EP 4. บ้านน้อยหลังสีขาว
“ดารินทร์ตื่นได้แล้ว” หนุ่มลูกครึ่งละตินอเมริกันปลุกหญิงสาว เมื่อเห็นเธอขยับตัวตื่นเขาจึงเดินลงมาจากรถ หญิงสาวกะพริบตาขึ้นลงช้าๆ ทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกครั้งแล้วเปิดประตูรถออกมาหยุดยืนด้านนอก แหงนมองคฤหาสน์สีน้ำตาลอ่อนตัดกับสีขาวสไตล์วิกตอเรียน แม้จะหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์ทว่ากลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติก ราวกับหนังรักที่เธอชอบดูอยู่เนืองๆ
ดารินทร์เหลือบมองชายผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าเขาจะมีบ้านเช่นนี้ เพราะมันช่างไม่เข้ากับรูปร่างบึกบึน ดวงตากร้าวเย็นชาเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“ยิ้มอะไรนักหนา” เขาตะคอกเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ คฤหาสน์หลังนี้บิดามารดาของเขาเป็นคนออกแบบ มันจึงดูหวานอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก ซึ่งเขารู้ดีว่ามันไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด
“แค่ยิ้มฉันก็ไม่มีสิทธิ์หรือคะ” หญิงสาวตอบแล้วแอบเบ้ปาก นึกเกลียดท่าทางวางอำนาจของเขาเสียเหลือเกิน
“อย่าคิดว่าฉันจะให้สิทธิ์เธออยู่บ้านหลังนี้ ส่วนของเธอคือเรือนเล็กด้านหลัง พอครบกำหนดเด็กคลอดเมื่อไหร่ฉันจะตรวจดีเอ็นเอทันที แต่ความจริงจะตรวจตอนนี้เลยก็ย่อมได้ ถ้าเธอตกลงเรื่องราวมันจะได้จบๆ ไป”
“ไม่ค่ะต้องรอให้คลอดออกมาแล้วเท่านั้น การเจาะน้ำคร่ำตรวจมันอันตรายเกินไป ฉันไม่ยอมเด็ดขาด” หญิงสาวโอบท้องเอาไว้อย่างแสนรัก
“ดูเธอจะรักเด็กนี่เหลือเกินทั้งที่มันทำให้เธอต้องลาออกจากงาน ชีวิตเธอวุ่นวายก็เพราะเด็กนี่ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะปกป้องอย่างนั้นหรือ” เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาจ้องจับอยู่บนใบหน้านวลที่เม้มริมฝีปากเข้าหากันสนิท เชิดจมูกรั้นขึ้นอย่างไม่พอใจคำถามของเขา
“เขาอยู่ในท้องของฉันมาถึงห้าเดือนเศษ ฉันเฝ้าดูแลเขามาตลอด ถ้าฉันไม่รักเขาสิถึงต้องเรียกว่าแปลก” เธอเถียงอย่างไม่ลดละ
“เตรียมใจไว้บ้างก็ดีเพราะถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน แน่นอนว่าเธอจะไม่มีสิทธิ์ในตัวเด็กอีก ตามฉันมา” พูดจบก็หมุนตัวแล้วก้าวยาวอาดๆ นำหน้าดารินทร์ไป โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของเขาได้ทำลายหัวใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจนน้ำตาคลอ เธอกำมือเข้าหากันแน่น ได้แต่พร่ำบอกตนเองว่าให้อดทน
อดทนอีกนิดนะดา เพื่ออนาคตที่สดใสของเด็กในท้อง เธอไม่ควรเห็นแก่ตัวเก็บเด็กเอาไว้ เด็กควรได้รับการดูแลจากพ่อของเขา เธอทำถูกแล้วดา ทำถูกแล้ว...
บ้านไม้สีขาวชั้นเดียวท่าทางคงปิดตายเอาไว้นาน กระนั้นก็เห็นได้ชัดว่ามีคนมาคอยทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูไม่ขาด ดารินทร์เดินเข้าไปในบ้านซึ่งมีห้องรับแขก ห้องนอน และห้องครัวขนาดกะทัดรัดแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน เธอค่อนข้างพอใจมากทีเดียว
“ขอบคุณนะคะคุณอเล็กซานโดร” หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยขอบคุณจากใจ ทว่าอีกฝ่ายกลับตีหน้ายักษ์ราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“ไม่ต้องขอบใจฉันเพราะฉันไม่ได้ทำให้เธอ พรุ่งนี้ทนายของฉันจะมาร่างสัญญา ว่าหากผลตรวจดีเอ็นเอออกมาว่าเป็นลูกฉันเธอจะได้รับเงินหนึ่งล้านบาทเป็นค่าอุ้มบุญ และไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในตัวเด็กคนนี้อีกเป็นอันขาด”
“ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ ฉันแค่อยากมาเยี่ยมหรือมาหาแกบ้างก็เท่านั้นเอง ทำไมคุณถึงได้ใจดำนัก” ดารินทร์ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำร้ายจิตใจเธอได้อย่างเลือดเย็น เธออุ้มท้องจนคลอดแต่กลับไม่ให้แม้แต่แตะต้องเด็ก
“ไม่ได้” ปฏิเสธเสียงเฉียบขาด
“คุณใจดำมาก ฉันไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น ลูกในท้องนี่เป็นลูกของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรือลูกของอินตรา ฉันขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าอยู่ภายใต้การดูแลของคุณ” หญิงสาวสะบัดหน้าแล้วทำท่าจะเดินหนีทว่า อเล็กซานโดรกลับใช้เรือนกายแข็งแกร่งของเขายืนขวางประตูเอาไว้
“เมื่อเธอก้าวเข้ามาที่นี่ เธอไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจ จะยอมเซ็นหรือจะรอขึ้นศาล คิดดูให้ดีนะดารินทร์ว่าเธอมีทางเลือกกี่ทาง” มือหนึ่งเท้าประตูเอาไว้อย่างวางอำนาจ อีกมือหนึ่งยื่นมาเชยคางของหญิงสาวแล้วดันขึ้นเพื่อให้เธอสบตาเขาได้อย่างถนัดถนี่
“ไม่มีทางให้ฉันเลือกเลยสักทางต่างหาก” หญิงสาวเบือนหน้าหนี รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นมาจุกอยู่บริเวณลำคอ ใต้ตาร้อนผ่าวแค่เพียงคิดว่าเธอจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าเด็กในท้อง แค่คิดหัวใจของเธอก็แตกสลาย
“เพราะถ้าฉันมีทางเลือก แน่นอนว่าฉันจะไม่มีวันเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือจากคนใจยักษ์อย่างคุณ ถ้าฉันรู้ ฉันจะหนีไปให้ไกลที่สุด...”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แล้วรั้งร่างบางเข้ามากอด มันคงจะรู้สึกดีกว่านี้หากไม่มีท้องของเธอคอยขวางเขาเอาไว้
“ปล่อยฉันนะคุณอเล็กซานโดร ฉันเป็นแค่คนอุ้มบุญไม่ได้เป็น อีหนูของคุณ คุณจะมาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” สองมือเล็กๆ พยายามดันที่แผงอกกว้างทว่าเขากลับไม่สะทกสะท้านทั้งยังโน้มใบหน้าลงมาชิดแก้มอิ่ม จนลมหายใจร้อนๆ เป่ารดแก้มนวลและลำคอระหง ขนอ่อนบริเวณนั้นลุกชัน หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะกระโจนออกมานอกอก