หลังจากที่คนตัวเล็กกลับไป รัณย์ไปที่สนามแข่งรถของเขาทันที และนำรถแข่งลงสนาม ขับรถระบายอารมณ์และความรู้สึกสับสนของตัวเองเหมือนอย่างเคย
"หลายวันมานี้มึงเป็นอะไร" นิคถามหลังจากรัณย์ได้ระบายอารมณ์ด้วยการขับรถไปเกือบสามชั่วโมง แต่อารมณ์ของเขายังคงคั่งค้างไม่สามารถจัดการความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองได้ ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของเด็กสาวยังคงฉายชัดในโสตประสาท
"เรื่องของกู" รัณย์ตอบด้วยน้ำเสียงแข็งขึงพลางถอดถุงมือ ผ้าคลุมหน้าออก แล้วโยนไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง สองมือค้ำกับโต๊ะ ก้มหน้าเครียดกับสิ่งที่ตัวเองเป็น
"เรื่องของมึงเหรอวะ แล้วที่ทุกคนอยู่ซ้อมด้วยความเหน็ดเหนื่อย อยู่รอมึงจนดึกจนดื่นแบบนี้มันก็เพราะเรื่องของมึงเปล่าวะ ทุกคนมีครอบครัวที่ต้องกลับไปหา แต่ทุกคนกลับต้องมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะทุกคนคิดว่าเราเป็นทีมเดียวกัน ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ แล้วพวกกูจะทำไปเพื่ออะไร มึงตอบกูดิว่าพวกกูจะทำเพื่อมึงไปทำไม" นิคเอ่ยด้วยอารมณ์เดือดดาลเมื่อได้ฟังคำพูดของลูกพี่ลูกน้องที่เขารักเหมือนน้องชายที่คลานตามกันมา
"กูขอโทษ ช่วงนี้กูมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย" รัณย์ชะงักไปกับคำพูดของนิค หันมาหานิคแต่ก็ไม่ยอมสบตาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนพิงโต๊ะทำงานตัวกว้าง
"ไม่นิดไม่หน่อยละมั่งถ้าเทียบกับอาการที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้ มีความรักเหรอวะ?" นิคลองหยั่งเชิง
"มึงไปรู้อะไรมา" สายตาคมวาวเพ่งมองนิคอย่างคาดคั้น
"หึ ร้อนตัว แสดงว่าจริง มึงรักใคร?" นิคแสยะยิ้มเมื่อเห็นท่าทีร้อนตัวของรัณย์
"ไม่รัก! กูไม่ได้รักใครทั้งนั้น คนเลวๆ อย่างกูมึงคิดว่ากูจะรักใครเป็น" รัณย์รีบปฏิเสธเสียงแข็งทันที ก่อนที่น้ำเสียงนั้นจะอ่อนลงเรื่อยๆ
"คนเลวก็มีหัวใจทำไมจะรักไม่ได้ ถ้าใจมันบอกให้รัก"
"แล้วมึงเคยได้ยินไหม รักที่เป็นไปไม่ได้"
"แสดงว่าตอนนี้มึงกำลังมีความรัก ผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นเป็นใครกันนะ กูชักอยากจะรู้แล้วสิ ใช่คนที่ทำให้มึงเข้าไปที่ร้านทุกวันหรือเปล่านะ" นิคเอ่ยด้วยสีหน้ายียวน
"มึงรู้อะไรมา" รัณย์กระชากคอเสื้อของนิคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง
"กูไม่รู้ ถ้ากูรู้กูคงไม่มายืนถามมึงแบบนี้ ก็เล่นขู่จะฆ่าทิ้งใครมันจะกล้ามารายงานกูว่ามึงซุกผู้หญิงไว้ที่ร้าน แต่ถ้ากูอยากรู้จริงๆ มึงก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องยาก แค่กูเข้าไปดูกล้องวงจรปิดของร้านแค่นี้กูก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่กูไม่ทำ กูจะรอให้มึงบอกกูเอง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของมึง แต่การแข่งครั้งนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของมึงคนเดียว มึงคือความหวังของทีม มึงเข้าใจที่กูพูดใช่ไหม" นิคตบบ่ารัณย์ก่อนจะเดินออกไป
"เธอทำอะไรกับฉัน...ทำอะไรกับฉัน...ทำไม...ฉันหยุดคิดถึงเธอไม่ได้...ยัยเด็กบ้า...โธ่เว้ย!!!"
"รักเป็นแล้วสินะ ชักอยากรู้แล้วสิ ไว้หลังจบการแข่งกูต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร" นิคยืนมองน้องชายที่กำลังสับสนในตัวเอง ยิ่งได้เห็นท่าทางกระวนกระวายใจของรัณย์ ยิ่งทำให้เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ทำให้น้องชายของเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้คือใครกัน
วันต่อมา
"อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนมึงนอนที่นี่" นิคเอ่ยถามเมื่อมาถึงสนามแข่งรถในช่วงสายของวันก็มาเจอรัณย์นั่งดื่มกาแฟที่ห้องทำงาน
"อืม" รัณย์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มตอบรับเสียงในลำคอ
"แล้ววันนี้ไม่เข้าร้านเหรอวะ" นิคทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวข้างๆ
"ถ้ากูไป มึงจะเห็นกูมานั่งตรงนี้ไหม"
"กวนตีนกูละ แล้วทำไมไม่ไป"
"มึงจะเอายังไงกับกู กูจะซ้อมก็จะให้กูเข้าร้าน พอกูเข้าร้านมึงก็บ่นว่ากูไม่มาซ้อม" รัณย์ตะคอกถามด้วยน้ำเสียงแข็งขึงออกมาเบาๆ
"ก็ไม่เอาไง จะลงซ้อมถามจริงว่าใจมึงพร้อม ไม่ใช่ขับระบายอารมณ์เหมือนสองสามวันที่ผ่านมานะเว้ย" นิคไหวไหล่เบาๆ กับคำยอกย้อนของน้องชาย ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"พร้อม กูเสียเวลามามากเกินพอแล้ว"
"สาวทิ้งเหรอวะ" คำถามของของนิคทำเอาคนที่กำลังกระดกกาแฟลงคอสำลักออกมา
"แค่กๆ...ทิ้งเชี้ยไร มึงเลิกกวนตีนกูแล้วไปเตรียมรถเลย อย่าให้มีปัญหานะมึง"
"หึ ถึงกับสำลัก...รถน่ะมันไม่มีปัญหาหรอก ตัวมึงเองนั่นแหละที่มีปัญหา" พูดจบนิคก็เดินออกไปทันที
"มึงจะพูดมากทำไมนักหนาวะ!!...กูจะลืมได้อยู่แล้วเชียว" รัณย์ตะโกนว่าตามหลัง ก่อนเสียงนั้นจะกลายเป็นเสียงพึมพำเอ่ยกับตัวเอง
ภูเก็ต
"ภิณเป็นอะไร ทำไมดูไม่ร่าเริงเลย" นาราถาม ขณะนั่งเรือข้ามไปยังเกาะอลินดา เมื่อเห็นภิณนั่งเกยคางบนแขนของตัวเองที่ราวระเบียงท้ายเรือมีท่าทีเหม่อลอยไม่สดใสเหมือนอย่างเคย
"ภิณแค่คิดอะไรนิดหน่อย" ภิณตอบเสียงแผ่วเบา สายตายังคงทอดมองไปอย่างไร้จุดหมาย
"คิดอะไร บอกนาราได้ไหม" นาราหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ หันหน้าเข้าหากัน
"นาราเคยคิดถึงใครเวลาที่ต้องอยู่ไกลกันไหม"
"เคยสิ" นาราตอบพร้อมทั้งระบายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคนที่เธอคิดถึง
"จริงเหรอ แล้วนาราทำยังไงเวลาที่คิดถึงเขา"
"ก็หาอะไรทำไปเรื่อย ไม่มานั่งคนเดียว คิดคนเดียวแบบที่ภิณกำลังทำอยู่แบบนี้"
"นาราคิดถึงใคร" ภิณถามด้วยความอยากรู้ ถึงทั้งคู่จะอยู่ไกลกัน แต่ก็สนิทกันมาก วิดีโอคอลคุยกันทุกวัน
"ถ้านาราบอกภิณ ภิณก็ต้องบอกนาราด้วยนะว่าภิณคิดถึงใคร สัญญาก่อน" นารายกมือขึ้นมาชูนิ้วก้อยยื่นออกส่งให้ภิณ
"สัญญา แล้วตกลงนาราคิดถึงใคร" ภิณเกี่ยวนิ้วก้อยกับนาราให้คำมั่นสัญญา
"นาราคิดถึงพี่โซน" นาราบอกด้วยรอยยิ้มมีความสุข
"จริง? นาราชอบพี่โซนเหรอ" ภิณตาโต เอ่ยถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"ภิณอย่าเสียงดังสิ นาราไม่อยากให้ใครรู้" นารารีบยกมือปิดปากของภิณไว้ ดีที่พวกผู้ใหญ่อยู่ในห้องพักรับรองของเรือ ส่วนพวกพี่ๆ ก็นั่งชมวิวอยู่ที่หัวเรือกัน
"ก็มันตกใจนี่ ถ้าอาเดลรู้ได้ยิงพี่โซนไส้แตกแน่เลย"
"ก็อย่าให้รู้สิ ทีนี้ภิณก็บอกนารามาว่าภิณคิดถึงใคร"
"ภิณคิดถึงลุง"
"ลุง? ลุงไหน?"
"ลุงที่ช่วยภิณไว้ วันที่รถระเบิดที่สนามแข่งรถของพี่ธามไง"
"จริงดิ!! แต่เขาเป็นคนไม่ดีนะ" นารามีท่าทีเช่นเดียวกับภิณคือตาโต ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"ไม่จริง ถ้าลุงเป็นคนไม่ดีลุงคงไม่ช่วยภิณไว้ตั้งหลายครั้ง" ภิณเถียงเสียงแข็ง ใบหน้าบูดบึ้งขึ้นมาทันที
"นาราก็ไม่ได้อะไร ภิณอย่าพึ่งหัวร้อนสิ แต่เขาเคยช่วยภิณอีกงั้นเหรอ เขาช่วยอะไรภิณ"
"ลุงเคยช่วยภิณไม่ให้ถูกรถชนด้วย แล้วยังจ่ายค่าขนมเค้กให้ภิณตอนที่ภิณตังค์ไม่พอจ่าย ถึงลุงจะชอบดุ แต่จริงๆ แล้วลุงก็ใจดีนะ" ภิณระบายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่รัณย์ทำกับเธอ
"แต่เขาเป็นศัตรูกับแฟนพี่บัวนะ เขาก็เป็นคนไม่ดี"
"นาราอย่าว่าลุงของภิณสิ" ภิณว่านาราปากยู่ ท่าทีขึงขัง
"โอเคๆ นาราไม่ว่าแล้วก็ได้"
"นาราอย่าบอกเรื่องลุงกับใครนะ ถ้าคนอื่นรู้ คนอื่นก็ต้องว่าลุงเป็นคนไม่ดีอีก"
"นาราสัญญา ภิณก็อย่าบอกใครนะว่านาราชอบพี่โซน" นารายกมือขึ้นมาชูนิ้วก้อยตรงหน้าภิณอีกครั้ง
"ไม่บอกหรอก ภิณยังไม่อยากให้พี่โซนโดนอาเดลยิงไส้แตกตาย เรื่องที่เราคุยกันวันนี้จะเป็นความลับของเราสองคนนะ" ภิณเกี่ยวก้อยสัญญา สองสาวน้อยพยักหน้าให้คำมั่นสัญญาต่อกัน
สามวันที่รัณย์อยู่แต่สนามแข่งรถ เขาซ้อมอย่างหนัก ซ้อมชนิดที่ว่าไม่ลืมหูลืมตา ไม่พักไม่ผ่อน เพื่อที่ตัวเองจะได้เหนื่อย พอเหนื่อยเขาก็จะได้หลับโดยที่เขาไม่ต้องทนกับคำว่าคิดถึง จนทุกคนเกรงว่าร่างกายของเขาจะอ่อนล้าเกินไปเมื่อถึงวันแข่ง
"มึงเป็นบ้าอะไรวะถึงซ้อมเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ มึงซ้อมแบบนี้กูว่ามึงได้ตายก่อนถึงวันแข่ง" นิคต่อว่าด้วยความเหลืออด ขณะที่รัณย์กำลังยกเวทฟิตร่างกายหลังจากที่พึ่งซ้อมขับรถเสร็จ
"มึงจะเอายังไงกับกูกันแน่" รัณย์ถามเสียงขุ่นพลางใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อที่หน้าของตัวเอง
"มึงนั่นแหละจะเอายังไง เป็นบ้าอะไรของมึง ความพอดีอ่ะมึงรู้จักไหม ตั้งแต่ที่รถระเบิดวันนั้นมึงก็เปลี่ยนไป หรือจริงๆ แล้วหัวมึงได้รับความกระทบเทือนอย่างรุนแรง กูว่ามึงไปให้หมอตรวจให้ละเอียดอีกทีดีไหม"
"กูไม่ได้เป็นอะไร กูกลับคอนโดก่อน พรุ่งนี้กูอาจไม่มาซ้อม" รัณย์ถอดเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออก ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำที่อยู่ในห้องฟิตเนตนั้น
"เฮ้ย! อะไรของมึงวะ กูเริ่มตามอารมณ์มึงไม่ทันแล้วนะเว้ย" นิคโวยวายเสียงดังลั่นอย่างไม่เข้าใจ สามวันที่รัณย์เอาแต่ซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วจู่ๆ วันนี้บอกจะกลับคอนโดมิเนียม และวันพรุ่งนี้จะไม่มาซ้อม
คอนโดมิเนียม
"เธอกลับมาหรือยัง" รัณย์หยิบกล่องดนตรีลูกแก้วหิมะขึ้นมาเปิดวางลงบนเตียง ส่วนตัวเขานั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงนั้น เกยคางกับแขนแข็งแรงข้างหนึ่ง ยกมือหนาอีกข้างขึ้นมาใช้นิ้วชี้เขี่ยไปมาที่ลูกแก้วนั้นเบาๆ สายตาคมมองเกล็ดหิมะที่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาเกาะพราวบนตัวตุ๊กตา
รัณย์เข้าไปที่ร้านจิวเวลรี่ ก่อนเข้าไปที่ร้านเขาก็จะซื้อเค้กติดมือไปด้วย เขารอจนถึงเวลาสองทุ่ม เขาทำแบบนี้ทุกวันจนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์คนตัวเล็กก็ไม่มาหาเขา
"ยัยเด็กเลี้ยงแกะ" รัณย์กลับมาที่คอนโดมิเนียมเอ่ยว่ากับกล่องดนตรีลูกแก้วหิมะ ก่อนจะเปิดลิ้นชักแล้ววางมันไว้ในนั้นและปิดลิ้นชักนั้นอย่างแรง แล้วหยิบกุญแจรถออกจากห้องไป จุดหมายคือสนามแข่งรถของเขานั่นเอง