ตอนที่ 5 ฉันตายไม่ได้
สิริรัตน์กลั้นใจยกเศษกระเบื้องกดลงไปที่ลำคอตนเอง ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาบนเนื้ออ่อน เลือดสด ๆ ไหลซึมออกมา เธอสั่นไปทั้งตัว คนที่กำลังจะตายเป็นแบบนี้ใช่หรือไม่ ภาพความทรงจำเก่า ๆ ย้อนกลับเข้ามาดังสายน้ำที่ไหลริน
...สิริรัตน์ย้อนกลับเข้าไปในวันที่ฝนตกหนัก วันนั้นเธอมีงานที่ต้องส่งอาจารย์ เธอจำได้ว่าพงษ์พัทอยู่เป็นเพื่อนเธอจนดึกดื่น กว่าที่ทั้งสองจะลงมาจากตึกคณะ ฝนก็กระหน่ำลงมาแล้ว พงษ์พัทรีบวิ่งไปยืมร่มจากลุงร.ป.ภ.มาบังฝนให้กับเธอ เขาเอนร่มมาที่เธอทั้งคันจนเสื้อนักศึกษาเปียกปอนไปครึ่งตัว
'พัทดันร่มไปที่ตัวเองบ้างสิ ดูสิเสื้อเปียกหมดแล้ว พรุ่งนี้มีสอบด้วยถ้าเสื้อไม่แห้งจะสอบยังไง' เธอพยายามจะดันร่มไปที่ชายหนุ่ม ทว่าเขากลับส่ายหน้าและดึงดันที่บังมันให้เธอเช่นเดิม
'เดี๋ยวพัทรีดเอาก็ได้ ฝนนั่นแหละขยับมาละอองฝนแบบนี้อ่ะร้ายกว่าตากฝนเต็ม ๆ ตัวเสียอีก'
'ทำไม!! ถ้าฝนเป็นหวัดแล้วกลัวว่าพัทจะติดหรือไง' พงษ์พัทหัวเราะออกมาพร้อมกับส่ายหน้า ไม่ว่าสิริรัตน์จะทำอะไรก็น่ารักเสมอในสายตาเขา เช่นตอนนี้ที่เธอทำแก้มพอง ๆ เขาอยากจะก้มหน้าไปหอมแก้มเธอสักที หัวใจเขาคันไปหมด
'กลัวแต่หวัดมันจะไม่ติดพัทน่ะสิ ให้พัทป่วยเองยังดีกว่า อย่ามัวพูดมากขยับเข้ามา'
'อ่ะ..ไม่ต้องแล้วพี่ดลมารับฝนแล้วล่ะ นั่นไงรถพี่ดล' สิริรัตน์หันไปโบกมือให้ว่าที่คู่หมั้นที่ขับรถเข้ามาจอดที่ริมฟุตบาท เธอหันกลับมาเพื่อจะบอกลาพงษ์พัท แต่ชั่ววินาทีที่เธอเห็นว่าใบหน้าเขาขาวซีด ดวงตาก็คลอไปด้วยน้ำ เธอไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำตาหรือว่าน้ำฝนกันแน่ เมื่อสิริรัตน์หันมามอง พงษ์พัทก็ฝืนยิ้มออกมา
'รีบไปเถอะเปียกหมดแล้ว' สิริรัตน์อ้าปากออก เธออยากจะชวนให้เขาขึ้นรถมาด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะชวนยังไงดี พงษ์พัทย่อมไม่ทำให้เธอลำบากใจ เขาโบกมือให้พร้อมกับเดินหันหลังจากไป...
ภาพเหล่านั้นไหลย้อนกลับมา เหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่า ทุกครั้งจะต้องเป็นพงษ์พัทที่ยอมลงให้เธอเสมอ เธอไม่รู้เลยว่าความรู้สึกเขาจะเจ็บปวดเพียงใด เขาทนมองเธอไปไหนมาไหนกับนพดลอยู่ได้ยังไง กี่ปีแล้วที่เขาเฝ้ามองเธอ อยู่ข้างเธอ โอบกอดเธอเอาไว้แนบอก เช็ดน้ำตาให้เธอจดเหือดแห้ง สิริรัตน์สูดลมหายใจเข้าลึก เธอตายไม่ได้ เธอจะได้ไปแบบนี้ได้ยังไง ความผิดของเธอชดเชยหมดแล้วหรือ หากวันนี้เธอตายไป ตายในบ้านหลังนี้ พงษ์พัทจะรู้สึกยังไง บางทีเขาอาจจะเดือดร้อนเพราะแม่ของเธอ คุณแม่ต้องมาเอาเรื่องเขาแน่ ร่างอรชรค่อย ๆ ลดมือลงจากลำคอช้า ๆ คนอย่างเธอแม้แต่ความตายยังเป็นไปไม่ได้เลย
"พี่ฝน!!..พี่จะทำอะไรน่ะ..พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ" สิริรัตน์เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าร้อนรนของพีรยาปรากฏขึ้นมา หญิงสาวนั่งลงและแย่งเศษกระเบื้องในมือเธอโยนทิ้งไป
"แพท..ฮื้อ ๆ แพท.." สิริรัตน์โถมตัวเข้ากอดพีรยาเอาไว้แน่น คราแรกคนตัวเล็กก็ตกใจอยู่เช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าพี่สาวคนนี้ร้องไห้จนตัวสั่นเธอจึงกอดตอบกลับไป พร้อมกับยกมือขึ้นลูบไปที่แผ่นหลัง
"โอ๋ ๆ ไม่เป็นแล้วค่ะ ไม่เป็นไรแล้วพี่ฝน แพทจะจัดการพี่พัทให้เอง" สิริรัตน์ส่ายหน้าในอ้อมอกอุ่น
"ไม่ใช่ความผิดของพัท เป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง" เสียงสะอื้นตอบออกมาแทบจะไม่เป็นคำพูด พีรยาไม่รู้เลยว่า ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนี้จะต้องพบเจอกับเรื่องใดมา ถึงได้แตกสลายอย่างนี้ เธอรู้แค่เพียงว่า สิริรัตน์ทิ้งพี่ชายเธอเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น แต่แล้วทำไมถึงกลับมาหาพี่ชายเธอ เหตุผลจริง ๆ เธอก็ไม่รู้สักนิด เรื่องราวลึก ๆ แล้วก็คงมีเพียงเขาสองคนที่รู้ แต่แม่เธอเคยสอนว่า ใครบ้างที่ไม่เคยผิดพลาด ถ้าผิดพลาดแล้วยังรู้จักปรับปรุงตัว นั้นก็ควรค่าที่จะให้อภัย ขนาดองคุลีมาลยังเปลี่ยนตัวจนบรรลุอรหันต์ แล้วทำไมคนธรรมดาจะเปลี่ยนไม่ได้
"พี่พัทออกไปนานแล้วเหรอคะ"
"พัทออกไปสักครู่แล้ว วันนี้พัทมีนัดกับลูกค้ารายใหญ่ แพทไม่ต้องโทรตามนะ ให้พัททำงานเถอะ พัทเพิ่งจะสร้างตัว เขาจะต้องประสบความสำเร็จ" ดูเอาเถอะตัวเองย่ำแย่ขนาดนี้ ยังนึกเป็นห่วงพี่ชายไม่ได้เรื่องของเธออีก พีรยาถอนหายใจอย่างสงสาร
"ถ้าอย่างนั้นพี่พัทก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไหนดูสิแผลลึกหรือเปล่า"
พีรยาพยุงสิริรัตน์ขึ้นมาขึ้นมา เธอจ้องมองสำรวจไปบนร่างกายของอีกฝ่าย เมื่อเห็นบาดแผลที่อยู่บนลำคออย่างชัดเจน เด็กสาวก็แทบจะกรีดร้องออกมา ถึงแม้แผลนั่นจะไม่ลึกมาก แต่ก็เห็นชัดเจน อาจเพราะอีกฝ่ายเป็นคนผิวขาวจัด แต่เลือดที่ยังไหลซึมออกมา จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้
"ไปโรงบาลเหอะพี่ เลือดพี่ยังไม่หลุดไหลเลย ร่างกายพี่ก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว หากเสียเลือดเยอะ ๆ จะช็อกเอาได้"
"ไม่ต้องหรอกพี่ไม่เป็นไร แพทเรียนแพทย์ไม่ใช่เหรอ แผลเล็ก ๆ แค่นี้ให้ว่าที่คุณหมอแพททำละกัน" สิริรัตน์ไม่รู้ว่า ป่านนี้คุณแม่เธอจะรู้หรือยังว่าเธอไม่ได้ไปอยู่คอนโดที่ท่านเตรียมเอาไว้ให้ เธอไม่เห็นว่าเรื่องที่คุณแม่ทำจะดีตรงไหน เปลี่ยนตัวเธอกับน้องแล้วยังไง เธอก็กลับบ้านไม่ได้อยู่ดี
ทำไมตอนแรกเธอจึงได้คิดอะไรตื้นเขินแบบนั้นนะ เธอคิดว่าเธอเปลี่ยนตัวกับน้องสาว และจะได้หนีมาอยู่กับพงษ์พัทอย่างมีความสุข แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่า พงษ์พัทหมดความอดทนกับเธอแล้ว สิริรัตน์ปล่อยให้พีรยาทำแผล ห้ามเลือดให้เธอจนเสร็จ ก่อนที่เด็กสาวจะไล่เธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดออก เมื่อเธอลงมาก็เห็นว่าห้องครัวถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อยแล้ว
"ความจริงแพทรอให้พี่มาเก็บเองก็ได้" พีรยาเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มแก้มบุ๋มตาหยีให้อย่างน่าเอ็นดู
"พี่ฝนจะหัดทำกับข้าวเหรอ ไม่เคยทำมาก่อนใช่ไหม" สิริรัตน์พยักหน้าขึ้นมา รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก เธอสร้างปัญหาให้สองคนพี่น้องคู่นี้มากมายเหลือเกิน ดูเอาเถอะเธอเป็นคนทำสกปรก แต่พีรยากลับมาทำความสะอาดให้
"อื้อ..ปกติแม่พี่ไม่ให้ทำอะไรเลย จานสักใบก็ไม่เคยล้าง"
"ลูกคุณหนูสุดๆ บ้านพี่ต้องรวยมากเลยดิ" เด็กสาวเบิกตาขึ้นมา เคยนึกอิจฉาพวกคุณหนูบนกองทองเหมือนกัน แต่เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของสิริรัตน์เธอก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้ว
"ไม่รวยหรอก พยายามรวยมากกว่า" ใบหน้าหวานสลดลงเมื่อพูดไปถึงครอบครัวที่ไม่อบอุ่นของตัวเอง
"อ่า..ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าพี่ฝนอยากทำกับข้าว แพทสอนให้" สิริรัตน์ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว พีรยาไม่พลาดที่จะสังเกตสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เอาเถอะเดี๋ยวเธอค่อยโทรไปเล่าให้พี่ชายเธอฟังก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าพี่พัทจะใจแข็งได้มากแค่ไหน แต่เรื่องวันนี้เธอก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้ว ตกลงที่พี่ชายเธอโทรไปตามเธอมาที่บ้าน อ้างว่าลืมเอกสารให้เธอมาเอาให้นั่นจะจริง หรือต้องการให้เธอมาดูพี่ฝนกันแน่