่มีงานอะไรเป็นพิเศษ ตรีศูลเลยออกมาจากบริษัทเร็วหน่อย เพราะอยากมาเจอหญิงสาวที่หมุนวนอยู่ในหัวตลอดทั้งวัน แม้จะมองผ่านกระจก... ก็ยังดี
‘เหมือนโรคจิตเลยแฮะ’
วันนี้ติณณ์เป็นคนขับรถให้เจ้านายตน มองเขาผ่านกระจกหลัง เห็นว่ากำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และดูมีความสุขกับการเฝ้ามองเด็กสาวมหาวิทยาลัย เชื่อเถอะว่า ถ้าไม่รู้จัก เขานี่แหละจะเป็นคนแจ้งตำรวจว่ามีคนโรคจิตถ้ำมองอยู่แถวนี้
“พายโตมาสวยขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ ทำไมฉันถึงไม่รู้เลย เสียดายจัง” ตรีศูลยังคงมองเธอไม่ยอมละสายตา รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากได้รูปครั้งแล้วครั้งอีก ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกถูกใจยัยเด็กตกน้ำได้ขนาดนี้ “ติณณ์ ถ้าฉันลงไปและอาสาไปส่งเธอ เธอจะตกใจหรือเปล่า?”
“ผม...”
“หรือจะรอให้ยัยณาตีสนิทกับพายก่อนดี จะได้โรแมนติกอย่างที่ตั้งใจ” เหมือนเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบเสียมากกว่า เพราะตอนนี้ หูทั้งสองข้างของชายหนุ่ม คงอื้อไปหมดแล้ว
รถเริ่มขยับเข้าไปใกล้ป้ายรถเมล์มากขึ้น นี่คงเป็นการจงใจมาเพื่อให้รถติดเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะต้องการแอบดูหญิงสาวที่คิดถึง เธออยู่เพียงแค่เอื้อมนี้เอง แต่ก็ต้องห้ามตัวเอง ไม่ให้เปิดประตูและคว้าเธอมากอดอย่างที่ต้องการ
“พาย”
รถมาจอดอยู่ตรงเธอพอดีเป๊ะ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโตของเธอ ตอนนี้ปราศจากแว่นตาแล้วด้วย ทำให้เห็นใบหน้าพริ้มเพราชัดเจนยิ่งกว่าเก่า เมื่อได้เห็นนัยน์ตาของเจ้าหล่อนกำลังจ้องมา สติของคนโรคจิตก็แทบแตก
“หืม?” เพทายมองเข้าไปในรถหรู มันเป็นฟิล์มดำสนิท เลยมองไม่เห็นด้านใน แต่กลับรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองจากด้านในแปลก ๆ เธอเลยหันหน้าไปทางอื่นแทน พร้อมเบี่ยงตัวเองเข้าไปหลบหลังเสาทันที
“อ่า~ เธอแอบฉันแน่เลย” ชายหนุ่มยังพึมพำกับตัวเอง และคิดเองเออเองด้วย
แน่ล่ะ ตอนนี้ติณณ์กุมขมับแล้ว รู้ว่าเจ้านายตัวเองแปลก แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เพราะทำงานหนักไปหรือเปล่านะ หรือช่วงนี้เครียด แต่อย่างไรก็เถอะ ต้องเคลื่อนรถไปข้างหน้าแล้ว ก่อนคันหลังจะตำหนิเอาได้
“นี่ติณณ์ ฉันยังไม่ได้สั่งเลย” ไม่วายโดนเจ้านายโรคจิตหันมาตวาดใส่
“คุณตรีไม่ได้สั่ง แต่กฎจราจรสั่งครับ ลองไม่เคลื่อนไปข้างหน้าสิ รับรองว่าคันหลังด่าบุพการีแน่นอนครับ”
“ก็ให้ด่าไปสิ พ่อแม่ฉันตายหมดแล้ว”
“แต่ของผมยังอยู่ครับ” คนขับรถส่ายหน้าให้กับคนด้านหลัง เพราะเป็นเขานี่แหละ เลยสามารถต่อปากต่อคำได้นิดหน่อย “จะลงไปหาเธอหรือเปล่าครับ อาจจะลดความโรแมนติกลง แต่คุณตรีจะได้ไม่ต้องทรมาน”
“ไม่ดีกว่า รออีกนิด ฉันอยากเจอเธอด้วยความบังเอิญมากกว่านี้”
แม้จะเป็นความบังเอิญที่ตนจัดฉากก็เถอะ
เหมือนว่าต้องเคลื่อนตัวออกแล้ว แม้เสียดายที่ห่างจากเธออีกครั้ง แต่รอหน่อยเถอะ เพทายจะต้องมาอยู่เคียงข้างเขาอย่างแน่นอน
รถคันหรูวิ่งออกห่างไป หญิงสาวยังคงมองมันจนลับสายตา พร้อมกรีดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เพียงไม่นาน รถเมล์สายที่รอก็มาพอดี เฮ้อ~ วันนี้ก็เรียนหนักเช่นเคยนะ... เพทาย
พอรู้จักกันสักระยะหนึ่ง นิณาจึงเริ่มเปลี่ยนความคิดจากเพทายไปโดยสิ้นเชิง เมื่อก่อนเคยคิดว่าเธอเป็นพวกเข้าถึงยาก คุยด้วยแล้วไม่น่าจะสนุก แต่เพราะอาจอมโหดนั่นแหละ เลยทำให้ตัวเองจำใจต้องมารู้จักกับเธอคนนี้ แต่ตอนนี้กลับ... สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ตรงนี้ขออีกรอบได้หรือเปล่า?” เพราะความสับสนของวิชาที่เรียน แม้เพทายจะอธิบายง่ายแค่ไหน แต่คนที่หลับมาตลอดจะไม่เข้าใจก็ไม่แปลก
เพทายไม่เคยบ่นเธอเลย แถมยังอธิบายเรื่องที่นิณาไม่เข้าใจจนกว่าจะพอใจอีกต่างหาก แถมยัง...
“ณารู้ตัวหรือเปล่า ว่าณาเป็นคนฉลาดคนหนึ่งเลยนะ ปกติเนื้อหาตรงนี้ ฉันใช้เวลาเข้าใจมันตั้งนาน แต่เธอแค่ฟังไม่กี่ครั้งก็เข้าใจแล้ว ดีจัง”
... ชมเธอจนอดเขินไม่ได้
“มะ... แหม ก็นิดนึงเนอะ” ส่วนตัวนิณาเองก็ถ่อมตนไม่ค่อยเป็นเสียด้วย
“นี่ หมดคาบบ่ายเราไปหาอะไรกินกันมั้ย ข้างหลังม. มีร้านหมูกระทะเปิดใหม่ เห็นว่าน้ำจิ้มเด็ดมาก” ทิชาขากินเป็นคนเสนอ มีหรือที่เพทายจะปฏิเสธ
“เอาสิ...” และหันมาที่คนกินยากอย่างนิณา “... ณาไปด้วยกันมั้ย?”
“อืม... ไปสิ”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ล่ะก็ เธอคงปฏิเสธแบบหัวชนฝาแน่นอน แต่พอมาสนิทกับทั้งสองสาว ก็ดูกินง่ายขึ้นเยอะ พวกเธอชวนไปไหนก็ไปหมด จนเพื่อนเที่ยวขาประจำของเจ้าหล่อนเริ่มตีตัวออกห่างโดยอัตโนมัติ
แน่ล่ะ นิณา หลานสาวเจ้าของโรงแรมดัง มีหรือจะไม่มีใครเข้าหา ซึ่งส่วนใหญ่ก็หวังประโยชน์จากเงินของเธอทั้งนั้น และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เงินค่าขนมของเจ้าหล่อนร่อยหรอจนต้องขออาจอมโหดอย่างตรีศูลเพิ่มอยู่บ่อยครั้ง
ต่างจากเพทายและทิชา พวกเธอดูเป็นมิตร และจริงใจกับเจ้าหล่อนมากกว่า แถมยังไม่เคยให้เธอออกค่าอาหารเหมือนที่เคยเจอบ่อย ๆ ด้วย
“ถ้าอย่างนั้นเราไปเรียนกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว” ทั้งสามสาวเก็บของส่วนตัวลงกระเป๋า และลุกขึ้นเพื่อไปเรียนวิชาต่อไป
แน่นอนว่าเพทายเป็นอาหารตาของใครหลายคน ย่อมถูกจ้องจากคนผ่านไปผ่านมาเป็นเรื่องปกติ และเธอเองก็ดูเหมือนชินกับอะไรแบบนี้แล้วด้วย เพราะในใจมีเพียงพี่ตรีของเธอคนเดียว เลยไม่มีความจำเป็นต้องไปสนใจคนอื่น
แต่หลัง ๆ มานี้มีนิณาผนวกเข้าไปด้วย หน้าตาของเธอได้แม่มาเยอะ แต่ก็มีความคมคล้ายพ่ออยู่เช่นกัน ทำให้ดวงหน้าของเจ้าหล่อนโดดเด่น มองไม่น่าเบื่อ ชวนสายตาให้มาตกที่เธออยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งเครื่องใช้ของเธอ มันยังเรียกสายตาขี้อิจฉามาด้วยเช่นกัน
ทิชาเองมีเชื้อสายจีน ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักและขาวที่สุดในกลุ่ม แต่ด้วยความไม่เข้าใจเสน่ห์ของตัวเอง เห็นของกินเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เวลามีใครมาจีบ ก็มักจะไม่รู้เรื่องจนอีกฝ่ายถอดใจไปเอง
เฮ้อ~
ห้องเรียนคาบสุดท้ายของทั้งสามคน เป็นห้องเรียนรวม เพราะ ปี 4 เทอมสุดท้ายแล้ว เลยทำให้ทั้ง 3 คนเก็บวิชาหลัก ๆ ได้เกือบหมด ก็จะมีวิชายาก ๆ เหลืออยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ส่วนวิชาเสรีเพื่อให้หน่วยกิตครบ ก็เหมือนกับเป็นเวลาพักผ่อนของเพทายเสียมากกว่า
แต่คงไม่ใช่สำหรับทิชาและนิณา
“เสียงดังชะมัด”
เสียงคุยจนทำให้สมาธิแตกจากกลุ่มใกล้ ๆ ทำให้คนเสียสมาธิง่ายอย่างทิชาไม่อยากจะทน แม้จะยังไม่ถึงเวลาเรียนก็เถอะ แต่นี่มันเกินไปแล้ว เกรงใจคนอื่นไม่เป็นหรืออย่างไร!!
“พวกนาย! เงียบ ๆ หน่อย คิดว่าอยู่กันแค่พวกนายหรือยังไง?” ทิชาตวาดใส่กลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งนั่งเยื้องออกไปทางด้านหน้าของพวกเธอ
แน่ล่ะพวกนั้นหันพรึ่บมาทั้งแก๊ง “ค้าบบบบบบบบบ” แถมยังตอบแบบกวนประสาทอีก และหลุดหัวเราะมาดังกว่าเดิม
“อะไรของพวกมันเนี่ย?” ทิชานิ่วหน้า แถมยังอายเพราะเหมือนโดนล้อ เลยลุกพรวดกะว่าจะไปตักเตือนอีกรอบ แต่ก็ถูกเพทายซึ่งนั่งข้าง ๆ รั้งเอาไว้ก่อน
“ใจเย็น ๆ สิทิชา คาบเรียนยังไม่เริ่ม ไม่เป็นไรหรอก”
“มันน่ารำคาญนะพาย หูจะแตกอยู่แล้ว”
แบบนี้ โมโหหิวชัวร์!
“พายเหรอ?” เสียงจากกลุ่มน่าหงุดหงิดนั่นดังขึ้น เจ้าของชื่อหันไปตามเสียง จนกระทั่งได้เจอกับคนที่เหมือนจะรู้จัก
“ดิน... เหรอ?”