"ฝ่าบาท… คงไม่มีโอกาสแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"หมายถึงเรื่องที่ท่านอามีใจให้หญิงใบ้คนนั้นนะหรือ"
"ข้าน้อยเห็นว่า เป็นธรรมดาที่ท่านอ๋องจะจิตใจไหวเอนเพราะ เพราะนางงดงามที่สุด (กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น) งดงามเกินกว่าจะคาดถึง"
"หญิงทั่วไปเช่นนางใบ้ ไม่ได้มีฐานะสูงส่งจะงดงามได้แค่ไหนกัน"
"ฝ่าบาทป้อคุน พบหน้าเจิ้งเหม่ยอิงแล้วพูดได้เพียงว่าในตอนนี้นางคือหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าแห่งนี้"
"ไม่ใช่สำหรับข้า นางก็เพียงหญิงงามที่ตั้งใจมาล่อลวงท่านอาให้ไขว่เขว้ก็เท่านั้น ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่หาใช่เพราะความงามของนางหากแต่ท่านทาในตอนนี้หลงใหลนางเกินกว่าที่ข้าจะกล้าขัดใจ เรายังต้องอาศัยท่านอาในหลายเรื่อง รอให้เหล่าขุนนางวางใจในตัวข้าเสียก่อนที่ผ่านมาทุกอย่างต้องผ่านชิงกวานอ๋องเพียงผู้เดียว เพราะเสด็จพ่อทรงฝากฝังข้ากับแคว้นเหว่ยไว้กับท่านอา”
“ฝ่าบาทคงต้องพูดเรื่องนี้กับท่านอ๋อง”
“ท่านอายินดีสละทุกอย่างขอเพียงมีนางข้างกาย ข้ากลัวว่าข้าพูดเจาะจงท่านอายิ่งจะขุ่นเคือง”
“แล้วฝ่าบาทจะทำเช่นไรต่อจากนี้”
“ทำให้นางมัวหมองจนท่านอา ..ไม่อาจจะยกย่องนางได้”
ป้อคุนหน้าถอดสี หญิงใบ้อ่อนต่อโลกเพียงคนเดียวอู่อินเฉิงตั้งใจทำลายนาง เพื่อดึงชิงกวานอ๋องที่กำลังจะทิ้งทุกอย่างให้กลับมาเพื่อประโยชน์ของแคว้นเหว่ย
“ส่งคน ย่ำยีนางเสีย”
“ตะตะแต่ฝ่าบาทนางแค่เพียงหญิงใบ้อ่อนต่อโลก”
รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของอู่อินเฉิง
“หากเจ้ายอมใจอ่อน ข้าจะลงมือเอง แค่เพียงหญิงอ่อนต่อโลกคนหนึ่ง”
ป้อคุนก้มหน้าบังเกิดความสงสารเสี่ยวเจิ้งจับใจนางทำกรรมอะไรไว้ต้องถูกอู่อินเฉิงจงเกลียดจงชังเพียงนี้
“ป้อคุนจะลงมือเอง”
เพียงแค่นี้ก็พอจะช่วยนางได้บ้างแม้ว่าจะกลัวว่าอู่อินเฉิงจะลงทัณฑ์แต่คนอย่างป้อคุน มีจิตใจคุณธรรมแม้จะไม่เปิดเผยทว่าในใจรู้ดี
“ข้าเปลี่ยนใจแล้วจับตัวนางหรือล่อลวงนางไปที่ตำหนักฤดูหนาว ก่อนที่ท่านอาจะยกย่อง หรือก่อนวันที่ท่านอาจะเลี้ยงต้อนรับนาง เพื่อป่าวประกาศให้เหล่าขุนนางรู้ว่านางสำคัญเพียงใดงานเลี้ยงต้อนรับนางจะต้องไม่เกิดขึ้น”
ป้อคุนก้มหน้าประสานมือ ในหัวตอนนี้คิดวกวนหาทางที่จะช่วยเสี่ยวเจิ้งให้ได้
วังหลวง
“หมิงเยว่ ฤดูหนาวเริ่มแล้วข้าตั้งใจออกเที่ยวป่าล่าสัตว์ในวันพรุ่งนี้”
หมิงเยว่ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น
“โอ้ฝ่าบาท เช่นนั้นหมิงเยว่จะเตรียมเครื่องกันหนาวและเสบียงไว้ ขบวนเสด็จประพาสป่าปีนี้คงต้องรื่นเริงเป็นแน่ หมิงเยว่เสียดายยิ่งนักไม่อาจร่วมส่งเสด็จประพาสในครั้งนี้”
“ร่างกายเจ้าอ่อนแอ อีกอย่างปีนี้ท่านอาบาดเจ็บจนไม่อาจร่วมประพาสข้าจึงตั้งใจ ออกไปพร้อมกับป้อคุนและองครักษ์อีกจำนวนหนึ่งเท่านั้นส่วนชินอ๋องให้อยู่ดูแลตัดสินใจเรื่องต่างๆ แทนข้ายามที่ข้าไม่อยู่ เจ้าเองก็มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ หากไม่แน่ใจก็ปรึกษาท่านอา ส่วนชินอ๋องข้าจะให้เขาส่งเรื่องต่างๆ ในราชสำนักให้เจ้าช่วยดู”
หมิงเยว่ยิ้มอ่อนหวาน
ตงฟางหัวองครักษ์คนสนิทของหมิงเยว่ประสานมือตรงหน้า หมิงเยว่ฮองเฮาพร้อมรับบัญชา เล็บยาวที่เคลือบสีแดงไว้บรรจงหยิบถุงทองในมืยื่นให้ตงฟางหัว
“ ทุกๆ ปีล้วนมีคนติดตามมากมายฤดูหนาวปีนี้ฝ่าบาทเสด็จกับองครักษ์เพียงไม่กี่คน แม้จะอ้างว่าชิงกวานอ๋องได้รับบาดเจ็บอ้างว่าชินอ๋องคอยดูแลวังหลวง ปกติต้องคะยั้นคะยอให้ข้าไป ด้วยแต่ปีนี้กลับไม่ชวนข้าแม้แต่คำเดียวที่มาบอกกล่าวเหมือนจะขอ ความจริงถึงข้าไม่ให้ไปก็ไม่อาจรั้งไว้เช่นกัน”
แววตาเยือกเย็นทว่าภายในร้อนรุ่ม
“ข้าน้อยส่งคนแทรกซึม ไปกับขบวนประภาสของฝ่าบาทให้เอง”หมิงเยว่ยิ้ม บางๆ ให้กับตงฟางหัว
“เจ้ารู้ใจข้ายิ่ง”
“ตงฟางหัว ภักดีไม่เปลี่ยน สิ่งใดที่ทำให้ฮองเฮาทรงไม่สบายพระทัยสิ่งนั้นก็จะต้องเป็น ตงฟางหัวที่สะสางแทน”
ประสานมือก้าวขาจากไป
จวนอ๋อง
“พี่สาวชือหรูชวนเจ้าไปเลือกผ้าที่ร้านของนางในตลาด”
เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าไปมาส่งภาษามือบอกว่าที่เลือกไว้ก็มากมายแล้ว แต่จงหลินกลับ ถอนหายใจ
“นางไปขอกับท่านอ๋องอ้างว่าอยากให้ช่วยโฆษณาร้านให้นาง และอีกอย่างนางบอกว่าอยากให้เจ้าเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง หลายวันมานี้อยู่แต่ในจวนอ๋อง และที่สำคัญท่านอ๋องเห็นด้วยกับนางให้ข้ามาบอกให้เจ้าเตรียมตัวเกี้ยวรออยู่”
เสี่ยวเจิ้งส่งภาษามือบอกว่าเกรงใจท่านอ๋อง เดี๋ยวเสี่ยวเจิ้งจะไปอธิบายกับท่านอ๋องด้วยตัวเอง ชือหรูก้าวเข้ามาในห้อง
“คุณหนูเจ้าขา ชือหรูมาถึงนี่อยากจะอวดผ้าสวยๆ ที่เพิ่งนำมากลับพ่อค้าจากต่างแคว้น ท่านอ๋องเมตตาให้คุณหนูออกไปกับชือหรูเตรียมเกี้ยวไว้แล้ว คุณหนูไม่ถนอมน้ำใจท่านอ๋องหน่อยหรือไร”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนปล่อยให้ชือหรูดึงมือออกจากจวนไปที่เกี้ยวที่รออยู่ง่ายดาย
อู๋อินเฉิงบนหลังม้าที่มีทั้งกระบี่และคันธนูไม่ได้นั่งเกี้ยวในขบวนเสด็จเหมือนเช่นปีที่ผ่านๆ มา ชินอ๋องรูปร่างสูงใหญ่เกินอายุยืนส่งอยู่ไม่ไกลนัก พร้อมกับหมิงเยว่และขันทีนางกำนัล
“เจ้าต้องดูแลตัวเองระหว่างที่ข้าไม่อยู่”หมิงเยว่ยิ้มอ่อนหวาน
“ชินอ๋อง อินฉางส่วนเจ้ามีเรื่องหนักหนา ก็ให้บอกกล่าวกับฮองเฮาแทนข้า”
อินฉางประสานมือก้มหน้าซ่อนยิ้ม
“เคลื่อนขบวน” เสียงขานดังๆ ของป้อคุนทั้งๆ ที่มีกันเพียงไม่กี่คน
ม้าเยาะย่างออกจากหน้าประตูวัง
เกือบสิบลี้จากประตูวัง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม”ป้อคุน ก้มหน้า
“พ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยทางนั้นให้ ชือหรูจัดการเรียบร้อยแล้ว”
“ดีมาก ป้อคุนเจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง องครักษ์ที่ตามมานี่ส่งไปประจำการที่ด่านกวงเหมินอ้างว่าข้าต้องการออกป่าเพียงลำพัง แล้วอย่าลืมข้ารอที่ตำหนักฤดูหนาว นำนางใบ้ไปพบข้าที่นั่น”
ป้อคุนประสานมือก่อนจะกระตุกบังเ**ยนม้าให้ หยุด ส่งสียงดังๆ
“พวกเจ้าทั้งหมดตามข้ามา”