EP 3. บ้านน้อยหลังสีขาว
ดารินทร์หอบร่างเหนื่อยอ่อนกลับมาที่บ้าน มองป้ายประกาศขายบ้านด้วยหัวใจห่อเหี่ยว เธอสามารถอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ได้จนกว่าจะมีเจ้าของรายใหม่มาซื้อ หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้านที่เธอแสนรัก บ้านที่เต็มไปด้วยความสุข กลิ่นอบเค้กของมารดาหอมฟุ้งไปทั่วบ้านไม่เคยจางหาย ภาพเงาของบิดาที่รักการปลูกดอกกล้วยไม้เป็นชีวิตจิตใจกำลังเดินไปมาอยู่ในเรือนกล้วยไม้
ทว่าความสุขกลับอยู่กับเธอได้ไม่นานเมื่อมารดาที่รักยิ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ หลังจากนั้นบิดาก็พาภรรยาคนใหม่เข้ามา พร้อมกับเด็กหญิงซึ่งเป็นลูกติดของพิมลพรรณอายุน้อยกว่าเธอสองขวบชื่อว่า
‘อินตรา’
สองสาวต่างสายเลือดทว่ากลับถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเหมือนพี่น้องคลานตามกันออกมา และแล้วฝันร้ายก็มาเยือนดารินทร์อีกครั้ง เมื่อบิดาของเธอเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจตอนหญิงสาวอายุสิบสามปี แม่เลี้ยงที่เคยแสนดีมองเธอเหมือนตัวภาระที่ท่านอยากปัดออกไปให้พ้นตัว ทว่ากลับไม่สามารถทำได้ พิมลพรรณส่งเสียให้เธอร่ำเรียนเพื่อไม่ให้ชาวบ้านครหา กระนั้นก็ใช้งานดารินทร์ราวกับคนใช้คนหนึ่ง
“คุณพ่อคุณแม่ ดาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว” หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนพื้นกอดรูปบิดามารดาเอาไว้แน่น ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจเสียให้ได้
เธอร้องไห้จนผล็อยหลับไปจนไม่รู้ว่ามีใครบางคนยืนมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
“ดารินทร์เธอเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่ ทำไมถึงยอมอุ้มบุญให้กับคนที่ทำร้ายเธอมาตลอด” อเล็กซานโดรพิศมองใบหน้าหญิงสาวยามหลับ ประวัติคร่าวๆ ของหญิงสาวซึ่งมีชีวิตราบเรียบไม่หวือหวาถูกส่งถึงมือเขาหลังจากเธอเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาไม่กี่ชั่วโมง
ดารินทร์ โฉมพราย อายุ 27 ปี พนักงานบัญชีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ตลอดอายุ 27 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีแฟนหรือคบหากับชายหนุ่มคนใดฉันชู้สาว
ผู้หญิงหน้าตาเรียบๆ จืดชืดกับประวัติที่แทบไม่มีความน่าสนใจ ทว่าดวงตาของเธอกลับทำให้เขาไม่อาจปล่อยเธอไปได้ ดวงตากลมโตใสซื่อบอกเขาว่าเธอไม่ได้โกหก ยิ่งเมื่อมาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเธอด้วยตัวเองแล้ว เขายิ่งไม่สามารถทนเฉยอยู่ได้ เพราะถ้าหากว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขาจริง ความฝันที่มารดาของเขาอยากมีหลานก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
ดารินทร์ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบว่าตนอยู่ในอ้อมกอดของ อเล็กซานโดร
“คุณอเล็กซานโดร!” หญิงสาวตะลึงงันไปชั่วขณะ
“ปล่อยฉันลงนะคุณอเล็กซานโดร” เธอพยายามดิ้นทว่าชายหนุ่มกลับนิ่วหน้ามองหญิงสาวอย่างตำหนิ
“อย่าดิ้นเดี๋ยวเด็กเป็นอันตราย” เขาปรามเสียงขุ่น ซึ่งได้ผลหญิงสาวหยุดดิ้นทันที มือทั้งสองข้างรีบโอบรัดรอบคอของชายหนุ่มไว้ราวกับกลัวตก
“คุณจะพาฉันไปไหน” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเขาอุ้มเธอออกมานอกบ้าน รถลัมโบร์กีนีคันหรูจอดตระหง่านอยู่หน้าบ้านชั้นเดียวขนาดสามห้องนอน
“เธออยากได้ที่พักกับอาหารมิใช่หรือ”
“ใช่ฉันอยากได้ แต่ถ้าคุณหยิบยื่นมันเพราะความสมเพชละก็ไม่จำเป็น ฉันเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้ เด็กคนนี้อยู่ในท้องของฉันเติบโตขึ้นมาเพราะฉัน ฉะนั้นเขาก็คือลูกของฉัน ฉันจะเลี้ยงเขาเอง” หญิงสาวเชิดหน้าอย่างถือดี
ในขณะที่อเล็กซานโดรแทบไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูด เพราะเขามัวแต่สนใจกลิ่นกายสาว กลิ่นหอมอ่อนๆ ติดจมูก หอมกว่าน้ำหอมราคาแพงที่ผู้หญิงคนอื่นๆ พรมฉีดลงบนเรือนกาย มันเป็นกลิ่นหอมของแป้ง ยาสระผม และโลชั่นบำรุงผิว ผสานรวมกับกลิ่นกายสาวซึ่งมันมีฤทธิ์ร้ายแรงทำให้เขารู้สึกต้องการเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อเล็กซานโดรวางหญิงสาวลงอย่างหักห้ามความรู้สึก
“สบายใจได้ฉันไม่ได้สมเพชเธอเลยดารินทร์ ฉันแค่เป็นห่วงเด็กในท้องต่างหาก ฉันจะรอจนกว่าเด็กจะคลอดเพื่อตรวจดีเอ็นเอ ที่ทำแบบนี้เพราะฉันต้องการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ก่อนที่เธอและน้องสาวของเธอจะคิดแผนสกปรกมาแบล็กเมล์ฉัน”
“ขอให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณเลย แค่ขอให้คุณรักและเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้ดีก็พอ ฉันอยากให้เขามีอนาคตที่สดใส แน่นอนว่าถ้าเขาอยู่กับฉันเขาอาจไม่ได้โอกาสนั้น” ดารินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ลูบท้องเบาๆ อย่างแสนรัก
ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสวยขึ้นได้เพียงเพราะใบหน้าอ่อนโยนยามเอ่ยถึงลูกน้อยในครรภ์
อเล็กซานโดรเบือนหน้าหนีแล้วขับรถออกไปยังท้องถนนที่ทอดยาวเบื้องหน้า ใจก็ครุ่นคิดว่าจะพาเธอไปที่ไหนดี ที่คฤหาสน์ของเขานั้นบิดามารดาไม่อยู่เพราะพากันเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ รอบโลกกว่าจะกลับคงอีกหลายเดือน แต่จะให้เธออยู่กับเขาเห็นจะไม่ดีแน่ ขนาดเธอท้องโตยังสามารถเขย่าอารมณ์เขาได้ถึงเพียงนี้ ขืนใกล้ชิดไปมากกว่านี้อาจเป็นอันตรายต่อหัวใจเย็นชาของเขา
คงต้องให้เธอพักเรือนหลังเล็กด้านหลังคฤหาสน์เป็นดีที่สุด ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลหูไกลตาจนเกินไปนัก ชายหนุ่มคิดได้เสร็จสรรพก็เหลือบมองหญิงสาวข้างกาย พบว่าเธอหลับไปแล้ว คงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เพราะไม่ใช่ตัวคนเดียวจะไปไหนมาไหนก็คงลำบากไม่น้อย