ตอนที่ 7 หลงฤดู

2040 Words
แกร๊ง~ โหลดขนาดใหญ่กว่าหัวมนุษย์เล็กน้อย เรียงรายตรงหน้าพร้อมมีของเหลวสีแดงบรรจุหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็น ม้ากระทืบโรง กำลังช้างสาร กำลังเสือโคร่ง สาวสะดุ้ง สาวร้อยผัว โด่งไม่รู้ล้ม อะไรว่าดี เจ้าของร้านอย่าง ‘เวนิส’ ขนมาสต๊อกเอาไว้ในร้านยาดองของตัวเองหมด และนอกจากนั้นยังมีแอลกอฮอล์แบบธรรมดาจนถึงระดับนำเข้า ตั้งเรียงรายอยู่บนชั้นบานกระจกอย่างดีด้านหลัง มันหลากยี่ห้อและหลายชนิดจนตาลาย แต่ที่ตาลายเหมือนจะไม่ใช่มีขวดเหล้าค่อนข้างแพงเยอะ แต่เพราะคนมองกำลังเคลิ้มได้ที่ต่างหาก “แต่หัววันเลยนะ เป็นนารีขี้เมาหรือยังไง?” ชายหนุ่มเจ้าของร้านส่ายหน้า ยิ่งเห็นเพื่อนสมัยเด็กมาจับจองพื้นที่นั่งโต๊ะบาร์ยาวติดที่วางโหลยาดองยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจ “ก็มันไม่รู้จะไปที่ไหนนี่ ที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว” ถึงจะเริ่มมึนไปบ้าง แต่แพรววนิดยังพูดรู้เรื่องอยู่นะ ก่อนจะวางแก้วขนาดเล็กไปยังตรงหน้า เพื่อให้เจ้าของร้านเติมเครื่องดื่มให้อีกครั้ง “ขออีก” “มาร้านยาดอง แต่ไม่กินยาดอง เธอนี่มันไม่ให้เกียรติร้านฉันเลยนะแพง” เสียงทุ้มกำลังหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปรินแอลกอฮอล์ราคาแพงให้ครึ่งหนึ่ง และหันกลับมายื่นให้ “ทำไมถึงถูกใจเหล้ารัมล่ะ ปกติเธอชอบพวกวอดก้า หรือไม่ก็พวกเหล้าดองผลไม้ไม่ใช่เหรอ?” “แฟนพี่สาวชอบ พอลองชิมเลยติดใจไง” เจ้าหล่อนหยักคิ้วให้เจ้าของร้านหนุ่มอีกหนึ่งที ก่อนจะคว้าแก้วเป๊กมากระดกรวดเดียวหมด! “อ่า!!! ฟิน~” “เฮ้อ~” เวนิสหันกลับไปจัดเรียงของอีกครั้ง เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาร้านเปิด เลยต้องทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน “ไอ้เสี่ยนั่นมาอีกแล้วเหรอ? ถึงได้มาสิงที่ร้านฉันแบบนี้” คนกำลังอารมณ์ดีหน้าหงิกลงเมื่อได้ยินเรื่องที่พยายามหนีมาตั้งแต่ช่วงบ่ายของวัน ไม่รู้ว่าไอ้แก่หัวงูจะขยันอะไรนักหนา ถึงเทียวมาหาเจ้าหล่อนแบบนี้บ่อยนัก! “เออสิ! ไม่รู้ว่าจะอะไรกับฉันนักหนา ฉันทำขนาดนี้แล้วนะเวย์ ไม่รู้จริง ๆ หรือว่าฉันไม่ชอบเนี่ย!!” เจ้าหล่อนกระแทกแก้วดังปึง! ทำเอาบาร์ไม้สั่นทั้งแถว “เฮ้ย! อย่าทำลายของ ยาดองคว่ำขึ้นมาไม่มีขายกันพอดี” “คุณนายแจ่มจันทร์อะไรนั่นก็ด้วย ปกติหวงผัวอย่างกับจงอางหวงไข่ แต่ทำไมถึงปล่อยให้ไอ้เสี่ยเดชามาก้อร่อก้อติกฉันนักล่ะ!?! ไม่เข้าใจเลย!” แพรววนิดเริ่มเมาแล้ว แก้มใสแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ของเหล้ารัม ซึ่งตัวเองเอามาฝากไว้ที่นี่ เพราะเวลามานั่งหลบความจริง จะได้ดื่มย้อมใจไปด้วย ส่วนเพื่อนตัวเองได้แต่ถอนหายใจ และหันกลับไปมองเธออีกครั้ง หากว่าเจ้าหล่อนไม่พูดเรื่องนั้นออกมา เวนิสก็อยากจะเสนอตัวเป็นเจ้าบ่าวให้อยู่หรอก แต่ทุกครั้งที่เมา... “ถ้าหากว่าเขาไม่ปฏิเสธฉัน ฉันคงมีความสุข และไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้รำคาญใจแน่... ทำไมต้องปฏิเสธฉันด้วยนะ” แฝดคนน้องบ่นงึมงำอยู่ในลำคอ แต่มันเป็นประโยคที่เจ้าหล่อนพร่ำพูดเป็นประจำ มันเลยทำให้เขาจำได้ดีเลยว่า... มันหมายถึงอะไร เธอมีคนที่ชอบแล้ว และดูจะชอบมากเสียด้วย “นี่แพง ทำไมแกไม่หาคนอื่นล่ะ ตอนนี้ปู่เอี่ยมช่วยหาขนาดนั้น ไม่ถูกใจเลยเหรอ?” ชายหนุ่มวางงานทุกอย่าง และลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ เวลามองใบหน้าเวลาเมาของเจ้าหล่อน มันน่ารักดี “ถ้าอย่างนั้น...” “ฉันคงต้องการแค่เขา... มั้ง” ถ้าแค่หลงใหล คงไม่จดจำชายคนนั้นจนฝังลึกขนาดนี้ และการเจอกันอีกครั้ง ยังแถมมาด้วยรอยจูบที่ไม่เคยทำให้เธอหลับลงโดยไม่คิดถึงมันสักคืน ตอนนี้กล้าพูดได้เลยว่าแพรววนิด รักอาโรว์เข้าแล้วจริง ๆ แม้การตอบแทนความรู้สึกจากชายคนนั้น จะเป็นการปฏิเสธ อีกทั้งสีหน้าและดวงตาอันเรียบนิ่งก็ตาม แต่ในเมื่อมันรักไปแล้ว... จะให้ทำอย่างไร? “เฮ้อ~ แกก็ไปหาเขาสิวะ! มานั่งกระดกเหล้ามันจะได้มั้ย!?!” เวนิสลุกพรวด รู้สึกจี๊ดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น เจ้าหล่อนคงไม่หันมาพึ่งตัวเองแน่ ๆ “ไปหาได้ก็เท่านั้น นี่เวย์~ ทำอย่างไรถึงจะตัดใจจากคนที่ชอบมาก ๆ แบบ มากกกกกกก~ ได้ล่ะ?” หญิงสาวพูดลิ้นพันกันจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนคนที่พยายามตัดใจมาหลายครั้งแต่ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง ได้แต่มองคนกำลังคอตก จนฟุบลงไปกับบาร์ไม้ในที่สุด “ฉัน... ก็ไม่รู้” สาวโสดผู้ไม่เคยมีแฟนมาทั้งชีวิต ตอนนี้กำลังหมดสภาพอยู่บนหลังกว้างของเพื่อนสมัยเด็กอย่างเวนิส และมีน้องชาย ‘วานิส’ ประคองไม่ให้เธอไหลตกลงมาเสียก่อน เป็นความลำบากที่เคยชิน เพราะแพรววนิดนั้น เมาหลับที่ร้านเป็นประจำ “โตขนาดนี้แล้วยังจะเมาหมดสภาพแบบนี้อีก!” หญิงสูงวัย ตอนนี้อายุเธอไปไกลถึงเลขเจ็ดเข้าไปแล้ว แต่เรื่องความแข็งแรงนั้นไม่ต้องพูดถึง สามารถฟาดหลานสาวคนเล็กของตนได้สบาย ๆ “มันโตแต่ตัวครับย่าน้อย” เวนิสเข้าผสมโรงด้วย พยายามแบกเจ้าหล่อนเพื่อจะพาไปไว้ข้างบนชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องนอนของเธอ “ย่าก็ว่าอย่างนั้น ตื่นมาย่าจะตีให้เข็ด” ว่าแล้วก็ฟาดเข้ากลางหลังหลานสาวหนึ่งที โชคดีแค่ไหนที่ไม่เจอคนไม่ดี แต่เป็นเวนิส และวานิสที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก “เอาเลยครับ ผมเห็นด้วย” ชายหนุ่มวางหญิงสาวลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่ไม่วายเจ้าหล่อนรีบสะบัดหันไปเอาขาก่ายหมอนข้างทันที “ดูมันทำ!” คนเป็นย่ารู้สึกอายจนไม่รู้จะมองหน้าคนข้างกายอย่างไรดี “ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนจะนอนเข้าที่พอดีเลยนะครับย่าน้อย ผมกับไอ้วากลับก่อนดีกว่า” เวนิสยกมือขึ้นไหว้ พร้อมหันหลังเตรียมออกจากห้อง “ไม่กินข้าวก่อนหรือลูก ย่าทำกับข้าวเอาไว้เยอะเลย เอาไปกินกันนะ เดี๋ยวให้เด็กมันตักใส่ถุงให้” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดอะไร ดวงดารา หรือเรียกกันจนติดปากว่า ‘ย่าน้อย’ รีบกุลีกุจอลงไปข้างล่าง เพื่อจัดการตักทั้งข้าว และกับข้าวให้ชายหนุ่มทั้งสองทันที สองหนุ่มเดินกลับไปยังมอเตอร์ไซค์ของวานิส เพราะขามานอกจากจะต้องหอบร่างของแพรววนิดแล้ว ยังต้องขับรถยนต์คันโตของเธอมาส่งด้วย คนอายุเยอะมองตามทั้งคู่จนลับสายตา ก่อนจะส่ายศีรษะเบา ๆ “จะหาคู่ดูตัวอะไรให้มันวุ่นวาย อยู่ตรงนี้ทั้งคนไม่ใช่หรืออย่างไรกัน เฮ้อ!” เช้าวันใหม่ เจ้าของสวนเพื่อนแพงวันนี้ตื่นสายกว่าปกติ เพราะรู้สึกมึนหัวจนลุกไม่ขึ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดื่มเข้าไปเยอะแท้ ๆ แต่ไม่เข้าใจทำไมถึงเมาได้ถึงขนาดนี้ “มึนหัวชะมัด หรือไม่ได้ดื่มนานแล้วเหรอ? แค่อาทิตย์เดียวเองนะ!” เจ้าหล่อนนั่งคิดทบทวนบนเตียงนอนสีฟ้าสะอาดตาของตัวเอง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เพราะอะไร ตัวเองถึงได้คออ่อนกว่าเดิมขนาดนี้ “สงสัยต้องดื่มบ่อย ๆ แล้ว พะแพงคอแข็งคนเดิมจะได้กลับมา!” เป็นการมุ่งมั่นที่ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด แพรววนิดเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู จนกระทั่งเห็นข้อความจากพี่สาวฝาแฝดของตนส่งค้างเอาไว้ บอกว่า... “เราเป็นห่วงความปลอดภัยของนาย เลยจะส่งบอดี้การ์ดไปดูแลความปลอดภัยจนกว่านายหน้าพวกนั้นจะเลิกยุ่งกับนายนะ” แฝดคนน้องขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะกดปิดหน้าจอและโยนโทรศัพท์มือถือไปไว้ตรงปลายเตียงแทน “บอดี้การ์ดเหรอ? เออ! บอดี้การ์ด” ตอนนี้สมองของเธอยังทำงานไม่เต็มที่ ประมวลผลอะไรยังไม่ได้ เมื่อครู่แค่อ่านไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น เรื่องจับใจความ หรือเข้าใจแบบเต็มร้อย... เป็นศูนย์! แพรววนิดรีบเข้าไปคว้าผ้าขนหนู ก่อนจะจัดการธุระของตัวเองจนเรียบร้อย เพื่อไปเยี่ยมชมผลประกอบการที่กำลังงอกเงยให้ภูมิใจในสวนแห่งนี้อย่างที่ชอบทำทุกวัน สวน ‘เพื่อนแพง’ เมื่อก่อนเคยเป็นสวนส้มมาก่อน แต่ด้วยส้มราคาตก อีกทั้งไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ องอาจ หรือ ปู่เอี่ยม จึงค่อย ๆ เปลี่ยนพื้นที่ให้มีผลไม้อื่น ๆ เข้ามาอย่างละนิดละหน่อยแบบตามมีตามเกิด ถึงจะมีหมอต้นไม้ของเกษตรชุมชนมาให้คำแนะนำบ้าง แต่ผลผลิตยังไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจมากนัก บางปีขาดทุนก็มี ยิ่งช่วงราคาตกถึงกับเครียดเลยทีเดียว จนกระทั่งหลานสาวคนเล็กอย่างแพรววนิดหันมาทำเกษตรอย่างจริงจัง ตอนแรกเจ้าหล่อนเรียนที่เดียวกับพี่สาว ทั้งคณะ และสาขาเดียวกัน แต่ด้วยตัวเองไม่ชอบสังคมการทำงาน จึงลาออกตั้งแต่สัปดาห์แรก และมุ่งมานอนตีพุงเล่นที่บ้านสวนของปู่และย่าแทน จนกระทั่งเกิดอาการเบื่อจนทนไม่ไหว เลยจับจอบเสียมเข้าไปช่วยคนงานเก็บส้มขาย จนได้เห็นเจ้าทุเรียนราคามันเกินหน้าเกินตา ทั้ง ๆ ที่สวนเองก็มีอยู่หลายไร่ แต่ทำไมถึงไม่มีลูกสวย ๆ อย่างเขากันนะ!! จึงเป็นที่มาให้เจ้าหล่อนเริ่มศึกษาการทำเกษตรอย่างจริงจัง จนกระทั่งเริ่มได้ผลผลิตและเก็บเกี่ยว มีกำไรงอกงามอย่างทุกวันนี้ มันเริ่มจากความขี้เกียจและความอินโทรเวิร์ตของตัวเองล้วน ๆ ไซริงค์บนลำต้นใหญ่ มันปักตามแผลของต้นทุเรียนเก่าแก่ของสวน หลายเดือนที่เจ้าหล่อนรักษามา เวลาเข้ามาในส่วนนี้ทีไรเธอมักจะมาดูเป็นที่แรกเสมอ มือเล็กเปื้อนเล็กน้อยกำลังเปิดเปลือกของต้นออกดู พร้อมกับลุ้นในใจว่าขอให้มีด้วยเถิด ไอ้ราสีขาวดวง ๆ นั่น แต่... “เฮ้อ! ฝังเข็มก็แล้ว ทายาก็แล้ว ไม่หายอีกแฮะ! ราดำเป็นปื้นเชียว! “คุณแพง~ เสียงเรียกของคนงาน กำลังวิ่งมาแบบกระหืดกระหอบ มันทำให้เจ้าของสวนใจไม่ดีเท่าไหร่ “คือ... แฮ่ก ๆ แบบ... แฮ่ก ๆ” “หายใจก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยพูด ตรงนี้มีแค่ฉันนะคะ ถ้าเกิดเป็นอะไรไปฉันช่วยได้ไม่เยอะนะ” เรื่องปากเสียขอให้บอก แพรววนิดคนนี้ไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ “มีทุเรียนหลงฤดูครับ” ดูเหมือนจะเป็นข่าวดี แต่มันเป็นเรื่องปกติที่จะติดดอกและออกผลก่อนฤดูของมันบ้าง “อ่อ~ เอาไปแบ่งกันเถอะ รอบนี้กี่ลูกคะ?” เจ้าหล่อนหันไปดูต้นไม้ป่วยต่อ พร้อมคิดว่าจะไปปรึกษาใครดีเพื่อจะรักษาเจ้าต้นทุเรียนเก่าแก่ต้นนี้ให้หาย “ประมาณสามครับ” “สามลูกเหรอ? น้อยจัง” “ประมาณสามไร่ครับ” พอรู้จำนวนแพรววนิดหันพรึ่บทันที “กำลังออกพวงเลยครับ อีกไม่กี่วันน่าจะแทงดอกแล้วครับ” ต้นไม้ป่วยอะไรช่างมันก่อน ตอนนี้เจ้าหล่อนรีบสาวเท้าไปยังรถเอทีวีสีส้มดำทั้งคันของตัวเองเรียบร้อย! “ขึ้นมาค่ะ! เราจะไปดูเงินกัน!!” เพราะทุเรียนหลงฤดูเนี่ย... ราคาดีกว่าช่วงฤดูของมันอีกอย่างไรล่ะ!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD