ตอนที่ 1 รักแรกในใจที่มิอาจลืม 1/2

2983 Words
เมื่อ 15 ปีก่อน... หมู่บ้านในต่างจังหวัด มันเล็กจนทุกคนไปมาหาสู่กันได้สบาย อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือกันไม่ว่าจะเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่แค่ไหน ธุระของบ้านข้าง ๆ ก็เหมือนเป็นธุระของบ้านเราด้วยเช่นกัน และการจะฝากเด็กสักคนสองคนให้คนรู้จักช่วยเลี้ยงดู จึงสามารถพบเห็นได้บ่อยครั้ง “ฝากพายมันด้วยนะพี่ ฉันต้องเข้าไปในสวน กลัวมันไปตกน้ำตกท่า มันยิ่งไว ๆ อยู่ ฉันกลัวไม่ทันดูมัน” ‘เพชรไพลิน’ หรือ ‘เพชร’ พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนจากการทำงานหนัก พร้อมดันลูกสาวตัวป้อมส่งไปยังคนบ้านใกล้กัน “ไม่เป็นไรเพชร พี่จะดูเจ้าพายมันให้ เธอไปทำงานของเธอเถอะ ไม่ต้องห่วงนะ” ‘ปลายฟ้า’ หรือ ‘ฟ้า’ ส่งยิ้มให้ พร้อมรวบตัวเจ้าเด็กอ้วนจอมดื้อเอาไว้ เพราะเธอติดแม่ยิ่งกว่าอะไรดี ดูเถอะ ขนาดนี้แล้ว ยังทำเป็นบีบน้ำตาจะตามแม่ไปให้ได้ “พาย อยู่กับป้าฟ้า อย่าดื้อ เข้าใจหรือเปล่า?” เพชรไพลินทำหน้าดุใส่เด็กน้อยขี้แย แต่ดูตาเธอสิ จ้องผู้เป็นแม่เขม็ง ตอนนี้คงโกรธน่าดู “ทำไมพายไปกับแม่ไม่ได้ พายโตแล้วนะ พายอยากอยู่กับแม่ ดินชอบแกล้งพาย พายไม่อยากอยู่ที่นี่” เด็กน้อยน้ำตาร่วงเผาะ เบะปากทำตาเศร้า ยิ่งทำให้คนเป็นแม่ลำบากใจกว่าเดิม ตั้งแต่สามีเสียไป แม้จะอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เพชรไพลินเองยังรู้สึกเจ็บปวดกับการจากไปของสามีไม่หาย แต่โชคยังดี ที่ยังเหลือที่แปลงเล็ก ๆ ไว้ทำมาหากินได้บ้าง โดยส่วนตัวเธอเป็นคนมือเย็น ปลูกอะไรก็งาม อีกทั้งใกล้ ๆ มีพ่อค้าคนกลางมารับผักไปขายทุกวัน เลยทำให้เธอต่อยอดจากที่ดินซึ่งไม่มีอะไรเลยได้อยู่บ้าง พร้อมทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเองและลูกไป แม้บางครั้ง จะถูกกดราคา แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย มันเป็นความลำบากที่เพชรไพลินไม่กล้าเอ่ยปากว่าเหนื่อย ยิ่งได้เห็นลูกสาวตัวกลมกินอร่อยไปเสียทุกอย่าง ก็มีแต่ต้องทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อเติมเต็มกระเพาะน้อย ๆ ของเธอซึ่งเต็มยากเหลือเกิน แต่มันก็มีความสุข แม้จะต้องให้คนอื่นช่วยเลี้ยงบ้างในบางครั้ง “เดี๋ยวป้าดุดินให้ พายไม่ต้องห่วงนะ” ปลายฟ้าบอกเด็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม เธอช่างอ่อนโยน และดีกับเด็กข้างบ้านเสมอมา เพราะบ้านทั้งสองหลังใกล้กันแค่นี้ จะไม่ช่วยดูแลก็คงจะใจดำเกินไป “ฝนเป็นอย่างไรบ้างพี่ฟ้า อาการดีขึ้นหรือยัง?” มันดูเป็นคำถามที่จี้ความรู้สึกอยู่มาก สำหรับคนเป็นแม่แล้ว ปลายฟ้าก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมาเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าไม่สบายใจไปด้วย “ก็ทรง ๆ นั่นแหละเพชร ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่” ดวงตาแสนอบอุ่นเศร้าลงกะทันหัน “เดี๋ยวก็ดีขึ้นแน่นอน พี่ฟ้าอย่ากังวลไปเลย” เพชรไพลินให้กำลังใจคนข้างบ้านอย่างปลายฟ้าด้วยคำนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เพราะตนเองเรียนน้อยหรือเปล่า เลยพูดอะไรก็ดูไม่ได้ทำให้บรรยากาศดีขึ้นเลย ปรายฝน หรือ ฝน ลูกสาวคนโตของบ้าน จู่ ๆ ก็ล้มป่วยโดยไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ เมื่อก่อนเธอดูสดใส และแข็งแรงมาก มากเสียจนอุ้มเจ้าหมูน้อยอย่างเพทายขึ้นได้โดยง่าย แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเสมอไป เด็กสาววัยเพียง 18 ปี ต้องมาล้มป่วยไป ซึ่งตอนนี้ก็ยังหาทางรักษาไม่ได้ “เพชรไปทำงานเถอะ เดี๋ยวพี่ดูพายมันให้” ปลายฟ้ายังส่งยิ้มให้คนข้างบ้านอีกครั้ง แม้ข้างใน จะเริ่มผุพังไปมากแล้วก็ตาม เพทายเมื่อครั้งยังเด็ก เธอเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่ง ชอบกินเป็นนิสัย โดยเฉพาะขนมหวาน เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่เจ้าหล่อนกวาดหมดแบบไม่ให้เหลือเศษ และมักจะโดน ‘ปฐพี’ หรือ ‘ดิน’ ลูกชายคนเล็กของบ้านนี้ ล้อเลียนเป็นประจำ แต่ล้อเลียนคนเดียวมันยังไม่พอหรอก ยังชวนให้เด็กรุ่นใกล้เคียงกันมาพูดจาล้อเลียนใส่เธอตลอด เพราะแบบนี้ เพทายเลยไม่ค่อยอยากจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้สักเท่าไหร่ “พายอ้วน หมูพาย พายอ้วน หมูพาย ฮ่า ๆ ๆ” เสียงแว่วมาแต่ไกล ทำให้เด็กน้อยตัวป้อมที่กำลังนั่งเล่นดินทรายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลหน้าสีขาวตัวโปรดหันกลับไปมองตาเขียวปั้ด เด็กชายวัยเพียง 8 ปี รุ่นเดียวกัน แถมยังเรียนห้องเดียวกันอีก ปั่นจักรยานมากับกลุ่มเพื่อนของตน โดยตั้งตนเป็นจ่าฝูง และระหว่างทาง ก็ยังล้อเด็กหญิงเพียงคนเดียวอยู่แบบนั้น จนลับตาไป “ไอ้ดินเหนียวเอ๊ย!” แม้จะเจ็บใจอย่างไร ก็ตามไม่ทันอยู่ดี มืออูมเล็กเลยขว้างช้อนเบี้ยว ๆ ที่เธอใช้ตักดินเล่นไปตามทางกลุ่มจักรยานที่เพิ่งปั่นผ่านไปแทน ไม่มีใครอยากเล่นกับเพทายสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเด็กตัวใหญ่กว่าใครในรุ่นใกล้กัน และยังมีปฐพี ที่คอยหยอกล้อ และบอกให้คนอื่นไม่เล่นกับเธออีก เลยกลายเป็นว่าในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เด็กน้อยจะมานั่งตักดินทรายเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่นี้คนเดียวตลอด แม้ปลายฟ้าบอกว่าจะดูแล แต่ก็เพียงแค่เรียกทานข้าว และคอยดูไม่ให้เธอออกนอกบริเวณบ้านเท่านั้น เพราะแค่ลูกสาวป่วย เธอก็งานล้นมือแล้ว “ดินนี่มันจริง ๆ เลยนะแม่ เมื่อไหร่จะเลิกแกล้งน้องพายสักที แค่ก ๆ” ปรายฝนซึ่งมองเหตุการณ์จากหน้าต่างของบ้านบนชั้นสอง ได้แต่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของน้องชายตัวเอง ก่อนจะหันไปตักข้าวต้มเข้าปาก โดยมีผู้เป็นแม่นั่งดูแลอยู่ข้าง ๆ “เด็กมันเล่นกัน ไม่มีอะไรหรอก” “สงสารน้องพายนะคะ เดี๋ยวฝนต้องดุดินแบบจริง ๆ จัง ๆ สักทีแล้ว แค่ก ๆ” ช่วงนี้ฝนไอบ่อยกว่าครั้งไหน ๆ ยิ่งทำให้คนเป็นแม่เป็นห่วงหนักกว่าเก่า “เดี๋ยวพ่อกลับมา แม่จะให้พ่อพาฝนไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ นะ เผื่อจะมีหมอดี ๆ รักษาได้” สายตาที่กำลังมองลูกสาว ซึ่งทรุดโทรมลงทุกวัน มันเศร้าหม่น เหมือนไร้วิญญาณ มือเรียวเริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลายกขึ้นลูบไล้ศีรษะนุ่มของเธอเบา ๆ ไม่อยากให้ดวงใจดวงนี้หายไปเลย ทุกครั้งที่เธอไอ มันแทบไม่ต่างจากใบมีดที่ค่อย ๆ กรีดลงกลางใจของผู้เป็นแม่ “ไปมาหลายรอบแล้ว ไม่มีหมอคนไหนรักษาได้เลยนี่คะ เปลืองเงินเปล่า ๆ” ปรายฝนปลงตกเรื่องรักษาตัวไปแล้ว ร่างกายของเธอ เธอรู้ดีว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่อย่างน้อย... ก็อยากจะบอกความรู้สึกออกไปสักครั้ง “เปลืองอะไรกัน ฝนอย่าพูดแบบนี้ออกมานะ แม่ไม่ชอบ ฝนต้องสู้สิลูก เดี๋ยวมันก็หาย” คนเป็นแม่น้ำตาคลอ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ ลูกสาวแทบจะไม่สนใจกับชีวิตตัวเองแล้ว “แม่ก็รู้ ว่าฝนอยู่ได้อีกไม่นาน จะรักษาไปทำไมคะ ในเมื่อไม่มีทางรักษา” “ฝน!!” ปลายฟ้าลุกพรวด ทั้งโกรธและเศร้า ทำไมเด็กคนนี้ถึงพูดอะไรที่เป็นลางร้ายแบบนี้ แม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม แต่สำหรับคนเป็นแม่แล้ว ไอ้ความจริงแย่ ๆ เธอไม่อยากจะยอมรับมันเลยสักนิด “แม่...” “อย่าพูดแบบนี้อีก เข้าใจหรือเปล่า แม่ขอล่ะ” ผู้เป็นแม่เบือนใบหน้าหนี และหันหลังออกจากห้องไป ส่วนปรายฝนทำได้แค่ถอนหายใจ เรื่องของเธอมันช่างเป็นภาระให้บ้านเสียจริง เด็กสาวยังมีความฝันอีกมากมายที่อยากลงมือทำ แต่ด้วยร่างกายแบบนี้ แค่ทำให้คนในบ้านไม่ต้องเป็นห่วงก็เต็มกลืนแล้ว เสียงรถยนต์ดังเข้ามาใกล้ และเหมือนจะหยุดหน้าบ้านพอดี มันทำให้หัวใจซึ่งด้านชามาหลายวัน เริ่มเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าซีดเผือด ‘หายไปตั้งหลายวัน สงสัยจะมาแล้วสินะ’ คนที่เธอรอมาตลอดหลายวัน มีเพียงคนเดียวที่ปรายฝนรู้สึกอยากเจอ แม้ว่าเขาจะเข้ามาเยี่ยมแล้วนั่งเฉย ๆ ก็ตาม ตู้ม! เสียงอะไรหนัก ๆ ตกลงไปในสระบัวข้างบ้าน คนป่วยละสายตาจากประตูห้อง และมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกมีแรงมากกว่าครั้งไหน ก็คงเป็นสิ่งที่ตกลงไปมากกว่า “ยัยพาย!!” เด็กน้อยตัวป้อมพยายามตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นให้พ้นผิวน้ำ แต่เพราะว่ายน้ำไม่เป็น มันก็มีแต่จะจมลงไปทุกที แค่จะเก็บตุ๊กตาที่ร่วงลงไปเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเผลอร่วงไปทั้งตัวแทน “แค่ก ๆ ชะ... ช่วยด้วย ช่วย... พายด้วย” เธอร้องเรียกให้คนช่วย แต่รอบข้างเหมือนจะไม่ใครพอช่วยได้เลย ปรายฝนที่เห็นเหตุการณ์ก็อยากจะไปช่วย แต่แค่จะเดิน เธอยังต้องมีคนพยุงเลย “แม่!! ยัยพายตกน้ำ แค่ก ๆ” ปรายฝนตะโกนสุดเสียง แต่มันก็ไม่ได้ดังพอจะทำให้คนเป็นแม่รู้ตัว เจ้าหล่อนเลยพยายามลุกออกจากเตียง และตรงไปยังประตูห้องอีกครั้ง ตู้ม!! เสียงอะไรสักอย่างตกลงไปในสระอีกแล้ว คนที่เฝ้ามองเลยหันกลับไปที่หน้าต่างอีกครั้ง ก็พบใครบางคนกำลังเข้าไปช่วยยัยหมูน้อยจอมดื้อแล้ว “ไม่เป็นไรแล้ว ใจเย็น ๆ นะ” เสียงทุ้มปลอบคนในสระ สำหรับผู้ใหญ่หนึ่งคนแล้วมันไม่ได้ลึกขนาดนั้น แต่สำหรับเด็กที่สูงแค่หนึ่งเมตรกับอีกไม่เท่าไหร่ มันก็สามารถคร่าชีวิตได้ง่าย ๆ มือหนาเข้าไปคว้าเจ้าตัวป้อมมาไว้ พร้อมกอดเธอแน่น มือเล็กเกาะอกกว้างด้วยความหวาดกลัว พร้อมร้องไห้ไม่หยุด ชายหนุ่มทำได้เพียงลูบหลังปอย ๆ ให้เธอหยุดร้อง “แง่~” “โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรแล้ว พี่มาช่วยแล้วนี่ไง” เขาช่างอ่อนโยน และคอยลูบหลังเล็กให้เธอหายกลัว “พายจะตาย พายจะตาย” เด็กน้อยโวยวาย แม้จะฟังดูเว่อร์เกินไป แต่สำหรับเธอแล้ว มันน่ากลัวมาก “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่จมแล้วเห็นมั้ย?” ชายหนุ่มยังคอยปลอบ พร้อมลูบกระหม่อมน้อยของเธอไปมา พลางมองไปรอบสระ ก็เห็นเจ้าตุ๊กตาลอยคว่ำหน้าอยู่ เลยพอรู้สาเหตุที่เด็กคนนี้ตกน้ำได้ทันที “ขึ้นจากสระกันเถอะ เดี๋ยวเป็นหวัดนะ” “ตายจริง! ยัยพาย” ปลายฟ้าได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย และเสียงแหกปากร้องดังลั่นที่คุ้นหูจึงรีบออกมาดู แต่พอเห็นเท่านั้น ลมก็แทบจับ “ไม่เป็นไรแล้วครับคุณป้า แค่สำลักน้ำนิดหน่อย” ชายหนุ่มใช้แรงที่มีทั้งหมด ดันเจ้าเด็กอ้วนขึ้นฝั่ง แต่เธอยังเกาะเขาแน่น “นี่ ปล่อยพี่ได้แล้ว พี่อุ้มเธอขึ้นทั้งแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ” “ตุ๊กตา... เอาตุ๊กตาของพายให้หน่อยค่ะ” ดวงตากลมจ้องมองผู้มีพระคุณพร้อมเบะปากจะร้องไห้อีกรอบ “ยัยพาย ยังจะมาห่วงของอีก รีบขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย” ปลายฟ้าดุคนขี้หวง พร้อมยื่นมือมารับเจ้าเด็กอ้วนขึ้นจากสระ แต่เธอก็ไม่ยอมท่าเดียว ยังคงเกาะชายหนุ่มไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย “ยัยพาย! ปล่อยพี่เขาเดี๋ยวนี้” “เอาตุ๊กตาให้พายก่อน” เธองอแง พร้อมซุกหน้าเข้าหาชายหนุ่มแปลกหน้าอีกครั้ง “ได้ ๆ แต่น้องพายต้องขึ้นไปก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ไปเอาให้” “จริงนะ” เด็กน้อยเงยหน้าถาม พร้อมน้ำตาคลอเบ้า “จริงสิ เดี๋ยวพี่ไปเอาให้ ขึ้นไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นหวัดนะ” เขายิ้ม มันเป็นยิ้มที่แสนอบอุ่นกว่าใครทั้งหมดที่ได้เจอ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ ที่เด็กอ้วนชื่อเพทาย จะมีใครสักคนมองเธอด้วยสายตาแสนอบอุ่นแบบนี้ นอกจากแม่ของเธอเอง เด็ก 8 ขวบนั่งมองชายหนุ่มจากริมสระบัวขนาดใหญ่ สายตาจับจ้องไปยังตุ๊กตาตัวเน่า มันนานมากแล้วที่ไม่ได้ซัก เพราะเพทายติดมันมาก และทุกครั้งที่เพชรไพลินขโมยไปซักทีไร ลูกสาวก็แหกปากร้องไห้ทุกที เลยต้องปล่อยเลยตามเลย “มันเปียกมากเลยนะ เอาไปตากให้แห้งก่อน” ชายหนุ่มขึ้นจากสระ พร้อมยื่นตุ๊กตาตัวเน่าให้เด็กน้อย เธอรีบรับมากอดโดยไม่รังเกียจมันเลยสักนิด “เดี๋ยวป้าเอาไปซักให้” ปลายฟ้ายื่นมือมาเพื่อขอตุ๊กตาตัวเน่า แต่เด็กสาวกลับหันหลังให้ และกอดมันแน่นกว่าเดิม “ยัยพาย! มันสกปรก!!” “ไม่เอา ถ้าซัก พ่อก็หายไปน่ะสิ!” เด็กน้อยวิ่งปรูดออกไป ทำเอาคนที่รับปากจะดูแลอย่างดีถึงกับควันออกหู “ยัยพาย! กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ถึงจะเรียกอย่างไร เด็กน้อยก็คงไม่กลับมา เพราะเธอวิ่งออกจากบ้านไปแล้ว คงกลับไปบ้านของตัวเองไม่ผิดแน่ “เฮ้อ~ ดื้อจริง ๆ” “เด็กที่ไหนครับ ผมไม่เคยเห็นเลย” ชายหนุ่มถาม พร้อมบิดน้ำออกจากเสื้อยืดแขนสั้นของตนออก “ลูกสาวข้างบ้าน เพิ่งมาอยู่ได้ปีกว่า ๆ นี้เอง เห็นว่าอยู่กัน 2 คนแม่ลูก ป้าเลยช่วยดูแล แต่หลัง ๆ มานี่ค่อนข้างดื้อ ป้าเองก็เริ่มรับมือไม่ไหว” ปลายฟ้าถอนหายใจครั้งแล้วครั้งอีก มองไปยังประตูที่เจ้าเด็กตัวป้อมเพิ่งลับสายตาไป “เดี๋ยวป้าไปตามยัยพายก่อนนะ ตรีก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวให้เด็กในบ้านช่วยจัดการเตรียมชุดของลุงเขาเอาไว้ให้” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปตามเด็กคนนั้นเองดีกว่า” เขาอาสา “ได้อย่างไรกัน ตัวเปียกขนาดนี้...” “เด็กคนนั้นก็ตัวเปียกเหมือนกัน อีกอย่างคุณป้าก็บอกเองว่าเธอดื้อ ผมน่าจะไวพอจับตัวเธอมาได้นะครับ” อีกครั้งที่ชายหนุ่มยิ้ม และมันเป็นยิ้มที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องตกปากรับคำของเขาตลอด “ป้าฝากด้วยล่ะ” “ครับ” ชายหนุ่มเดินออกไปตามทางที่เด็กน้อยเพิ่งวิ่งไป ซึ่งมันไม่ได้ตามหายากขนาดนั้น เพราะรอยเท้าเปียก ๆ ของเธอมันเหมือนเครื่องติดตาม เพียงไม่นาน ก็เจอเด็กน้อยร่างป้อมนั่งคุดคู้อยู่ประตูรั้วหน้าบ้านใกล้ ๆ “เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ เลยแฮะ” ตรีศูลเกาหัวแกรก ๆ แล้วเดินเข้าไปหย่อนตัวใกล้เด็กน้อย ที่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด “ไม่หนาวเหรอ?” “พายไม่กลับไปที่นั่นแล้ว พายไม่อยากโดนดินแกล้ง” เธอพูดไปสะอื้นไป พร้อมนั่งมองตุ๊กตาในมือ มันทั้งสกปรก และเปียก “ดินมันแกล้งน้องพายสินะ” “อืม... ดินโยนตุ๊กตาของพายลงน้ำ ดินบอกของสกปรกต้องทิ้งน้ำ แต่ตุ๊กตาพายไม่สกปรกสักหน่อย แค่เลอะนิดเดียวเอง” แม้ประโยคหลังจะเบาก็จริง แต่ตรีศูลก็ได้ยินชัดเจน เลยอดหัวเราะกับความไร้เดียงสาของเด็กคนนี้โดยไม่รู้ตัว “ใช่ เลอะนิดเดียวเอง” เขาชี้ไปตรงใบหน้าของเจ้าตุ๊กตา ที่มีคาบขนาดใหญ่จนเกือบทั้งใบหน้า “บางที ตุ๊กตาอาจจะอยากอาบน้ำก็ได้นะ พามันไปอาบน้ำสักหน่อยก็ได้ น้องจะได้ไม่โดนโยนทิ้งไง” “แต่พ่อซื้อให้พาย ถ้าซัก พ่อจะหายไป” “ใครบอก” ชายหนุ่มเอียงคอถามเด็กน้อยข้างกาย แต่กลับได้รับความเงียบมาเป็นคำตอบแทน แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอคิดเองเออเองสินะ “พ่อของพายไปไม่หายไปเพียงแค่ซักตุ๊กตาหรอก จริงมั้ย?” “แต่แม่บอกว่าพ่อไปอยู่ข้างบนแล้ว” เสียงปนสะอื้นเล็กน้อยของเธอ มันทำให้ชายหนุ่มจุกจนแทบพูดไม่ออก ที่หายไปคือแบบนี้นี่เอง เขาเลยเอื้อมมือไปลูบกระหม่อมน้อย ๆ ของเธอแทน ให้เธอได้ร้องไห้ออกมาจนกว่าจะพอใจ “พาย!!” แต่เพียงไม่นาน คนเป็นแม่อย่างเพชรไพลิน เมื่อรู้ข่าวก็รีบออกจากสวนมาหาลูกสาวทันที ก่อนจะคว้าลูกสาวเข้าไปกอดแน่น “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย โธ่! แม่ผิดเอง แม่ขอโทษนะ” “แง่!!!” ยิ่งปลอบก็เหมือนจะยิ่งทำให้เจ้าตัวป้อมร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก แต่มันเป็นการร้องไห้ที่ปลดปล่อยทุกอย่าง แม้กระทั่งคนมองดูภาพตรงหน้าอย่างตรีศูล ก็อดน้ำตาคลอไม่ได้ มันเป็นการเจอกันครั้งแรกที่เพทายไม่เคยลืม เพราะเจอกับตรีศูล ทำให้เธอได้รู้จักกับความรัก มันเป็นความรักที่เฝ้ามองมานานแสนนาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเข้าใกล้เขา แม้ชายคนนี้ จะออกห่างเธอไปไกลทุกทีก็ตาม แต่ตอนนี้... ... เขาอยู่ใกล้... ใกล้เสียจนร้อนไปทั้งร่างกาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD