ภายในรั้วเรือนอันโอ่อ่าของเจ้าสัวเกียง เจ้าของโรงงานกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในตัวจังหวัด และกิจการอื่นๆ อีกมากมายในเมืองนนทบุรี
ปีพุทธศักราช 2465
“พวกเอ็งเห็นหลานสาวของยายแช่มหรือยังวะ”
“ข้าเพิ่งเจอมันออกมาที่เรือนใหญ่กับคุณหนูทับทิมเมื่อเช้า สวยคมขำอย่าบอกใคร”
“จริงเหรอวะ”
“เออ สวยพอๆ กับคุณหนูทับทิมเลยล่ะ มันชื่ออะไรนะ...ข้าได้ยินคุณหนูเรียกมันอยู่”
“มันชื่อนางรุ้ง ย้ายมาจากพระนครเลยนา เห็นว่าเพราะอ่านออกเขียนได้คุณหญิงท่านเลยให้ไปอยู่กับคุณหนูทับทิม”
“ผู้หญิงอะไรวะ อ่านออกเขียนได้”
“ก็มันมาจากพระนคร ข้าเคยได้ยินพวกบ่าวสาวๆ เล่าว่าเจ้านายในพระนครบางบ้านก็ให้ขี้ข้าที่รับใช้ใกล้ชิด เรียนเป็นเพื่อนนายของมัน”
“ถ้าเป็นผู้ชายก็พอเข้าใจอยู่ แต่ผู้หญิงน่ะจะให้เรียนไปทำกะไรวะ จะได้ไปทำงานหรือก็ไม่ หรือจะให้พวกมันปีนขั้นไปตบแต่งกับเจ้านายผู้ชาย”
“ก็ไม่แน่ เรียนมากรู้มากเอ็งเคยได้ยินไหม ฮ่าๆ”
“แต่ขี้ข้าก็ได้เป็นแค่เมียน้อยเมียบ่าวหรือเปล่าวะ เจ้านายมียศมีฐานะเขาไม่แต่งขึ้นไปเป็นเมียเอกหรอก เขาก็แต่งกับลูกท่านหลานเธอด้วยทั้งนั้น จะเรียนไปทำไม”
“เจ้านายบางท่านเขาก็ชอบผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถ พูดคุยปรึกษาเรื่องการบ้านการเมืองได้”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นผ่ากลางวงสนทนาของบ่าวผู้ชายซึ่งกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ สิ้นคำพูดของเขาความเงียบก็เคลื่อนเข้าปกคลุมทั้งวง บ่าวผู้ชายทั้งสามคนที่กำลังนั่งพูดคุยกันจนน้ำลายแตกฟองนั้น ถึงกับหยุดแล้วหันมาที่ทิศทางเดียวกัน
ยามที่หันมาที่ต้นทางเสียงก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำสีทองแดงทว่าสะอาดสะอ้าน ถอดเสื้อพาดบ่าเอาไว้จนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำล่ำสันจากการทำงาน
“พี่เขื่อง”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะพี่ ไหนเขาคุยกันว่าพี่จะตามคุณธนินไปอยู่หัวเมืองปักษ์ใต้” หนึ่งในนั้นเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เด็กหนุ่มคนเดียวกับที่นั่งวิจารณ์นางรุ้งอย่างเผ็ดร้อนอยู่เมื่อครู่เองก็ลุกขึ้นขยับให้คนมาใหม่นั่งลงบนแคร่ตัวเดียวกัน
ภายในรั้วบ้านของเจ้าสัวเกียง มีเรือนน้อยใหญ่ปลูกมากมายเนื่องจากท่านมีเมียหลายคน อีกทั้งเจ้าสัวเกียงยังดูแลเลี้ยงดูเมียทุกคนอย่างดี ทั้งเมียเอกเมียรองเมียบ่าว แต่ละคนมีเรือนของตัวเองทั้งสิ้น
ด้านเรือนของบ่าวหญิงชายคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันจะตั้งห่างออกมาด้านหลัง แยกพื้นที่กับเจ้านายอย่างชัดเจนแต่ก็ยังอยู่บนที่ดินผืนเดียวกัน
เวลาที่เจ้านายจะเรียกใช้บ่าวที่อยู่ฝั่งนี้ บ่าวคนสนิทที่รับใช้ใกล้ชิดก็จะเป็นคนเดินมาตาม แต่หากไม่ได้เรียกใช้พวกบ่าวเหล่านี้ก็จะมีชีวิตอิสระ เมื่อเสร็จสิ้นจากภาระหน้าที่แล้วก็จะมีเวลาว่างมากพอให้มานั่งจับกลุ่มพูดคุยแบบนี้
“ไม่ได้ไปหรอกไอ้ช้าง คุณธนินท่านให้พี่เลิศไปแทน” ชายหนุ่มชื่อเขื่องตอบเด็กรุ่นน้องไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ทว่าคนฟังกลับขมวดคิ้วมองหน้ากันไปมา
“อ้าว ไหงเป็นอย่างนั้นไปเสียล่ะพี่” เด็กหนุ่มที่เขื่องเรียกว่าช้างเป็นคนแรกที่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ที่ผ่านมาคุณธนินลูกชายคนโตของเจ้าสัวเกียงโปรดปรานพี่เขื่องมากเพราะเป็นคนเก่งหัวดีซ้ำยังขยัน ยามที่คุณธนินได้ไปรับราชการที่หัวเมืองอื่นก็มีแต่คนคิดทั้งนั้นว่าคนที่จะได้ติดสอยห้อยตามไปด้วยเห็นจะเป็นคนนี้
เขื่องได้ฟังนั้นก็พาลยิ้มออกมา
“พี่เลิศแกเป็นคนปักษ์ใต้อยู่แล้ว คุณธนินเลยถือโอกาสพาแกกลับบ้านเกิด” ก่อนจะเอ่ยบอกเด็กรุ่นน้องทั้งสามคนถึงเหตุผลที่เจ้านายไม่พาขี้ข้าคนสนิทอย่างเขาไปด้วย
ทว่าเหตุผลที่เขาบอกเด็กหนุ่มพวกนั้นไปกลับเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกส่วนที่เขาไม่ได้บอกใครเลยคือตัวเขาเองนี่แหละที่เป็นคนขอคุณธนินอยู่ที่นี่ต่อ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะอยากอยู่ดูแลญาติผู้ใหญ่และเจ้านายที่นี่มากกว่า
ส่วนเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นก็คงไม่พ้นหลังจากที่พี่เลิศ ซึ่งเดิมเป็นคนขับรถอันดับหนึ่งของบ้านเดินทางไปปักษ์ใต้กับคุณธนินแล้ว คนที่จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปขับรถให้ท่านเจ้าสัว คุณหญิงลัดดาผู้เป็นเมียเอก และลูกๆ แทนก็คือไอ้เขื่องคนนี้
“อ๋อ มิน่าล่ะพี่”
“ถ้าพี่เลิศไม่ได้เป็นคนปักษ์ใต้พี่เขื่องก็ต้องได้ไปอยู่แล้ว ใช่ไหมไอ้ทิ้ง” เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น
“จริงของเอ็งไอ้มั่นมันนะพี่ จะมีใครที่คุณธนินโปรดไปมากกว่าพี่เขื่องอีก” เด็กหนุ่มชื่อทิ้งเพื่อนของมั่นและช้างเอ่ยขึ้นมาอีกอย่างประจบประแจง มือของมันตบแปะๆ ลงบนต้นขาของชายหนุ่มรุ่นพี่
ด้านคนโดนประจบนั้นมองแล้วก็ได้แต่พยักหน้าเออออตามไปเพราะไม่ได้อยากจะอธิบายมากนัก และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรอีกสามคนนั้นจึงหันกลับมาคุยกันเหมือนเดิม
“แต่ว่าไปนะ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่นางรุ้งที่สวยแต่นางยิ้มลูกสาวป้าอิ่มก็สวยมาก ผิวขาวเหมือนไข่ปอกหน้าตาก็จิ้มลิ้ม” มั่นเอ่ยขึ้นอีกทว่าเบาเสียงลงมาให้ได้ยินกันเพียงในวง
“ข้าเห็นด้วยกับไอ้มั่น หากไม่นับนางรุ้งนางยิ้มก็สวยที่สุดในบรรดาบ่าวสาวๆ แล้ว”
“ข้าล่ะกลัวเหลือเกินไอ้ช้าง ว่าเจ้านายสักคนจะเอามันไปเป็นเมียบ่าวอีก คุณธนินไปแล้วก็ยังมีคุณธนา รายนั้นเพิ่งแต่งงานมีแต่เมียเอก เห็นมันเดินขึ้นลงเรือนใหญ่ทุกวันไม่รู้ว่าจะถูกตาต้องใจเจ้านายวันไหน” ไอ้ทิ้งพูดขึ้นมา ท่าทางเสียดายนางยิ้มที่กำลังพูดถึงมากอยู่
“น่าเสียดาย สวยๆ แบบนั้นคงอยากหาทางปีนป่ายขึ้นไปเป็นเมียเจ้านายรวยๆ อยู่สุขสบาย ไม่น่าตกมาถึงพวกเราหรอกว่ะ”
เขื่องนั่งฟังแล้วก็คิดภาพตาม ไม่แปลกหรอกที่สามคนนี้จะเสียดาย ก่อนนางรุ้งมาอยู่ที่เรือนนี้ นางยิ้มนั้นสวยเป็นที่หนึ่งในหมู่บ่าวสาวๆ จริงอย่างที่ว่า
ทั้งสวยทั้งโปรยเสน่ห์เก่ง แต่ว่าฉลาดหลักแหลมไม่ยอมตกร่องปล่องชิ้นกับบ่าวชายคนไหนเลยทั้งที่ถึงวัยออกเรือนแล้ว ปลายทางคงได้เป็นเมียบ่าวของนายผู้ชายสักคนเข้าจริงๆ
ไม่คุณธนินก็คุณธนา หากไม่ใช่สองคนนี้ก็อาจเป็นเจ้าสัวที่เป็นประมุขของบ้านเสียเอง เพราะเจ้าสัวเกียงเองนั้นก็เจ้าชู้ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ มีเมียเอก เมียรอง เมียน้อยและเมียบ่าวมากมาย ซ้ำยังดูแลให้ความเป็นอยู่ดีทุกคน
“อย่างเราๆ ถ้าจะได้สวยๆ ก็คงต้องเก็บเงินไปเที่ยวหอโคมเขียวไม่ก็โรงน้ำชานั่นแหละวะ” สิ้นคำพูดของช้าง เสียงหัวเราะก็ดังฮาลั่นไปทั่วบริเวณ จะมีก็เพียงนายเขื่องเท่านั้นที่ไม่ได้ร่วมหัวเราะไปกับเด็กหนุ่มพวกนั้นด้วย
“เออ พูดถึงแล้วก็อยากไปอีก วันไหนที่เจ้าสัวท่านอนุญาติให้ไปข้างนอกเราไปกันไหมวะ หาอะไรเจริญหูเจริญตาชมกันสักหน่อย”
"พี่เขื่องไปกับพวกฉันไหมจ้ะ"
"ไม่ล่ะ พวกเอ็งไปกันเถอะ"
เขาทำเพียงนั่งเงียบๆ ฟังเด็กพวกนั้นคุยเรื่องเที่ยวผู้หญิงโดยไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร เพียงแต่หันหน้าออกไปทางคลองซึ่งตัดผ่านที่ดินของเจ้าสัวเกียงอย่างพอดิบพอดี
เขาปล่อยให้เสียงพูดคุยของรุ่นน้องทั้งสามคนเป็นเพียงลมผ่านหู เพราะส่วนตัวแล้วแม้จะอายุย่างเข้ายี่สิบปี ถึงวัยออกเรือนมาสองสามปีแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้มองสาวใดเลยสักคน แม้แต่บ่าวในเรือนเดียวกัน
เรื่องผู้หญิงที่เด็กหนุ่มพวกนี้พูดถึง แม้จะเคยไปเที่ยวขึ้นครูพอให้รู้รสผู้หญิงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ชื่นชอบเป็นพิเศษจนถึงขั้นต้องอยากกลับไปบ่อยๆ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจตอนโดนชวนนัก
สิ่งที่อยู่ในใจจริงๆ เห็นจะเป็นผู้ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาต้องเอ่ยปากขอคุณธนินเพื่ออยู่ที่บ้านของเจ้าสัวเกียงต่อ และไม่ได้ตามไปปักษ์ใต้ด้วย
คุณหนูทับทิม ลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวเกียง หญิงสาววัยกำดัดผู้งดงามทั้งรูปร่างหน้าตาและกิริยามารยาท ซ้ำยังมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม
ดอกฟ้าผู้สูงส่งที่ตัวนายเขื่องใฝ่ฝันถึงมาตลอดหลายปีที่อาศัยอยู่ในบ้านของเจ้าสัวมา แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีวันเอื้อมถึงก็ตาม
เขาขอคุณธนินอยู่ที่นี่ต่อก็เพราะเหตุผลนี้ ในวันที่เขาได้ขึ้นมาเป็นคนขับรถให้กับคุณท่าน คุณหญิง รวมถึงลูกของเมียเอกทุกคนแทนพี่เลิศ ตัวเขาก็จะได้มีโอกาสเฝ้ามองคุณหนูในระยะใกล้
แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีวันเอื้อมถึงเธออย่างแน่นอน ต่อให้ถึงก็คงไม่มีปัญญาดูแลให้เธออยู่ดีมีสุขอย่างในตอนนี้ได้ อีกทั้งวันหนึ่งคุณหนูทับทิมก็จะต้องแต่งงานกับชายหนุ่มมีชาติตระกูลที่เหมาะสมกัน แต่ตัวเขาก็ยังอยากมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธอบ้าง
ทว่าเห็นเขาเป็นหมาวัดอยากตะกายดอกฟ้าแบบนี้ ใช่ว่าจะมีจุดประสงค์อะไรไม่ดีขนาดนั้น นอกจากได้ใกล้ชิดพูดคุยและได้รับใช้เธอแล้วเขาก็ไม่ได้ต้องการอะไรอีก
ดวงตาคมเหม่อมองคุ้งน้ำและเรือลำเล็กลำน้อยที่พายผ่านไปแล้วก็ได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย โดยที่นายเขื่องไม่รู้เลยว่าหญิงสาวผู้สูงส่งในความคิดของตัวเองนั้นกำลังนั่งมองร่างกายกำยำล่ำสัน และผิวสีกรำแดดของเขามาจากบนเรือน