EP 2. อุ้มท้องตามหาพ่อของลูก
“พูดเรื่องของเธอมาสิ” เขาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่มีท่าทีสนใจธุระที่หญิงสาวจะพูดเลยแม้แต่น้อย ดารินทร์กัดริมฝีปากเข้าหากันแน่น มือทั้งสองข้างที่โอบท้องเอาไว้เปลี่ยนมาผสานเข้าหากันราวกับกำลังเรียกกำลังใจ
“ถ้าจะมานั่งเฉยๆ ก็เชิญกลับออกไป ฉันไม่มีเวลาว่างนักหรอกนะ” เขาเหลือบมองเธออย่างตำหนิ จรดปากกาเซ็นลายมือชื่อลงไปในเอกสาร แล้วหยิบแฟ้มใหม่ออกมาเปิดอ่าน
เวลานี้ดารินทร์อยากร้องไห้ หรือวิ่งหนีกลับออกไปอย่างคนขลาดเขลา
เธอกลัวเขา!
ผู้ชายที่หล่ออย่างหาตัวจับได้ยากทว่ากลับดุกร้าวราวกับราชสีห์ แค่เขาส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ กวางสาวอย่างเธอก็ขวัญกระเจิงจนกู่ไม่กลับ แต่เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอต้องเผชิญหน้ากับเขา
“ฉันอุ้มท้องลูกของคุณค่ะ”
“...”
เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของตนเอง เมื่อเธอเอ่ยออกไปแล้ว ทว่าอเล็กซานโดรกลับยังคงอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองดารินทร์อย่างพินิจพิจารณา เนิ่นนานจนหญิงสาวรู้สึกประหม่า
“อะไรทำให้เธอคิดว่าเธอท้องกับฉัน ทั้งที่เราไม่เคยนอนด้วยกัน”
ใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อน ไหล่บางสั่นจนอีกฝ่ายสังเกตได้ กระนั้นเขาก็เลือกที่จะไล่ต้อนแม่กวางสาวตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“หรือว่าฉันเคยนอนกับเธอ แต่ฉันจำไม่ได้” เขาเอ่ยขึ้นอย่างพยายามทบทวนความจำ แล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่น่าจะใช่” มือหนาลูบที่ปลายคางแล้วมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประเมิน
“หน้าจืดๆ แบบนี้ต่อให้เมาสักแค่ไหน ฉันก็ไม่พาขึ้นเตียงแน่ๆ”
“กรุณาอย่าดูถูกดิฉัน” ดารินทร์เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ใบหน้ารูปไข่และริมฝีปากบางกระจิริดปราศจากสีสันสดใสของเครื่องสำอาง ผมสีดำสนิทรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ผิวของเธอขาวอิ่มมีน้ำมีนวลอย่างหญิงที่กำลังตั้งครรภ์
“ถ้าอย่างนั้นอะไรทำให้เธอเข้าใจว่าเธอท้องกับฉัน” เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ไขว้ขาข้างหนึ่งขึ้นพาดอีกข้าง นิ้วมือเรียวเคาะลงบนโต๊ะช้าๆ เป็นจังหวะ
“ฉันอุ้มบุญลูกของคุณค่ะ เด็กในท้องคือลูกของคุณกับอินตรา” หญิงสาวแถลงไขในที่สุด ทว่าชายหนุ่มกลับไม่มีท่าทางยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้รับฟัง
“ลูกฉันกับผู้หญิงแพศยาอย่างนั้นหรือ น่าขัน” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แล้วโน้มตัวเข้าหาหญิงสาว พิศมองเธออย่างจับผิด
“น้องสาวฉันไม่ใช่ผู้หญิงแพศยา แต่คุณต่างหากล่ะที่เป็นผู้ชายสารเลว” ดารินทร์โต้ตอบออกไปอย่างมีอารมณ์กรุ่นโกรธ อเล็กซานโดรเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อเขาโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ชายสารเลว
“ผมน่ะหรือสารเลว” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างขบขัน ทว่านั่นกลับยิ่งสร้างความเดือดดาลให้กับดารินทร์
“คุณทอดทิ้งน้องสาวฉันอย่างไม่ไยดี สำส่อน และมักมากทั้งที่ อินตรารักคุณ คุณปล่อยให้เธออุ้มท้องแล้วแท้งทั้งที่เธอพยายามมีลูกกับคุณ แล้วสุดท้ายคุณก็ขอหย่ากับเธอเพราะอยากใช้ชีวิตโสด เพื่อที่จะมั่วกับผู้หญิงครั้งละหลายๆ คนได้อย่างอิสระ แบบนี้ไม่เรียกว่าสารเลวจะให้เรียกว่าอะไรคะคุณอเล็กซานโดร”
ผู้หญิงหน้าจืดที่เขาปรามาสไว้ในตอนแรก หน้าแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธ และพร้อมจะตรงเข้าทำร้ายเขา หากว่าเขายังดูถูกน้องสาวของเธอ
“เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ก่อนที่หญิงสาวจะกล่าวหาเขาไปมากกว่านี้
“เธอไปเอาเรื่องเล่าพวกนี้มาจากไหน ฉันจะบอกให้นะว่าน้องสาวของเธอไม่เคยท้อง เราไปทำกิฟต์ด้วยกันนั่นเป็นเรื่องจริง แต่การทำครั้งนั้นมันไม่ประสบความสำเร็จ”
“ไม่จริง” ดารินทร์ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“อินตราโกหกฉันว่าท้อง จนกระทั่งแม่บ้านของฉันไปเห็นผ้าอนามัยใช้แล้วเข้า เรื่องราวโกหกจึงถูกเปิดโปง ฉันรับไม่ได้จึงขอหย่า นี่ต่างหากคือความจริง” อเล็กซานโดรแค่นยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของหญิงสาว
“ไม่จริง อินตราไม่ได้บอกฉันแบบนี้” หัวใจของเธอสั่น ด้วยรู้นิสัยของน้องสาวต่างสายเลือดเป็นอย่างดี กระนั้นด้วยความที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันเธอจึงเลือกที่จะเชื่อน้องสาว
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าตัวไม่มาด้วยล่ะ ทำไมปล่อยให้เธอมาคนเดียว”
ดูเหมือนคำถามของชายหนุ่มจะทำให้ดารินทร์ถึงกับเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เพราะเมื่อเธอกลับจากโรงพยาบาลหลังจากไปตรวจครรภ์ บ้านที่เคยซุกหัวนอนกลับว่างเปล่า บ้านถูกขายให้เจ้าของคนใหม่ แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
และนี่เป็นเหตุผลที่เธอต้องมาที่นี่ ดารินทร์ลาออกจากงานมาได้สองเดือนแล้ว เพราะอินตราสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีขอเพียงให้เธออุ้มท้องแทนหล่อน เธอหมายใจว่าเมื่อคลอดเด็กเมื่อไหร่ เธอจึงจะออกหางานอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้เธอกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวไปเสียแล้ว เมื่อบ้านของบิดาถูกแม่เลี้ยงขายแล้วเชิดเงินหนีอย่างไร้ร่องรอย
เธอไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูลูกในท้องจนคลอด
“ว่ายังไงล่ะดารินทร์ น้องสาวของเธอไปไหนเสียล่ะ ทำไมวันนี้ไม่มาด้วย หรือว่าอินตราใช้ให้เธอมารีดไถเงินจากฉัน” ชายหนุ่มกัดฟันเข้าหากันจนเป็นสันนูน แค่นึกถึงอดีตภรรยาเขาก็สะอิดสะเอียนจนอยากจะสำรอกออกมา
“ฉันไม่ได้มาเพราะเป็นตัวแทนของอินตรา แต่ฉันมาเพื่ออยากขอร้องคุณ คิดเสียว่าสงสารลูกของคุณเถอะค่ะ ถ้าหากคุณไม่ทราบเรื่องอุ้มบุญมาก่อน ฉันเดาว่าอินตราคงแอบเก็บน้ำเชื้อของคุณเอาไว้ตอนที่ไปทำกิฟต์ หลังจากที่อินตราแท้งเธอก็มาขอให้ฉันช่วยอุ้มบุญให้ ตอนนี้อินตราไม่อยู่ ฉันเองก็ไม่ทราบว่าอินตราหายไปไหน อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะคลอดแล้ว ฉันแค่อยากได้ที่พักและอาหารเพื่อรอจนกว่าเด็กจะคลอดออกมา”
“ที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์” เขาตอบห้วนอย่างไม่มีเมตตา
“คิดว่าสงสารเด็กเถอะค่ะ ถ้าฉันพอมีหนทาง ฉันคงไม่บากหน้ามาให้คุณดูถูกถึงขนาดนี้ ฉันคงเลี้ยงลูก...เด็กในท้องคนนี้ด้วยตัวฉันเอง”
เมื่อความเงียบของอีกฝ่ายคือคำตอบ ดารินทร์ก็ไม่อาจทนอยู่ได้อีกต่อไป เพียงแค่นี้เธอก็อับอายอย่างถึงที่สุดแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นยืนหมุนตัวหมายจะกลับ แต่แล้วเสียงทุ้มก็ดังแทรกขึ้น
“เก็บนิทานหลอกเด็กของเธอ แล้วไปบอกพ่อที่แท้จริงของเด็กเถอะ”
ดารินทร์หันกลับมาน้ำตาหยดโตร่วงเผาะ มิอาจกลั้นหยาดน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เธอเบือนหน้าหนีแล้วสาวเท้าก้าวออกไปอย่างเชื่องช้ามือข้างหนึ่งค้ำที่เอวเอาไว้ส่วนอีกข้างยกขึ้นปาดน้ำตาที่หลั่งริน
หัวใจของประธานบริษัทหนุ่มไหววูบ หญิงสาวเดินออกไปนานแล้วทว่าเขายังคงนั่งนิ่ง เมื่อตั้งสติได้เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อกดโทรออก
“ษิช่วยสืบประวัติของผู้หญิงคนหนึ่งให้ฉันหน่อย...”