"คุณพ่อ" ภิณลืมตาตื่นขึ้นมาระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้าน มีตักแกร่งของคนเป็นพ่อแทนหมอน โดยมีบอดี้การ์ดที่เขาให้ตามดูแลภิณอยู่ห่างๆ ทำหน้าที่คนขับ
"พ่อว่าภิณจะทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้นมากไปแล้วนะ อย่างวันนี้พ่อไม่ชอบเลยที่ภิณไปนอนหลับอยู่ในห้องกับเขา ภิณรู้ไหมว่ามันอันตรายมาก ถ้าเขาเกิดทำอะไรภิณขึ้นมา ภิณจะทำยังไง แล้ววันนี้เลิกเรียนเร็วก็ไม่โทรบอกพ่อ ถ้าภิณยังทำแบบนี้อีกพ่อจะให้บอดี้การ์ดตามดูแลภิณตลอดเวลา" ภูเอ่ยกับลูกสาวที่ลุกขึ้นมานั่ง แต่ยังมีอาการงัวเงีย ยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง
"ไม่เอานะคะ ภิณไม่ชอบให้พี่บอดี้การ์ดไปไหนมาไหนด้วย มันเหมือนภิณเป็นนักโทษ ส่วนเรื่องลุง ลุงไว้ใจได้ค่ะ ลุงไม่ได้ทำอะไรภิณเลย แถมยังเลี้ยงเค้กภิณด้วย"
"ต่อไปภิณห้ามไปหาเขาอีก" ภูยื่นคำขาดกับลูกสาว
"ภิณขอเหตุผลค่ะ" ภิณเงยหน้ามองคนเป็นพ่อหน้ามุ่ย
"เพราะเขาเป็นผู้ชาย ภิณเป็นผู้หญิง มันไม่สมควรที่ทั้งสองคนจะอยู่กันตามลำพัง"
"เหตุผลไม่เพียงพอค่ะ"
"ภิณ พ่อตามใจภิณมากไปใช่ไหม" น้ำเสียงคนเป็นพ่อเย็นยะเยียบแฝงความไม่พอใจ
"คุณพ่อเข้าใจภิณที่สุด รักภิณที่สุด ภิณรักคุณพ่อ แต่ภิณอยากไปหาลุง" คนตัวเล็กกอดซบอย่างออดอ้อนเมื่อเห็นคนเป็นพ่อโกรธ
"ภิณชอบเขาเหรอลูก" ใบหน้าของคนเป็นพ่อปรากฏความยุ่งยากใจอย่างเห็นได้ชัด
"ชอบค่ะ ก็ลุงช่วยภิณไว้ตั้งหลายครั้ง" คำตอบของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อตกใจอยู่ในที ก่อนจะรู้สึกโล่งอกขึ้นเมื่อได้ฟังประโยคถัดมา
"ที่ภิณไปหาเขาเพราะอยากตอบแทนที่เขาช่วยภิณไว้ พ่อเข้าใจถูกไหม"
"ภิณอยากเจอลุงค่ะ"
"ตอบไม่ตรงคำถาม"
"ภิณก็อยากตอบแทนลุงด้วยค่ะ แต่อยากเจอลุงมากกว่า"
"ปกติภิณก็ไม่เคยไว้ใจคนอื่นง่ายๆ แล้วทำไมกับผู้ชายคนนี้ภิณถึงไว้ใจเขาจังเลยลูก"
"ก็ลุงเขาปกป้องภิณได้ เหมือนที่คุณพ่อปกป้องภิณไงคะ คุณพ่ออย่าห้ามให้ภิณไปหาลุงเลยนะคะ นะคะคุณพ่อ" ภิณกระเถิบขึ้นไปนั่งตักคนเป็นพ่อ กอดซบออดอ้อนออเซาะยิ่งขึ้น
"โอเคๆ" ภูรับคำลูกสาว เมื่อได้คำตอบที่พอใจเธอจึงผละออกและโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มคนเป็นพ่อฟอดใหญ่
"ขอบคุณค่ะ ภิณรักคุณพ่อที่สุดเลย" รอยยิ้มกว้างเผยบนใบหน้า แล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักคนเป็นพ่อ
มืออุ่นหนาลูบที่ผมนุ่มของลูกสาวเบาๆ พลางนึกถึงบัว หลานสาวคนโตที่ตอนนี้ได้มีคนรักไปแล้ว ทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อสะท้านไหว เมื่อนึกถึงวันที่ลูกสาวเพียงคนเดียวจะเดินออกจากอ้อมอกของเขาไปสู่อ้อมอกของผู้ชายคนอื่น และดูเหมือนว่าตอนนี้ลูกสาวของเขาอาจจะมีความรู้สึกที่จะรักใครเพิ่มมาอีกคน เพียงแค่เธอยังเด็กอาจจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่มันคืออะไร
สนามแข่งรถ
เสียงเครื่องยนต์ เสียงล้อบดเบียดกับพื้นถนนดังสนั่นไปทั่วสนามแข่งรถในช่วงเวลาเกือบห้าทุ่ม ไฟทั้งสนามถูกเปิดจนสว่างจ้า
"หึ กลางวันหายหัว กูว่านายมึงติดเด็กชัวร์" นิคพูดกับหัวหน้าช่างประจำทีม ทั้งคู่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์มองรถที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
"มาถึงสนามเกือบสองทุ่ม จนตอนนี้ยังไม่หยุดซ้อมเลยครับ"
"ขับแบบนี้อย่าเรียกว่าซ้อมเลย เรียกว่าขับระบายอารมณ์จะดีกว่า" นิคว่าพลางส่ายหน้าไปมา สงสัยว่าการแข่งขันครั้งนี้ทีมคงจะพลาดแชมป์เป็นแน่ ถ้านักแข่งของทีมยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
"ตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดคราวที่แล้ว ผมว่าอารมณ์คุณรัณย์ไม่ค่อยปกติเลยนะครับ"
"กูก็รู้สึกแบบนั้น แล้วพักนี้ก็เข้าร้านบ่อย ปกติกูพูดจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่ยอมเข้า กูว่ามันต้องมีอะไร"
"แล้วพนักงานที่ร้านไม่รายงานคุณนิคเหรอครับ ปกติก็เห็นรายงานทุกเรื่อง"
"ก็บอกแค่ว่าเข้าไปทำงาน วันนี้ก็ซื้อเพชรจากลูกค้าที่มาปล่อย แต่ที่น่าแปลกทำไมมันยอมทุ่มเงินขนาดนั้นถึงจะบอกว่าน้ำงามก็เถอะ ทั้งที่สามารถกดราคาได้มากกว่านี้" สีหน้าของนิคฉายแววความสงสัยใคร่รู้อย่างมาก
คอนโดมิเนียม
รัณย์ล้มตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างหลังจากกลับจากสนามแข่งรถในเวลาเกือบตีสาม ดวงตาคู่คมเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่ง ความคิดไหลวนไปมาไม่สิ้นสุดทั้งเรื่องแข่งรถ ทั้งเรื่องของเด็กสาวที่เข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากเกินไป
"ภิณอายุสิบสอง ภิณไม่เด็กแล้ว"
"อายุสิบสอง.....โธ่เว้ย! กูเป็นบ้าอะไรของกูวะ" รัณย์ลุกขึ้นมานั่งอย่างคนหัวเสีย ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำไป
เสียงน้ำจากฝักบัวไหลผ่านตั้งแต่ศีรษะเรื่อยรินผ่านผิวหน้าระลงไปยังต้นคอจรดปลายเท้า พยายามอาบน้ำชำระล้างร่างกายราวกับจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างไหลไปกับสายน้ำ แต่สิ่งที่ยากจะสลัดออกได้กลับเป็นใบหน้าจิ้มลิ้ม พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ กลิ่นกายเด็กสาวที่หอมติดจมูกยามที่เธอซบหน้าออดอ้อนที่ไหล่แกร่ง มือเล็กนุ่มนิ่มยามที่เธอเกาะกุมลำแขนแข็งแรง
คนตัวสูงสะบัดศีรษะไปมาสองสามทีไล่ความคิดฟุ้งซ่าน มองใบหน้าของตัวเองผ่านกระจกพลางลูบไล้แชมพูลงบนเส้นผม นิ้วแกร่งนวดขมับวนไปมาปล่อยความคิดให้แล่นวนไปเรื่อยเปื่อยเหมือนสายน้ำที่ไหลเวียน
เขาลูบสบู่บนผิวเปียกลื่นไล้เรื่อยไปทั่วกล้ามแขน ก่อนจะหลับตาลงแล้วเลื่อนมือถูสบู่ลงไปหน้าท้อง ชะงักมือที่กำลังเลื่อนต่ำลงไปอีกเมื่อบทสนทนาของเขากับพ่อของเด็กสาวแว้บเข้ามาในหัว เปลี่ยนใจเป็นสัมผัสที่แผงอกแน่นไปด้วยเลือดเนื้อความเป็นชาย ปล่อยสายน้ำไหลไปทั่วร่าง อาบจนร่างกายหอมกรุ่นไปทั้งตัว
รัณย์ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงหลังจากเช็ดผมตัวเองเสร็จ มือหนาเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วหยิบกล่องดนตรีลูกแก้วหิมะขึ้นมาพินิจพิจารณา ด้านในลูกแก้วที่เป็นตุ๊กตาปั้นม้าสีขาวกับตุ๊กตาคนชายหญิงกำลังกุมมือซึ่งกันและกันท่ามกลางหิมะ
รัณย์เปิดเพลงจากกล่องดนตรีซึ่งเป็นท่อนหนึ่งของเพลง Winter Love Song (Ost.Winter Sonara เพลงรักในสานลมหนาว) นั้นแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะตวัดขาขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอน หลับไปพร้อมกับเสียงดนตรี
วันต่อมา
รัณย์ถอนหายใจหนักๆ เมื่อเขาพาตัวเองมายังห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านจิลเวลรี่ของเขาในเวลาเดิมที่เด็กสาวจะมา ขาเรียวยาวราวกับนายแบบก้าวเดินเข้าไปยังร้านกาแฟ สายตากวาดมองชิ้นเค้กในตู้
"อย่างละชิ้นครับ แล้วก็ชาเขียวปั่นแก้วใหญ่ใส่วิปครีม" ร่างสูงสั่งเค้กทุกชนิดที่มีในตู้กับพนักงาน และชาเขียวปั่นอีกหนึ่งแก้ว
"รัณย์คะ" น้ำเสียงหวานๆ ของหญิงสาวดังขึ้นขณะที่กำลังเดินออกจากร้านกาแฟ รัณย์ลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
"ซื้ออะไรเยอะแยะเลยคะ แพรพึ่งรู้นะคะว่ารัณย์ชอบดื่มเครื่องดื่มหวานๆ อย่างชาเขียวแก้วนี้ด้วย" แพรเอ่ยอย่างมีจริตจะก้านเข้าถึงเนื้อถึงตัว
"ลุงเขาซื้อให้ภิณค่ะ" น้ำเสียงใสๆ ของเด็กสาวดังขึ้น
"เด็กวันนั้นนี่ ตกลงรัณย์กับยัยเด็กนี่เป็นอะไรกันคะ" แพรถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ลุง ภิณอยากกินเค้กแล้ว เราไปกันเถอะ" ภิณทำเป็นไม่สนใจผู้หญิงตรงหน้า เข้าไปแทรกกลางจนแพรต้องถอยหลังไปสองก้าว คนตัวเล็กได้ทีคล้องแขนแกร่งของคนตัวสูงไว้ทันที ออกแรงฉุดกระชากให้เดินตามเธอมา
"นี่!! ยัยเด็กบ้า" แพรแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
"ผมขอตัวก่อน" รัณย์บอกกับแพร
"รัณย์! รัณย์!" แพรร้องเรียก แต่เขาก็หาสนใจเธอไม่
"ลุงรู้ใช้ไหมล่ะว่าภิณจะมา เลยแวะซื้อเค้กให้ภิณ" คนตัวเล็กเอ่ยหน้าระรื่น ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา แล้วหยิบเค้กออกจากถุง
"ใครบอกว่าฉันซื้อให้เธอ"
"แล้วลุงซื้อให้ใคร อย่าบอกนะว่าลุงซื้อมากินเอง ไหนลุงบอกว่าไม่ชอบของหวานๆ ไง"
"จะกินก็กินไป อย่ามาพูดมาก น่ารำคาญ" รัณย์ว่าอย่างฉุนเฉียว ก่อนเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน
"ชิ ทำมาดุ เดี๋ยวพรุ่งนี้ภิณก็ไม่มาให้ลุงดุแล้ว" ภิณว่าพลางตักเค้กแสนอร่อยเข้าปาก
"จะไปไหน" รัณย์ถามในทันทีอย่างลืมตัว
"ไปภูเก็ตกับครอบครัวค่ะ พอกลับมาก็เปิดเทอมพอดี ลุงต้องคิดถึงภิณมากๆ แน่เลยใช่ไหม"
"ใครจะไปคิดถึงเด็กอย่างเธอ ดีเสียอีกจะได้ไม่เกะกะลูกตา รีบกินแล้วก็รีบกลับไปเลย"
"ไล่อีกละ แล้วภิณก็โตแล้ว ทำไมชอบว่าภิณเป็นเด็ก ภิณต้องทำยังไงให้ลุงเห็นว่าภิณโตแล้ว"
"ไว้เธออายุสิบแปดก่อนเหอะ"
"ทำไมต้องสิบแปดด้วย"
"ปวดประสาทจริงๆ เลยเว้ย" รัณย์ยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองพลางนวดคลึงเบาๆ
"ภิณไม่ถามแล้วก็ได้ เดี๋ยวลุงเส้นเลือดในสมองแตกตายเสียก่อน"
"ลุง...ภิณต้องคิดถึงลุงแน่ๆ เลย ลุงจะมาที่นี่ทุกวันไหม" คนตัวเล็กสงบปากสงบคำไปได้เพียงครู่ก็เอ่ยถามคำถามขึ้นมาอีก
"ทำไม?"
"ก็พี่สาวคนสวยเคยบอกว่าลุงไม่ค่อยมาที่นี่ ส่วนมากลุงจะไปสนามแข่งรถที่อยู่ไกลๆ ถ้าลุงไปสนามแข่งรถ ภิณก็ไปหาลุงไม่ได้ แต่ถ้าลุงมาที่นี่ หลังเลิกเรียนภิณก็ยังมาหาลุงได้"
"งั้นฉันจะไม่มาที่นี่" เขาบอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
"ลุงไม่อยากเจอภิณขนาดนั้นเลยเหรอ" แววตาของคนตัวเล็กวูบไหวเมื่อเขาไม่อยากเจอเธอเหมือนอย่างที่เธออยากเจอเขา
"ใช่ไง พึ่งรู้ตัวหรือไง" คนปากไม่ตรงกับใจกระแทกเสียงเอ่ยว่าอย่างไม่สนความรู้สึกคนฟัง
"โอเค ตั้งแต่พรุ่งนี้ลุงก็จะไม่ได้เห็นหน้าภิณที่นี่อีก แต่วันนี้ลุงอย่าไล่ภิณได้ไหม ภิณขอคุณพ่อแล้ว คุณพ่อจะมารับภิณตอนสองทุ่ม ภิณจะนั่งเฉยๆ ไม่กวนลุงหรอก"
"อยากทำอะไรก็เรื่องของเธอ" พูดจบคนตัวสูงก็เดินออกจากห้องทำงานไปทันที โดยที่คนตัวเล็กก็ไม่คิดจะเอ่ยเรียก ได้แต่มองตามเขาเดินลับตาไปเงียบๆ