เรือนเล็กหรือเรือนดอกแก้ว เป็นเรือนส่วนตัวของคุณหนูทับทิมผู้เป็นลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวเกียง เธอเอ่ยปากขอพ่อแม่ย้ายออกมาอยู่ตามลำพังที่เรือนดอกแก้วอันแสนสงบ โดยให้เหตุผลว่าตั้งแต่พี่ชายแต่งงานบนเรือนใหญ่ก็มีคนมากขึ้น
ตัวเธอนั้นรักในการเขียนอ่านหนังสือและการบ้านการเรือน อยากมีชีวิตที่สุขสงบได้ทำในสิ่งที่เธอรักตามลำพัง โดยไม่ต้องยุ่งกับผู้ใด
เมื่อลูกสาวคนเล็กหัวแก้วหัวแหวนเรียนขอไปตามตรงแบบนั้นเจ้าสัวเกียงมีหรือจะไม่ให้
สุดท้ายจึงสั่งให้ปลูกเรือนแบบฝรั่งริมน้ำภายในที่ดินผืนเดียวกัน โดยที่ตั้งของเรือนดอกแก้วนี้จะห่างไกลจากเรือนใหญ่ และเรือนเมียเล็กเมียน้อยของเจ้าสัวเกียงอยู่พอสมควร เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับคุณหนูทับทิม
ทว่าแม้จะเป็นส่วนตัวแค่ไหน แต่มองจากชั้นบนของเรือนนี้ไปก็ยังเห็นเรือนของบ่าวตั้งอยู่ไม่ไกลมากนัก อีกด้านเองก็เป็นคุ้งน้ำทอดตัวไหลผ่าน ทิวทัศน์น่ามองอีกทั้งลมยังพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน
เพราะอย่างนั้นคุณหนูทับทิมจึงมักออกมานั่งอ่านหนังสือ หรือให้บ่าวขนอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยออกมานั่งทำที่นอกชานอยู่บ่อยๆ
วันนี้เองก็เช่นกัน
ดวงตาสีน้ำตาลเรียวชี้ดั่งแมวยังคงจับจ้องไปที่จุดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผิวแก้มขาวปานไข่ปอกของเจ้าหล่อนนั้นแดงระเรื่อขึ้นมา ทว่ามันไม่ได้เป็นเพราะอากาศร้อนอย่างที่คนอื่นอาจเข้าใจ
แต่กลับเป็นเพราะร่างกายกำยำของชายหนุ่มที่นั่งเอนกายอยู่บนแคร่ เพราะกล้ามเนื้อแน่นหนั่นและผิวกรำแดดอย่างที่พวกลูกชายคนรวยมีฐานะหรือลูกชายขุนนางคงไม่มีให้เห็น
มองไปริมฝีปากแดงปลั่งสุขภาพดีก็เม้มไป เธอกลืนน้ำลายผ่านลำคออันแห้งผากเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นแหงนหน้าขึ้นขนานกับท้องฟ้า แผงอกแน่นถูกยกขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งร่องกล้ามเนื้อหน้าท้องยังขึ้นจนแม้มองจากระยะไกลก็ยังเห็นได้ชัดเจน
มองไปต้นขาเรียวขาวใต้ผ้านุ่งนั้นก็บดเบียดกันไปมา กระทั่งมือที่ถือหนังสือก็พลันเหงื่อซึมเปียกชุ่ม เมื่อจู่ๆ จินตนาการในหัวกลับผุดพรายราวกับกระแสน้ำหลาก
ซ้ำร้ายหนังสือที่เธอถืออยู่นั้นเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นแสนสยิว เนื้อหานั้นเรียกได้ว่าจัดอยู่ในหมวดปลุกใจ มันบอกเล่าเรื่องอย่างว่าของผู้คนหลายชนชั้น เพราะอย่างนั้นเธอจึงต้องห่อปกเอาไว้กันคนเห็น
และที่สำคัญ หน้าที่กำลังอ่านอยู่นั้นพูดถึงเรื่องเจ้านายสาวเมียน้อยของขุนนางใหญ่ ที่ลักลอบเล่นสวาทกับบ่าวหนุ่มอย่างเผ็ดร้อนอื้อฉาว อ่านไปเธอก็ได้แต่นึกถึงใครคนหนึ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับบ่าวในนิยายไป
บางคราความคิดซุกซนก็พาลคิดจินตนาการไปว่าฝ่ายนั้นชื่อเขื่อง ส่วนนั้นจะเขื่องเหมือนชื่อหรือไม่ แค่คิดร่องหลืบสาวภายในก็พลันขมิบถี่ ทั้งยังคายน้ำหวานออกมาทำเธอซ่านสยิวจนต้องกัดริมฝีปาก
“คุณหนูเจ้าขา คุณหญิงท่านกับคุณนวลมาหาเจ้าค่ะ” ทว่าในยามที่กำลังร่วมอภิรมย์กับชายหนุ่มในความคิด จู่ๆ นางรุ้งบ่าวคนสนิทก็คลานเข่าเข้ามากระซิบใกล้กับเก้าอี้ที่เธอนั่ง
คุณหญิงท่านที่ว่านั้นคือแม่ของเธอเอง ส่วนคุณนวลคือพี่สะใภ้ที่ตบแต่งกับ ธนา พี่ชายคนรอง และยังคงอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
ได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวจึงพลันสลายร่องรอยความกระสันไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงใบหน้าใสซื่อและรอยยิ้มหวานหยด
“คุณแม่ พี่นวล” เธอวางหนังสือที่ห่อปกด้วยกระดาษมีลวดลายลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นอย่างแช่มช้อยมายืนด้านข้างเก้าอี้ สองมือขาวยกขึ้นประนมที่กลางอก ศีรษะทุยสวยประดับด้วยทรงผมดัดคลื่นแบบนำสมัยค้อมเล็กน้อยอย่างงดงาม
ทุกท่วงท่าเรียบร้อยน่ารักถูกใจผู้เป็นแม่ยิ่งนัก
“อ่านหนังสืออยู่หรือลูก” คุณหญิงของบ้านเดินเข้ามารับไหว้ลูกสาวคนเล็กอย่างรักใคร่ ตามด้วยพี่สะใภ้วัยใกล้เคียงกันที่เอ็นดูเธอเป็นพิเศษ
“เจ้าค่ะ ลูกปวดมือจากการปักสะดึงก็เลยมาพักอ่านหนังสือก่อน” คุณหนูทับทิมกล่าวเสียงหวาน รอยยิ้มน่ารักแจกจ่ายให้ผู้เป็นแม่และพี่สะไภ้อย่างทั่วถึง
“น้องทับทิมเก่งงานบ้านงานเรือนเสียจริง พี่ต้องหาเวลามานั่งปักสะดึงด้วยกันเสียแล้ว” พี่นวลว่า สายตามองรอยยิ้มของเธออย่างรักใคร่
คุณหนูทับทิมมองสายตานั้นแล้วก็รู้ว่าพี่สะใภ้รองจริงใจ ตั้งแต่แต่งเข้ามาใหม่ๆ พี่นวลก็ชื่นชมเธอที่เป็นน้องสามีอยู่มาก ไม่เหมือนกับพี่สุดาที่เป็นสะใภ้ใหญ่ที่ดูจะไม่ชอบเธอเอาเสียเลย
รายนั้นออกจะอิจฉาที่ใครๆ ก็ต่างชมเธอว่าเป็นกุลสตรี เก่งงานบ้านงานเรือนไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งยังอ่านเขียนเก่งทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นก็ยังคอยจับผิดจนเธอขยับตัวได้ยาก
การที่พี่ธนินไปทำงานที่ปักษ์ใต้ครั้งนี้แล้วพาพี่สุดาไปด้วยถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับคุณหนูทับทิมนัก เพราะเธอจะได้ไม่ต้องมานั่งทนฟังการกระทบกระเทียบอันน่ารำคาญในบ้านของตัวเอง
หรืออีกนัยหนึ่ง คือจะได้ไม่ต้องมีใครมาคอยสอดหูสอดตา รู้ทันถึงตัวตนที่แท้จริงของเธออีกด้วย
“ดีเลยเจ้าค่ะ แต่มีอย่างอื่นให้ทำด้วยนะเจ้าคะพี่นวล น้องเพิ่งไปเรียนถักนิตติ้งแบบฝรั่งมาจากบ้านของคุณหนูรัญจวน ลูกสาวของคุณพระสุบรรณภักดีมา จะได้มานั่งถักด้วยกันเสียเลย”
“จริงหรือจ้ะ” พี่นวลได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตื่นเต้นตาโตขึ้นมา
“เก่งมากลูก แม่คิดถูกจริงๆ ที่ปล่อยให้ลูกไปมีเพื่อนฝูงมีสังคมบ้าง นี่ถ้าให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเหมือนลูกสาวบ้านอื่น ลูกคงไม่เก่งรอบด้านแบบนี้” คุณหญิงลัดดาโอบกอดลูกสาวคนเล็กอย่างปลาบปลื้ม
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่บ้านคนจีนจะรักลูกสาวถึงขนาดนี้ แต่เป็นเพราะคุณหญิงนั้นเองนั้นเป็นชาวสยาม ทั้งยังหัวสมัยใหม่และเป็นถึงลูกสาวขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ได้รับโอกาสให้ได้เรียนหนังสือกับแหม่มฝรั่งมาตั้งแต่ยังเด็ก
ก่อนจะได้มาแต่งงานกับเจ้าสัวเกียงในแวดวงสังคมของเธอก็มีแต่คนหัวใหม่มีความรู้ ผลดีจึงตกเป็นของคุณหนูทับทิมที่ชอบเขียนอ่านอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ยิ่งเธอเอาใจใส่งานบ้านงานเรือน ทั้งยังมีกิริยามารยาทงดงามร่วมด้วย ก็ยิ่งเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อแม่
“จริงเจ้าค่ะคุณแม่ น้องทับทิมเก่งรอบด้าน ทั้งการเรือนไหนจะเรื่องความคิดความอ่าน หากบ้านไหนได้ไปเป็นลูกสะใภ้คงโชคดีมาก”
“ดูไว้นะแม่นวล วันใดที่มีลูกไม่ว่าจะลูกผู้หญิงหรือผู้ชายถ้าเลี้ยงให้ดีก็เป็นคนดีที่มีความสามารถได้”
“เจ้าค่ะคุณแม่”
“พอแล้วเจ้าค่ะ คุณแม่กับพี่นวลชมจนตัวลูกจะลอยอยู่แล้ว” คุณหนูทับทิมเอ่ยขึ้นมาอย่างเขินอาย ใบหน้าขาวใสเพราะมีเชื้อจีนยิ่งแดงซ่านเมื่อทั้งแม่ทั้งพี่สะใภ้พากันชมเธอไม่ขาดปาก
“ก็มันเรื่องจริงนี่ลูก”
“แล้ว…คุณแม่กับพี่นวลมาหาลูกถึงเรือนดอกแก้ว มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ที่จริงให้บ่าวมาเรียกลูกไปหาที่เรือนใหญ่ก็ได้” หญิงสาวยังคงเอ่ยถามด้วยความสงสัยถึงการมาโดยไม่บอกกล่าวของแม่และพี่สะใภ้
ถึงท่าทางของคุณหนูทับทิมจะยังดูอ่อนหวานงดงาม ทว่าภายในใจนั้นกลับไม่ค่อยชอบใจนักที่มีคนอื่นเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวที่ตนหวงแหน
เธอมีความลับมากมายเก็บซ่อนเอาไว้ที่นี่ และไม่อยากให้สมาชิกในบ้านคนไหนมาเห็นเข้า
“แม่กับพี่นวลอยากจะมาชวนลูกทับทิมเข้าครัวด้วยกันน่ะ วันนี้แม่ว่าจะทำไก่ตุ๋นเครื่องยาจีนให้คุณพ่อของลูกรับประทานสักหน่อย จะได้บำรุงสุขภาพ”
“พี่กับคุณแม่เห็นว่าน้องทับทิมเองก็ชอบรับประทาน อีกทั้งคุณพ่อท่านก็ชอบรสมือของน้องทับทิมมากด้วย” พอคุณหญิงพูดจบพี่สะใภ้ก็พูดเสริมขึ้นมา เมื่อได้รู้ถึงจุดประสงค์คุณหนูทับทิมจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสนดี
“ในครัวตอนนี้มีขนมตะโก้ที่ลูกชอบด้วยนะ”
“จริงหรือเจ้าคะ ลูกอยากทานขนมตะโก้อยู่พอดีเลย แล้วคุณแม่กับพี่นวลจะเข้าครัวเลยไหมเจ้าคะ ลูกจะได้ให้รุ้งเก็บของ”
เธอเอ่ยออกไปด้วยท่าทีอ่อนหวานทุกกระเบียดนิ้ว แม้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ใช่การได้กินขนมที่ตัวเองชอบ แต่กลับเป็นการพาแม่และพี่สะใภ้ออกไปจากเรือนดอกแก้วเสีย
“ไปตอนนี้เลยสิลูก เริ่มทำตอนนี้เดี๋ยวช่วงเย็นคุณพ่อของลูกกับพ่อธนาก็กลับมาก็คงเสร็จพอดี”
“ได้เจ้าค่ะ รุ้งเก็บของไปไว้ในห้องฉันเลย เดี๋ยวฉันจะล่วงหน้าไปที่เรือนใหญ่กับคุณแม่และพี่นวลก่อน เก็บเสร็จหล่อนก็ตามไปแล้วกัน” เมื่อได้ความแล้วใบหน้าสะสวยของเธอจึงหันไปสบตาบ่าวคนใหม่ที่เพิ่งจะมาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่กลับเข้าใจกันดียิ่งกว่าพี่น้องที่โตมาด้วยกัน
“เจ้าค่ะคุณหนู”
นางรุ้งรีบรับคำก่อนจะจัดเก็บของบนโต๊ะโดยเก็บหนังสือโป๊ห่อปกของคุณหนูทับทิมให้พ้นสายตาของคุณหญิงลัดดาและคุณนวลเป็นอย่างแรก เมื่อนางบ่าวเก็บทุกอย่างเข้าเรือนไปแล้วคุณหนูจึงเดินตรงไปช่วยพยุงผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน
“ไปกันเถิดค่ะคุณแม่ พี่นวล”
“จ้ะลูก”
“จ้ะน้องทับทิม”