ตอนที่ 4 เจอกันอีกครั้ง ยังทำฉันร้องไห้เหมือนเดิม

2262 Words
แผ่นหลังกว้างของเขา มันอยู่ใกล้แค่นี้ มือหนาสัมผัสหยาบเล็กน้อยเพราะทั้งฝึกฝนร่างกายและจับอาวุธบ่อย ความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านเต็มรอบข้อมือของหญิงสาว ใจดวงน้อยยังคงเต้นรัวไม่ยอมช้าลงเสียที และรอยสัมผัสอุ่นตรงริมฝีปาก กำลังเร่งให้ใบหน้าของเธอแดงเห่อขึ้นมาจนถึงใบหู ความเจ็บบริเวณส้นเท้ามันไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกรำคาญเลยสักนิด อยากให้นานกว่านี้อีกหน่อย เพราะถ้าเขาหันมา บางทีทุกสิ่งอย่างที่จินตนาการเอาไว้อาจจะหายไป ช่องว่างระหว่างร้านค้า มันเชื่อมไปยังซอยข้าง ๆ แต่ด้วยมันค่อนข้างมืด และแคบ เลยไม่ค่อยมีคนใช้สักเท่าไหร่ อาโรว์ลากหญิงสาวเข้าไป พร้อมใบหน้าเคร่งเครียดไม่ยอมเปลี่ยน และแล้วใบหน้าหล่อก็หันมาสักที เธอจ้องมองด้วยความคิดถึง และโหยหา ถ้าหากว่าตัวเองหลงเขาแค่หน้าตาของอย่างเดียว ทำไมทุกอย่างของชายตรงหน้ายีงติดตรึงอยู่ในความรู้สึกขนาดนี้เชียว? นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองใบหน้าสวยเพียงครู่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำ และย่อตัวลง “ทำไมถึงใส่ส้นสูงอีกล่ะครับ คุณไม่ชอบไม่ใช่เหรอ?” สำเนียงติดแปลกเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าไม่เจอกันแค่ปีเดียว เขาพูดไทยเก่งขึ้นเยอะ... อีกทั้งยังจำได้ว่าเจ้าหล่อนไม่ถนัดใส่รองเท้าส้นสูงแบบนี้ “มันเข้ากับชุดค่ะ” เจ้าหล่อนตอบอ้อมแอ้ม และขยับขาหนีเมื่อมือหนาทั้งสองกำลังยื่นเข้ามาใกล้ “ช่างมันเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันก็ถอดแล้ว” “ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องใส่” เขายังคงบ่นไม่หยุด และเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น ถ้าคิดเข้าข้างตัวเองมันจะผิดหรือเปล่า? ชายคนนี้จูบเธอ และลากเธอออกมาด้วยอารมณ์เหมือนหึงหวง มันกำลังแสดงว่าอาโรว์คนนี้... มีใจให้เธอหรือไม่? “ทำไม...” แต่ฝันกลางวันต้องหยุดค้างกลางอากาศ เมื่อรู้ถึงสาเหตุ “ทนายชยกรตัวจริงตายไปแล้วครับ คนที่คุณทานอาหารด้วย เป็นคนที่ฆ่าเขา” อาโรว์เข้าเรื่องทันที เพราะไม่อยากให้เจ้าหล่อนคิดไปไกลกว่าที่ควร เพราะตัวยังไม่รู้เลย... ว่าจะแก้ตัวกับอาการขาดสติชั่วครู่ได้อย่างไร จูบทำไม? ทำไมต้องจูบ จูบแล้วรู้สึกอย่างไร? มีแต่คำถามที่ตัวเองไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน เพราะถ้าตอบตามความจริง คงตัดเธอไม่ขาดเสียที “มะ... หมายความว่ายังไงคะ!?!” แพรววนิดตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง เมื่อคิดตามที่ชายตรงหน้าพูด ฟัวกราส์ราคาแพงแทบจะพุ่งออกทันที “พวกผมกำลังสะกดรอยตามชายคนนั้นอยู่ครับ ที่รีบพาตัวคุณออกมาก็เพราะเรื่องนี้” “ถ้าอย่างนั้น ที่คุณอาโรว์...” “เขาพูดอะไรกับคุณบ้างครับ?” อาโรว์รีบเปลี่ยนเรื่องทันที และไอ้สีหน้าเรียบนิ่งของเขา มันทำให้ดวงตากลมเบิกกว้าง ค่อย ๆ สลดลง ‘งานสินะ ไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัว เพราะจูบคือทางเลือกที่ดีที่สุดใช่หรือเปล่า เขาจึงจูบฉัน?’ นัยน์ตาสีนิลหลุบต่ำ มองพื้นอิฐตัวหนอน มันทั้งเป็นเมือกและสกปรก คงมีร้านค้าเห็นแก่ได้เอาน้ำมันมาเททิ้งแถวนี้บ่อยแน่ ๆ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้เจ้าหล่อนต้องรีบจัดการกับความร้อนผ่าวรอบดวงตาจะดีกว่า ความน้อยใจที่กำลังแทรกเข้ามาตอนนี้ มันน่าอายชะมัด! “ถามแค่เรื่องอาหารค่ะ เรายังคุยกันไม่เยอะ และเรื่องอาชีพ” เธอตอบอยู่ในลำคอ ตอนนี้ความน้อยใจมันกำลังแสดงออกมาอย่างชัดเจน “แค่นี้หรือครับ?” อาโรว์พยายามเค้นเพราะไม่เข้าใจ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกันแค่นี้ และดูเหมือนว่าความต้องการของชายคนนั้น จะเป็นหญิงสาวตรงหน้า แต่มันอะไรล่ะ... ที่ต้องการ? ตัวของเธออย่างนั้นหรือ? ไม่น่าจะใช่ เพราะเธอแค่ชาวสวนธรรมดา และไม่ได้มีอิทธิพลมากพอที่จะทำอะไรใหญ่โตกระทบกับกลุ่มคนที่ตามอยู่ได้ ร่างกาย? ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ การจะหาผู้หญิงสักคนของกลุ่มอาซา มันไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้เสียหน่อย แต่ถ้าชายคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาซา เป็นแค่ฆาตกรโรคจิตธรรมดาล่ะ นั่นหมายความว่าหญิงตรงหน้าคือเหยื่อรายต่อไปอย่างนั้นหรือ? พอคิดแบบนั้นมันยิ่งทำให้อาโรว์ร้อนใจหนักว่าเดิมเสียอีก! “คุณแพง” มือหนาเอื้อมไปบีบไหล่เล็กเบา ๆ “ช่วยคิดให้ดีด้วยเถอะครับ ว่าเขาพูดอะไรบ้าง” “ฉันพูดไปหมดแล้วค่ะ” “คุณแพง...” “พอได้แล้วอาโรว์!” เสียงทุ้มกดต่ำ กำลังดุลูกน้องเป็นนัย เขากำลังคาดคั้นเจ้าหล่อนเพราะความเป็นห่วง เรื่องนี้ขุนพลเข้าใจดี แต่รู้หรือไม่ ว่าตอนนี้เธอกำลังทำหน้าแบบไหน “ลูกพี่” อาโรว์ยอมปล่อยมือออกจากไหล่เล็กทั้งสองข้าง มองดูเจ้านายที่พยักพเยิดให้มองดูใบหน้าสาวอีกครั้ง... เพียงเสี้ยววินาทีที่หยดน้ำตาร่วงเผาะ ร่างทั้งร่างของชายหนุ่ม มันชาไปจนถึงหัวใจ “เฮ้อ~ ต้องขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยนะครับ คุณพะแพง” ขุนพลเดินมา พร้อมรองเท้าแตะใหม่เอี่ยม ก่อนชายหนุ่มจะย่อตัวลงและวางรองเท้าไว้ตรงหน้าเธอ “คงเจ็บมาก ใส่รองเท้าคู่นี้เถอะครับ” “ขะ... ขอบคุณค่ะ” เสียงสะอื้นเบา ๆ ยิ่งทำให้ตัวต้นเหตุรู้สึกผิด แพรววนิดยอมลงจากส้นสูงราคาหลายพัน และมาใส่รองเท้าแตะคู่หลักร้อยแทน ทำให้เห็นแผลพองทั้งบริเวณนิ้วก้อย และหลังส้นเท้าอย่างชัดเจน “ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องที่อาโรว์พูด พวกเราจะตามติดชายคนนั้น และจับตัวไปลงโทษเอง” ขุนพลหยัดตัวลุกขึ้น อยากจะเอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำตาให้เจ้าหล่อนอยู่หรอก หากไม่ติดว่ามีเจ้าที่ยืนเขม่นตาใส่อยู่ “เดี๋ยวผมไปส่ง...” “ฉันไปเองได้ค่ะ ไม่ใช่เด็กซะหน่อย” อาโรว์ยังพูดไม่ทันจบ เจ้าหล่อนรีบตัดบททันที ก่อนจะก้มไปหยิบรองเท้าคู่แพงมาไว้ในมือ และกำลังหันหลังให้สองหนุ่ม จนนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ “จริงสิ มือถือ!” คนโดนลากออกมากะทันหัน รีบหันกลับไปขอความช่วยเหลือ ‘จากคนที่สะดวกใจ’ อีกครั้ง “คุณขุนพลคะ ฉันลืมมือถือเอาไว้ที่ร้านนั้นค่ะ” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ขุนพลยิ้มให้เจ้าหล่อนคลายกังวล ก่อนจะหันไปหยักคิ้วให้ลูกน้อยทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างกวนสะ... ประสาทหนึ่งที “ขอบคุณนะคะ พอรู้เรื่องแบบนี้ ฉันไม่กล้าเข้าไปในร้านนั้นเลยค่ะ” แพรววนิดก้มมองต่ำเล็กน้อย แต่ไม่ลืมจะเหลือบสายตามองคนยืนนิ่งอีกสักหน่อย “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอา และจะส่งไปที่บ้านสวนนะครับ” ไม่เพียงแค่ยิ้มให้หญิงสาว แต่ยังทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างสบายใจอีกต่างหาก เลยทำให้คนหน้าบึ้งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม หญิงสาวกลับไปแล้ว เหลือแค่หัวหน้าและลูกน้องกำลังเดินกลับฐานชั่วคราวของตัวเอง แน่นอนว่าตลอดระยะทาง ขุนพลโดนสายตาของอาโรว์ทิ่มแทงกลางหลังตลอดเวลา “น่ารำคาญชะมัด!” ไอ้ตัวปลอมนั่นมันเคลื่อนไหวอีกแล้ว และจากท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเขา มันทำให้ทั้งห้าชีวิตซึ่งยังติดตามอยู่แบบไม่คาดสายตารู้สึกหงุดหงิด คนเราจะฆ่าคนแบบไม่รู้จริงอะไรได้จริง ๆ หรือ? ขนาดพวกเขา แม้จะปลิดชีพแต่คนชั่วตามหน้าที่ ทุกวันนี้ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาปหนา จนบางครั้งนอนไม่หลับยังมี “ทำไมเราไม่จับมันเลยครับ ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับพวกอาซา มันไม่ต่างอะไรกับฆาตกรโรคจิตเลยนะครับ ลูกพี่” อาโรว์ถามเสียงขุ่น ตอนนี้ในสมองของเขามีเพียงเรื่องของแพรววนิดเท่านั้น กลัวว่าหากมันหนีไปได้ จะกลายเป็นปล่อยเสือเข้าป่า แถมยังมีเหยื่อเป็นเธออีกต่างหาก แม้สักนิดก็ไม่อยากให้เธอต้องเสี่ยง ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ สู้ฆ่ามันด้วยมือของตัวเองดีกว่า “เรายังไม่รู้จุดประสงค์ของมันนะอาโรว์” หัวหน้าหน่วยหันมาบอกลูกน้อง พลางถอดหายใจอีกครั้ง หลังเห็นใบหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ของเขา “เข้าใจนะว่าแกเป็นห่วงคุณพะแพง แต่ถ้ามันเกี่ยวกับพวกอาซาจริง ๆ ต่อให้เราจับมันไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนใหม่เข้ามา” “แต่...” “ปกติแกรอบคอบกว่านี้นะ แต่พอเป็นเรื่องคุณพะแพงทำไมเอาแต่ใจแบบนี้ล่ะ?” เป็นการพูดไปยิ้มไปได้น่าหมั่นไส้ที่สุด “ก็แหม~ จูบจองขนาดนั้น มันก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาสิพี่ขุน~” เสียงยียวนของขุนคนน้องดังขึ้นมาจากเบาะหลังสุดของรถเจ็ดที่นั่ง มันกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า โดยตามติดรถยนต์ของเป้าหมายอย่างห่าง ๆ “นั่นสิ มือถือของคุณพะแพงแกเอาไปเช็กจริง ๆ ใช่หรือเปล่า ไม่ใช่แอบแฮกเข้าไปส่องรูปลับ ๆ ของเธอหรอกใช่มั้ย?” แซนเข้าผสมโรง ขนาดว่าตัวเองขับรถอยู่ยังไม่วายของร่วมวงด้วย “เธอไม่มีรูปลับ ๆ อย่างที่แซนว่าหรอกนะครับ!” อาโรว์เริ่มหน้าแดง ทั้งอายทั้งโกรธ ระลอกแรกหยุดไปแล้ว เพียงไม่นาน คำหยอกล้อระลอกสองดันตามมาอีก! “อุ๊ย! ถ้าไม่เปิดดูจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับ ว่ามีหรือไม่มี รุ่นพี่อาโรว์เนี่ย นิ... สัย... ไม่... ดี เลยนะครับ” แดนนี่ของร่วมด้วยอีกคน ก็แหม~ นาน ๆ ทีคนหน้านิ่งอย่างอาโรว์จะมีเรื่องหัวใจมาให้หยอกเล่นทั้งที “หรือว่าทุกคน... อิจฉาผมหรือครับ?” เสียงเรียบนิ่ง แต่เข้าไปแทงใจดำทั้งสี่ดวงเต็ม ๆ เสียงหัวเราะกระซิกจนน่าหมั่นไส้เงียบลงเหมือนโดนปิด ก่อนสายตาทั้งสี่คู่จะหันไปมองคนรัวคีย์บนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กตรงหน้าตักของตัวเอง แถมสายตาแต่ละคู่ มันเป็นชนิดที่สามารถพุ่งไปบีบคอคนพูดได้เลย! “เอ๊ะ! มันเลี้ยวอีกแล้วครับ ขับวนมาสองรอบแล้ว หรือว่ามันจะรู้ตัว?” เริ่มสังเกตความผิดปกติ จึงเริ่มลดความเร็วเพื่อทิ้งระยะห่าง “อาจจะใช่ เปลี่ยนเป็นใช้โดรนแทนก่อน” บรรยากาศรื่นเริงในตอนแรก เปลี่ยนเป็นความเคร่งเครียดกะทันหัน โดยเฉพาะคนจ้องหน้าจอตลอดเวลาอย่างอาโรว์ เพราะไม่อยากให้ไอ้ตัวปลอมมันหลุดมือไป ภาพมุมสูงถูกฉายขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รถคันสีดำกำลังเคลื่อนไปอย่างไม่เร่งรีบ หากดูจากในมุมของคนที่ตามผู้ต้องสงสัยมาหลายปี มันดูแปลกเกินไป ถ้ารู้ว่าตัวจะต้องเร่งความเร็วเพื่อสลัดให้หลุดไม่ใช่หรือ แต่ดูแล้ว... ความเร็วกลับเท่าเดิม “ความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ครับ” อาโรว์ขมวดคิ้วแน่น เพราะสมองกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ เปิดข้อมูลขึ้นหน้าจอหลายหน้าต่าง จนกระทั่งมีจุดเล็ก ๆ ที่ไม่น่าสงสัย “เหมือนว่าระหว่างที่ผมกับลูกพี่ขุนไม่อยู่ จะมีสัญญาหายไปช่วงหนึ่งนะครับ อาจจะมีคนโทร. เข้าเครื่องของชายคนนั้น หรือว่าโทร. ออก แต่มันระยะเวลาสั้น ๆ แค่นาทีเดียว แต่ว่า...” “มีความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นทั้งสองอย่าง... ทั้งคนของอาซา และฆาตกรโรคจิต จะพูดแบบนี้ใช่หรือเปล่าอาโรว์” ขุนพลเหมือนเข้าไปนั่งในใจลูกน้อง และทุกอย่างที่เขาพูด มันมีความเป็นไปได้สูง “ครับ” “แบบนี้เท่ากับว่า มันอาจจะหาเหยื่ออยู่หรือครับ?” แซนถามขึ้น “ไม่... มันเล็งเหยื่อเอาไว้แล้ว รถมันจอดที่ไหน ก็ตรงนั้นแหละ” ขุนพลกอดอก และยังเพ่งสายตามองไปยังถนนกว้างตรงหน้า ตอนนี้บรรยากาศรอบข้างเริ่มเย็น พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว สำหรับเขาที่คลุกคลีกับหน่วยยามหลังบ้านมาตั้งแต่เกิด เจออาชญากรมามาก พยายามทำความเข้าใจเท่าไหร่ แต่เขากลับไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง ไอ้ความอยากฆ่าของพวกมัน ความอยากจะปลิดชีวิตของใครสักคนอย่างไม่มีเหตุผล มันสนุกตรงไหนกัน “รถหยุดแล้วครับ...” อาโรว์มองตำแหน่งอันคุ้นเคย “...ที่ร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านเดิม” “อืม” หัวหน้าหน่วยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมาเสียงดัง “เปลี่ยนแผน จับตัวมันโดยทันที เพื่อไม่ให้มันไปฆ่าใครได้อีก ส่วนเรื่องที่ว่ามันจะเกี่ยวกับอาซาหรือไม่... ค่อยว่ากัน” “ครับ!!” เสียงชายฉกรรจ์ทั้งสี่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้ในบางครั้งพวกเขาจะดูไม่ค่อยจริงจังกับงานเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือขึ้นมา... เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีมากกว่าเปอร์เซ็นต์ของความล้มเหลวแน่นอน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD