อาหารจานแรกมาเสิร์ฟตรงหน้าของทั้งคู่ สำหรับชายหนุ่มมันดูเป็นของที่เลอค่า และน่าทานเป็นที่สุด แต่สำหรับกรรมกรสไตล์อย่างแพรววนิด สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ
‘ชิ้นเล็กจัง’
เธอทำอาหารไม่เก่งอย่างพี่สาว แต่สิ่งที่เจ้าหล่อนถนัดมากที่สุด คือการย่างเนื้อกลางแจ้ง เพราะจัดปาร์ตี้สุดสัปดาห์กับคนงานในสวนบ่อย บอกเลยว่ารสเลิศจนหลายคนเอ่ยปากชม แถมยังยุให้เปิดร้านอีกด้วย
และเนื้อที่แพรววนิดคนนี้นำขึ้นเตาแต่ละครั้ง ไม่ต่ำกว่าฝ่ามือทั้งสิ้น เพราะเคยชินกับอะไรแบบนี้หรือเปล่านะ จึงมองฟัวกราส์ราคาแพงตรงหน้า... ไม่ค่อยเหมาะกับราคาที่ต้องจ่ายเท่าไหร่
‘คิดถึงเนื้อย่างที่บ้านเลยแฮะ’
“จะเปลี่ยนเป็นซุป หรือเป็นอย่างอื่นก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมสั่งให้” คู่ดูตัวของเจ้าหล่อนยังคอยเอาใจเสมอ เมื่อเห็นว่าเธอจ้องมองอาหารตรงหน้าตาไม่กะพริบ
“ไม่เป็นไรค่ะ จานนี้ก็ได้” แพรววนิดยิ้มแหยออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจับมีดและส้อมขึ้นมาตัดเจ้าชิ้นตับห่านราคาแพงแบบพอดีคำเข้าปาก
“อร่อยใช่หรือเปล่าครับ ที่นี่ได้มิชลินสามดาว รสชาติผมว่าใกล้เคียงกับห้าดาวเลย” ชายหนุ่มยังคงละเมียดรสอย่างอย่างช้า ๆ แต่...
‘เวรละ! เผลอกินคำใหญ่เกินไป หมดจานแล้ว!’
เจ้าหล่อนสวบเจ้าของราคาแพงสองชิ้นเล็กหมดภายในสามคำ!
“ฮึ?” ชายหนุ่มมองความผิดปกติตรงหน้า แพรวนิดเอามือของตัวเองบังเอาไว้ ตอนนี้มันเหลือแต่ของแต่งจานเท่านั้น แต่ดูจานตรงข้ามสิ ยังพร่องไปไม่ถึงครึ่ง “สั่งเพิ่มดีหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ค่ะ ไม่ ๆ ฉัน... ฉันแค่... ไม่เคยมาร้านแบบนี้ และไม่รู้ว่าจะต้องกินอย่างไร ขอโทษด้วยนะคะ” เจ้าหล่อนหลับตาปี๋ ทั้งอาย และรู้สึกชาไปทั้งตัว ให้ตายเถอะ! ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากทำด้วยนะ
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถ้าคุณพะแพงชอบ... ผมจะพามาทานบ่อย ๆ จนกว่าจะชินเลย” ชายหนุ่มยังยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า แม้ในใจจะเหยียดหยามเจ้าหล่อนไม่น้อย
‘ยัยบ้านนอกเอ๊ย! ของแบบนี้ใครเขาเขมือบไปทั้งชิ้นกัน!?!’
เสียงประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดออกอีกครั้ง พร้อมร่างสูงกำยำเข้ามาภายในร้านอาหารสุดหรู พนักงานกำลังเดินเข้าไปหาลูกค้าตามหน้าที่ แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเขามันชัดเจนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
หมวกแก๊ปถูกขยับให้แน่นขึ้นอีกครั้ง พร้อมดึงปีกหมวกลงมาปิดใบหน้าเล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือผมบลอนด์ทองของตัวเองต่างหาก มันช่างเตะตา ขนาดเจ้าตัวย้อมมันหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายยังกลับมาที่สีเดิมอยู่อย่างนี้ จึงใส่หมดปิดบังเอาได้ แต่ถึงอย่างนั้น... มักบังไม่ค่อยมิดเท่าไหร่
ภาพของชายหนุ่มหญิงสาวกำลังพูดคุยกัน มันยิ่งทำให้อารมณ์ข้างในใจคุกรุ่น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองคนแก้มแดง เธอเขินอย่างนั้นหรือ? รู้สึกหงุดหงิดจังเลยแฮะ เมื่อคิดว่าเจ้าหล่อนกำลังโดนเสน่ห์คนอื่นดึงดูดไป และจะมาแทนที่ตน!
ร่างสูงใหญ่มาหยุดตรงโต๊ะเพียงหนึ่งเดียวที่มีลูกค้าของโซนนี้ ดวงตากลมช้อนขึ้นมองด้วยความสงสัย จนสบเข้ากับใบหน้าอันคุ้นเคย และดวงตาชวนหลงใหลคู่นั้น
“คะ... คุณ”
“มาทำอะไรที่นี่ครับ?” อาโรว์ถามขึ้น แถมยังกดเสียงต่ำจนดูน่ากลัว ใบหน้าหล่อจ้องลึกไปยังดวงหน้าสวย ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ยิ่งหงุดหงิด เจ้าหล่อนแต่งหน้าเพื่อมาเจอมันอย่างนั้นหรือ? ทั้งผมยาวที่ปล่อยเต็มแผ่นหลัง และชุดเดรสกระโปรงนี่ก็ด้วย!
“ทำไม?” แพรววนิดได้แต่ตะลึงกับภาพที่เห็น กว่าปีที่ไม่ได้เจอ แทนที่จะเจอกันอีกครั้งในที่ที่ดีกว่านี้ แต่ทำไมต้องเป็นที่นี่ ตอนนี้ แถมเจ้าหล่อนยังมาดูตัวอีก!
“คุณต่างหากมาทำอะไรที่นี่ ผมจองโซนนี้เอาไว้หมดแล้ว เชิญไปที่อื่นครับ” ชยกรตัวปลอมจ้องเขม็งไปยังชายต้องสงสัย แต่เมื่อเจอดวงตาเข้มตวัดใส่ มันเลยทำให้ความมั่นใจตกฮวบทันที
“ผมแค่มาตามเมียผมเท่านั้น”
เสียเรียบนิ่ง แต่ทำเอาหลายคนปากค้าง โดยเฉพาะคนที่เป็นเมียฉุกเฉินอย่างแพรววนิด เธอเลิกตามองคนตัวสูง นี่เขาหึงอย่างนั้นเหรอ? ไม่สิ จะเป็นไปได้อย่างไร ก็ชายคนนี้นี่แหละ ที่หักอกเจ้าหล่อนสองครั้งติด!!
แต่ใจเจ้ากรรมยังไม่เข็ด และเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอก! เขาหักออกเธอนะพะแพง ทำไมยังหวั่นไหวเหมือนเดิมไม่ต่างจากปีก่อนเลยยะ!?!
“โห!! มามุขนี้ ผมจะเอาอะไรไปสู้ครับเนี่ย!?!” ขุนศึกผู้ไม่รู้อะไร ติดตามเหตุการณ์จากเครื่องรับสัญญาณประจำตัว
“ให้ตายสิ!” แซนส่ายหน้าเล็กน้อย พร้อมกระดกยิ้มไปด้วย
“เดี๋ยวสิครับ ถ้าเป็นแบบแล้วจะยังไงต่อครับเนี่ย ถ้าบอกว่าคุณพะแพงคนนั้นเป็นเมีย ก็สามารถหาเรื่องพาเธอออกมาได้ใช่หรือเปล่า?” ค่อยยังชั่วที่มีคนกระชากทุกคนเข้ามาเรื่องงานอย่างแดนนี่อยู่
ส่วนคนที่ตามไปเพราะเป็นห่วง ได้แต่หัวเราะและยิ้มออกมาเบา ๆ “เราคงห่วงเกินไป นึกว่าจะขาดสติเดินดุ่ม ๆ ไปอุ้มเธอออกมาเสียอีก”
กลับมาที่ร้านอาหารอีกครั้ง
ตอนนี้สองสายตากำลังผสาน ชายทั้งสองจ้องกันไม่มีใครยอมกะพริบตา ก่อนมือหนาของชายผู้มาใหม่จะเข้าไปคว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยครับ” อาโรว์ออกคำสั่ง พร้อมฉุดเจ้าหล่อนให้ลุกขึ้น
“ดะ... เดี๋ยว!” แพรววนิดพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไร แต่หัวใจที่เต้นไม่เป็นสำตอนนี้... กลับรู้สึกดีไม่น้อย
“เดี๋ยวสิครับ” คู่ดูตัวไม่ยอมแพ้ เดินมาดักหน้าทั้งคู่ทันที ใบหน้ายิ้มตลอดเวลาตอนนี้งอง้ำ เรื่องอะไรที่จะปล่อยเหยื่อชั้นดีหลุดมือไป “คุณพะแพงนัดกับผม ทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะครับ”
“แต่เธอเป็นเมียผม การที่คุณมาเจอกับเธอแบบนี้ ใครกันแน่ที่เสียมารยาท” ดวงตาเข้มจ้องมองคนตรงหน้าด้วยโทสะ เลื่อนสายตามองฝ่ามือของชายตรงหน้า มันบังอาจมาจับมือคุณแพงของเขาอย่างนั้นสินะ
‘ตัดมันทิ้งดีหรือเปล่า?’
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” ชยกรตัวปลอมหัวเราะออกมาแบบไม่ปิดบัง ก่อนจะเปรยสายตาไปหาหญิงสาวผู้ยังตาค้างไม่เลิก “คุณพะแพงครับ หมอนี่เป็นสามีของคุณจริงหรือครับ?”
“คะ? ค่ะ เออ ไม่ค่ะ...” เจ้าหล่อนอยากจะปฏิเสธ แต่กลับถูกคนตรงหน้าตวัดสายตามาทางตัวเอง “... ค่ะ... เขาเป็นสามีของฉันเอง”
สุดท้ายจำใจต้องยอมรับ
“จริงหรือครับ แต่เท่าที่ผมรู้มา คุณยังไม่ได้แต่งงาน แถมยังไม่มีแฟนเลยนะครับ และการมาดูตัวกับผมคือเครื่องยืนยัน” ชยกรตัวปลอมก้าวเท้าหมายจะเข้าใกล้คู่ดูตัวของตน แต่กลับถูกชายร่างกำยำขวางเอาไว้ “ไม่ใช่ว่าจ้างเขามาหรือครับ ผู้ชายคนนี้”
อีกครั้งที่ชายหนุ่มทั้งสองผสานสายตากัน อาโรว์หรี่ตามองคนตรงหน้า ปกติแล้ว เมื่อได้เห็นคนที่ร่างกายใหญ่กว่า แถมหน้าไม่เป็นมิตรอย่างเขาต้องหลบสายตาแท้ ๆ แต่ชายคนนี้กลับจ้องกลับ... แถมยังเปิดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
‘ไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย’
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้จ้างเขามา เราสองคนรู้จักกันจริง ๆ ค่ะ”
ขนาดตัวเองยังไม่เข้าใจว่าจะแก้ตัวทำไม แม้ความจริงแล้วเธอจะพูดเรื่องจริงก็ตาม แพรววนิดมองทั้งคู่สลับกัน และหยุดที่ชายผู้เป็นคู่ดูตัวของวันนี้ “ขะ... ขอโทษด้วยนะคะ ฉันคงต้องขอตัว...”
“... ฮ่า ๆ ๆ คุณเนี่ย นิสัยไม่ดีเลยนะครับ ถ้าคิดจะปฏิเสธผมก็แค่บอกมาตรง ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเงินไปจ้างคนอื่นมาเลย”
“คือ...”
“ที่ผมพูดเอาไว้มันคือเรื่องจริงนะครับ ผมชอบคุณเพราะคุณน่ารักดี ถ้าจะลองคิดอยากจะสานต่อผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และ...” ดวงตาคมตวัดมองชายหน้านิ่งอีกครั้ง “...ไม่ต้องเสียเงินด้วย
“ฉันไม่ได้...”
จุ๊บ!!
เพราะโมโหจนขาดสติอย่างนั้นหรือ หรือว่าหวงเธอจนไม่รู้จะทำอย่างไร เพียงเสี้ยววินาทีที่ชายหนุ่มปล่อยให้ความรู้สึกอยู่เหนือการควบคุม ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนา
อย่างกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น คนที่ฟังอยู่นานหันไปคว้าแก้มนิ่ม พร้อมก้มลงไปประทับจูบบนริมฝีปากนิ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มกดมันแน่นขึ้น มากขึ้น อย่างต้องการประทับรอยของตนบนริมฝีปากเจ้าหล่อนไปตลอดกาล
หัวใจเต้นแรงจนแทบจะวายเสียตรงนี้ จูบแรกของชีวิต และยังเป็นการจูบโชว์คนอื่นเสียด้วย ดวงตากลมเปิดกว้างด้วยความตกใจ ความอุ่นจนร้อนกำลังซึมไปทั่วกลีบปากนิ่มของตัวเองอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ขนาดผ่านมาปีกว่า... กลับยังเหมือนเดิม
ดวงตากลมหลับลง พร้อมความหวานกำลังแพร่เข้ามาทีละน้อย
ปึก ๆ ๆ ๆ
เสียงฝ่ามือกำลังฟาดเข้าหลังกว้างของรุ่นน้อง จนเขาเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แน่ล่ะ มันเป็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เมื่อได้เห็นยิ่งทำให้รู้สึกสะใจ
‘หนีเขาตั้งนาน แต่ดันไปจูบเขาเนี่ยนะ!?! ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจเอ๊ย!!’
ริมฝีปากกำลังถอนออกมาอย่างช้า ๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมันอยู่ใกล้เสียจนมองไม่ชัด ก่อนชายหนุ่มจะหันหน้าไปเผชิญกับคนมั่นใจในตัวเองเกินไป “คงไม่มีใครจ้างให้คนอื่นมาจูบตัวเองใช่หรือเปล่า คุณจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ผมขอพาเมียกลับก่อน”
ไร้แรงต่อต้าน หญิงสาวยังคงมึนงงในจูบไม่หาย ยอมให้ชายหนุ่มลากเธอไป จนลืมไปว่าเท้าทั้งสองยังเจ็บจากการโดนรองเท้ากัดอยู่
ส่วนคนที่ถูกทิ้งได้แต่มองตามหลังของคู่สามีภรรยา (จอมปลอม) ก่อนจะควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหานายของตน
“ขอโทษครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ตกหลุมพรางของผม จะเอาอย่างไรต่อดีครับ?” ใบหน้ายิ้มในตอนแรก กลายเป็นความเรียบนิ่ง จนพนักงานเสิร์ฟต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้
[ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันเรื่องมากนัก... ฆ่ามันทิ้งซะ] เสียงจากเครื่องแปลงเสียงออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด!
“เข้าใจแล้วครับ แต่ผมขอเป็นคนลงมือเองนะครับ ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะกรีดร้องออกมาอย่างไร” รอยยิ้มกำลังกรีดขึ้นบนใบหน้าหล่อ เมื่อจินตนาการถึงกลิ่นเลือด และเสียงกรีดร้องขอชีวิตของเธอ
เคร้ง!
เสียงจานกระทบกัน ทำให้คนจินตนาการไกลหันไปมอง ก่อนจะกดวางสาย และเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง เพื่อดื่มด่ำกับสตูเนื้อที่เพิ่งมาถึง และเปรยสายตามองดูพนักงานเสิร์ฟซึ่งหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ทะ... ทานให้อร่อยนะครับ” ชายหนุ่มวัยสิบแปดปีก้มหัวลงต่ำ ก่อนจะรีบหันกลับไป
“อืม... สีกำลังดี คงตุ๋นด้วยไวน์อย่างดีสินะ” ชายหนุ่มจิ้มชิ้นเนื้อเข้าปาก และ “ชื่อ เตทัชหรือเปล่า... เด็กเสิร์ฟคนนั้น?”
อีกครั้งที่สายตาคมตวัดกลับไปมองจุดที่เด็กเสิร์ฟหายไป ตอนนี้ร่างกายของชายหนุ่มกำลังร้อนรุ่น อยากระบายความกระหายนี้ออกมา อยากได้กลิ่นอันโปรดปรานตอนนี้... และได้ยินเสียงอันโหยหวน... เดี๋ยวนี้!
“เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน... ไม่ต้องหนีผมหรอก”