นางแหกปากในใจและพยายามไม่ให้ตัวเองเอาหัวโขกกับผนังไม้จนตายไปอีกรอบเพราะกลัวเจ็บ จ้าวเสวี่ยซินจึงยอมนั่งลงนิ่งๆ หอบหายใจกับแรงที่ก่นด่าแม่นางร้ายตัวดีอย่างเสียเปล่า
“ใจเย็นก่อน อีกไม่ช้าพระเอกคงจะมาช่วยแล้ว”
ถูกต้อง หากเป็นไปตามนิยายอีกไม่นานพ่อพระเอกจะต้องโผล่มาช่วยเหมือนดั่งพระเอกขี่ม้าขาวมาแน่ๆ ฉะนั้นนางไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรมาก แค่นอนเฉยๆไม่ปากสว่างโวยวายให้พวกมันรู้ตัวเหมือนดั่งในนิยายแล้วเกือบโดนย่ำยีก็พอแล้ว อีกอย่างนางต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อนเพราะเฉียนยี่ของนางจะตามมาขณะที่พระเอกสู้อยู่ และได้รับบาดเจ็บหนักจากการปกป้องแม่นางเอก
วรยุทธ์ทักษะดาบของเขาถูกบรรยายไว้ว่างอกง่อยอย่างมาก แต่ก็ยังตามออกมาหายอดดวงใจ และหากไม่ใช่เพราะนังนางร้ายตัวดี ลูกชายของนางคงไม่ต้องบาดเจ็บ!
‘..แต่มันก็คือตัวเรานี่หว่า ปัดโถ่!’
เฮ้อออ.. อย่างน้อยนางจะต้องช่วยเขาไม่ให้ไม่ได้รับบาดเจ็บเจียนตายแล้วมากล่าวโทษนางหนักกว่าเก่าทีหลังว่าเป็นต้นเหตุ
“โอ้ ดูเหมือนจะมีคนตื่นจากฝันหวานเสียแล้ว หึหึ”
“ตะเถรแม่มึงร่วง!!”
น้ำเสียงฟังดูน่าขนลุกพูดผ่านหน้าต่าง หญิงสาวในเกี้ยวสะดุ้งโหยงหงายหลังหัวกระแทกชนเข้ากับกล่องไม้เข้าอย่างจัง จ้าวเสวี่ยซินเผลอสบถคำหยาบคาย บาดแผลบนหน้าผากยังไม่หายดีต้องถูกซ้ำด้วยขอบไม้แข็งๆอีกรอบ โชคชะตาบัดซบเอ้ย!
รถม้าที่นางนั่งยังคงวิ่งอยู่ ประกอบกับความอยากรู้ว่านางเป็นนางร้ายรึนางเอกกันแน่ ตัวของนางจึงลืมใส่ใจพวกโจรด้านนอก กระทั่งมันสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวภายใน และพบเข้ากับนางที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาก่อน
“ฮ่าๆๆ แม่นกน้อยเจ้าตกใจอะไรพี่ถึงเพียงนั้น”
ผมสีขาวเป็นหย่อมๆยาวประบ่า ใบหน้าแห้งกร้านและเหี่ยวย่นขยับยกยิ้มให้เห็นฟันสีเหลืองทอง เกิดเป็นเงาสะท้อนแสบตายามต้องแสง คาดว่าคงเป็นฟันปลอมที่หล่อมาจากทองคำ อีกทั้งยังมีให้เห็นเกือบทั่วทั้งปาก..
ดูรวยมากค่ะ แต่ว่า กรี๊ด อย่ามาเรียกข้าเสียงเล็กเสียงน้อยเช่นนั้นนะ แล้วอีกอย่างเมื่อกี้แกเรียกตัวเองว่าพี่งั้นหรือ หน้าแก่คราวปู่แบบนี้เนี่ยนะ เอาจริงรึ!
จ้าวเสวี่ยซินผู้มีหญิงสาวจากยุคปัจจุบันอาศัยร่างอยู่คุ้นชินกับการถูกเกี้ยวเป็นอย่างดี หากเป็นยามปกตินางคงได้ถอนหงอกตาแก่ตัณหากลับผู้นี้จนต้องอับอายแทรกแผ่นดินหนีไปอยู่กับญาติมันในนรกแล้ว!
ทว่าในตอนนี้นางเป็นเพียงผู้หญิงตัวคนเดียวอีกทั้งยังอยู่ต่างถิ่นไร้ที่พึ่งพา หาได้มีประชากรนับล้านที่สามารถช่วยนางประจานความผิดจากการเพียงไลฟ์สดหรือมีโทรศัพท์ไว้โทรเรียกหน่วยงานขอความช่วยเหลือดั่งเช่นปัจจุบันไม่ นางจึงเลือกรูดซิปปากให้เงียบสนิทไว้ก่อน อย่าได้ด่ามันให้มันเกิดโทสะในตอนนี้ หากหลุดไปได้แล้วจะตามไปด่าจนต้องร้องขอชีวิตทีหลังก็ไม่สาย
“เจ้าเมินเฉยต่อพี่เช่นนี้ช่างน่าปวดใจนัก หยุดพักเพื่อพูดคุยกันก่อนดีหรือไม่”
“...เรามีอะไรให้คุยกันงั้นหรือ” นางเปลี่ยนคำพูดของตนเองให้เหมือนคนยุคนี้มากที่สุด ยอมรับในใจแล้วว่าดีเท่าไหร่ที่ได้ใช้ชีวิตใหม่ อีกทั้ง.. หน้าอกหน้าใจไซซ์สะเทือนวงการทำนมน๊มปลอมมาก เมื่อตัดภาพไปที่โลกเก่า นางต้องเสียเงินไปกี่แสนไม่รู้เพื่อให้ได้สักข้างหนึ่งในขนาดเท่านี้!
ทางด้านโจรเฒ่ายกยิ้มกว้างอย่างดีอกดีใจที่สาวงามยอมตอบรับคำพูดของมัน หางคิ้วข้างหนึ่งกระตุกขึ้นรับรอยยิ้ม สายตาเชยชมบุปผางามที่งดงามสมคำร่ำลือภายในรถม้าไม่ยอมหยุด จ้าวเสวี่ยซินรีบเบนหน้าหลบไม่อาจอดทนต่อสายตาล่วงเกินที่มันมองมา ภายในใจร่ำร้องแต่ว่า เมื่อไหร่พ่อพระเอกจะโผล่ออกมาสักที!
“โอ้ โอ้! ท่านหญิงของข้า ดูเหมือนเจ้าจะบาดเจ็บหนัก เราสามารถหยุดพักได้ครึ่งชั่วยามเพื่อให้เจ้าทำความสะอาดบาดแผลที่ศีรษะงามนั่น” เสียงแหบแห้งกล่าวคล้ายเป็นห่วง แต่เสวี่ยซินไม่ต้องการที่จะลงจากรถม้า เพราะการมีแผ่นไม้กั้นขวางไว้มันดีกว่าต้องไปเผชิญหน้ากับมันโดยตรงแน่นอน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเว้ย!
“ขะ..ข้าไม่เป็นอะไรมาก ..เจ้าดูเหมือนเป็นห่วงข้าถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงทำให้ข้าบาดเจ็บกันเล่า อีกทั้งยังจับข้าเพื่อไปขายเป็นทาสอีก”
“ข้าต้องขออภัยท่านหญิง หากให้ตัวข้าเป็นคนไปรับเจ้าด้วยตัวเองย่อมไม่เกิดบาดแผลสักที่บนตัวของท่าน และหากท่านไม่ขัดขืนท่านก็คงไม่บาดเจ็บเช่นกัน”
บิดามันเถอะ คนโดนลักพาตัวจะไม่ให้ขัดขืนได้อย่างไร อีตาแก่นี่!!
“ส่วนเรื่องทาสนั้น หากท่านหญิงยินยอมกลับไปพร้อมกับข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ส่งตัวเจ้าไปขายที่ใดอีก..”
มันยกยิ้มด้วยสายตาแพรวพราว คำกล่าวของมันทำเอาเสวี่ยซินแทบสำลักน้ำลายตัวเอง เขามีสติดีอยู่ใช่หรือไม่หรือเขามีปมอะไรในใจกันแน่ นางชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเข้าสู่ช่วงของไลฟ์โค้ชเส้นทางทำมาหากินในอดีต ที่ตอนนี้กำลังถูกยกมาใช้เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกหยุดรถม้าแล้วต้องไปเผชิญหน้ากับลุงโจรทั้งหลายแหล่
อย่างน้อยนางต้องยืดเวลาไปก่อน หากมันจอดพักขึ้นมาย่อมไม่ใช่ผลดี เพราะในนิยายมันบรรยายไว้หน่ะสิว่าตัวของนางร้ายเกือบโดนย่ำยี และนางไม่มีทางที่จะยอมลงเอยแบบนั้นเด็ดขาด!
“ข้าขอพูดอะไรหน่อยได้หรือไม่ ตัวของข้ามิได้มีเจตนาจะล่วงเกินเจ้าหรอกนะ แต่ว่า.. ตัวของเจ้ามิเคยสมหวังในความรักสักคราเลยใช่หรือไม่ ตั้งแต่ยังหนุ่ม เจ้าหมายปองหญิงใดก็มักมีคนตัดหน้าเจ้า แย่งชิงนางไปเสมอ แม้แต่หญิงสาวที่เจ้าพาตัวมาเช่นนี้ก็ตกเป็นของพี่น้องเจ้าเป็นซะหมด ข้าดูจากการสนทนาของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นพวกหูเบาเชื่อคนง่ายอีกทั้งยังใจอ่อนต่อพี่น้องของตน คงจะยกสตรีในดวงใจให้พวกเขาโดยไม่กล่าวโทษอะไรเป็นแน่ ข้าพูดถูกหรือไม่”
“ทะ ทะ ทะ ทะ ท่านหญิง! ท่านเป็นเทพธิดาหรืออย่างไร ถูกต้อง!! ท่านพูดถูกต้องทุกอย่างน่าเลื่อมใสนัก!!”
เออเอากับมันสิ! นางแค่พูดเป็นตุเป็นตะหลังจากเห็นสภาพของเขาเท่านั้นเอง แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งอกราวกับยกภูเขาทั้งลูกออกจากอกที่สามารถหลอกไอเฒ่าหูเบานี้ได้
นางขยับตัวให้นั่งสบายยิ่งขึ้นขณะบรรจงปั้นรอยยิ้มจริตองค์แม่ที่กำลังลง นิสัยยามเป็นตัวมัมตอนไลฟ์โค้ชเรื่องความรักเริ่มเผยออกมาทีละน้อย โฮะๆ
“จะเรียกข้าว่าปราชญ์แห่งหัวใจสีชมพูก็ย่อมได้ แต่การปรึกษาข้าย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายเสียเล็กน้อย เจ้าจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพียงเจ้าสมัครวันนี้ได้รับฟรีส่วนลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และคอร์สปรึกษานอกเวลากว่าสิบชั่วโมง อุ้บ!” นางรีบอุดปากตัวเองในทันที หากมือของนางเป็นอิสระคงได้ตีหัวตัวเองเรียกสติสักปาบ มาขายคอร์สอะไรตอนนี้กันละค๊า อีแม่!
“มะ..มันคือสิ่งใดหรือขอรับท่านหญิง”
“อะแฮ่ม ไม่มีอะไร ข้าแค่กล่าวสวดมนต์ก่อนทำพิธี..”
“....”
“....” นางพยายามทำหน้านิ่งๆ ทั้งที่ในใจร้องฉิบหายไปแล้วกว่าล้านรอบ เพราะมันเป็นคำแก้ตัวที่ไร้สมองที่สุดในโลก!
“ขอรับ!”
เอ้า เชื่อซะงั้น..
“อะ..เอาเป็นว่า ข้าเข้าใจถึงสิ่งที่เจ้าประสบอยู่ ทางที่ดีของการแก้ปัญหาคือทางตรงเจ้ารู้หรือเปล่า”
“....” หน้าอึ้งแบบมากมายจนนางรู้สึกอายเลยทีเดียว
“หมายถึงว่า เจ้าต้องลุกขึ้นมาทำตามสิ่งที่หัวใจของเจ้าเรียกร้อง ได้ยินหรือไม่เสียงตุบ ตุบ ตุบ ในใจของเจ้า! อย่างแรกเลยที่เจ้าควรเปลี่ยนนั้นคือเปลี่ยนอาชีพเสีย! การเป็นโจรมันไม่ดีมันทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าย่ำแย่ สตรีใดจะอยากมีสามีที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งหรือจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”
“นะ นะ นั่นก็จริง ถูกของท่าน”
“อืม.. ดีใจที่เจ้าคิดได้ไว หากช้ากว่านี้มันจะกลายเป็นปมลึกในใจเจ้าเชียว”
“แล้วข้าควรทำเช่นต่อดีท่านหญิง”
“อีกไม่ช้าเจ้าอาจจะถูกจับ.. ถึงตอนนั้นก็ยอมรามือรับความผิดแล้วกัน กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังทัน หากพ้นโทษไปแล้วเจ้าจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน” นางพูดเสียงหนักแน่นพร้อมเม้มปากเข้าหากันเหมือนให้กำลังใจอย่างเต็มที่
“...แต่ว่าท่านหญิง หากข้าโดนจับได้คงต้องถูกประหารประจานทั่วทั้งเมืองเป็นแน่แท้ เอาพวกเขาไปแทนข้าได้หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาทำเลวร้ายยิ่งกว่าที่ข้าทำเสียอีก และเรื่องพวกนี้เป็นข้าที่รู้ทีหลังข้าไม่ได้มีความผิดเสียหน่อย! ละ..แล้วข้าจะกลับกลายเป็นคนดีอย่างแน่นอน! ขะ..ข้าจะสมหวังใช่หรือไม่ท่านหญิง! ท่านจะไปกับข้าใช่หรือไม่!”
สายตาของมันเหมือนมีความหวัง แต่ว่ามันวกกลับไปเรื่องที่จะเอานางไปอยู่ด้วยได้ไงฟะ กรีดร้อง!
“ช้าก่อน เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวนี้หรือไม่ ..ในโลกของยุทธภพ ผู้ที่ฝ่าฝืนกฏกติกาจะถูกเรียกว่าเป็นพวก ‘สวะ’ แต่ว่านะ คนที่ไม่เห็นความสำคัญของพวกพ้องน่ะ เป็นยิ่งกว่า ‘เศษสวะ’ ซะอีก!!” ขออนุญาตยืมคำพูดของท่านโฮคาเงะรุ่นที่หกจากการ์ตูนสักเรื่องหนึ่งก่อนแล้วกัน..
"ผะ..ผู้ใดได้กล่าวไว้กันหรือขอรับ" อย่าถามมันออกม๊า!
"ขะ..เขามีนามว่าท่านคาคาฉี"
"...น่าเลื่อมใส!!"
โอเคเยี่ยม..
จ้าวเสวี่ยซินเม้มริมฝีปากจนแน่น ทอดสายตามองสีหน้าของคนที่นางกำลังปั่นหัวอย่างสุดชีวิต และมัน.. ได้ผลซะงั้น น้ำตาของมันไหลอาบใบหน้า จ้าวเสวี่ยซินอยู่ในสภาพอึ้งแล้วอึ้งอีกจนไม่มีอะไรให้อึ้งอีกต่อไป
“ฮึก.. คำพูดของท่านจับใจข้ายิ่งนัก ตัวของข้า ‘เก่าซู’ ผู้นี้จะไม่ทิ้งพรรคพวก จะไม่ยอมเป็นเศษสวะทิ้งพี่น้องของตนเด็ดขาด!! เฮ้ยพวกเจ้าหน่ะ ฟังข้าทางนี้”
ขบวนรถม้าหยุดชะงักลง เมื่อเก่าซูหันไปหาพรรคพวกของตนเองพลางตะโกนเสียงดังกึกก้อง
“พี่ใหญ่มีปัญหาอะไรงั้นรึ!!”
พวกเขามีทีท่าตื่นตกใจ เพราะไม่มีสักครั้งที่พี่ใหญ่เก่าซูจะมีปัญหากับการเดินทางจนต้องหยุดฝีเท้ากลางทางเช่นนี้
“พวกเราจะต้องเข้ามอบตัว เราจะไม่ทำชั่วอีกต่อไป!!”
“เฮ้ย พี่ใหญ่ท่านพูดอะไรออกมา หากพวกข้ายอมมอบตัวก็เท่ากับพาตัวเองไปตายหน่ะสิ!!”
“พี่ใหญ่ ท่านโดนนางเป่าหูมารึอย่างไร!!”
พวกเขาทั้งหมดมีท่าทีไม่พอใจอย่างมาก สายตาเดือดดาลเลื่อนผ่านไปมองยังรถม้าที่ภายในมีสินค้าที่พวกเขากำลังจะเตรียมไปขายใส่ไว้อยู่ เก่าซูส่ายหน้าไม่ยอมแพ้ เบนสายตากลับมามองยังจ้าวเสวี่ยซินอย่างมีความหมาย เพื่อพิสูจน์ตนเองให้ท่านหญิงได้เห็น เขาจะต้องเปลี่ยนเป็นคนดีให้จงได้
ขณะที่จ้าวเสวี่ยซินยิ้มแห้งพยักหน้าเล็กน้อยพลางกระซิบแผ่วเบาว่า “เชิญต่อเลยท่าน”
โอ้ย ไม่รู้แล้วเว้ยยย!
ในตอนนั้นเองที่ความวุ่นวายเล็กๆ ก่อตัวขึ้น ช่วงจังหวะที่พวกมันไม่ทันได้ระวังตัว ภายในป่าปิดทึบช่วงค่ำคืนเดือนมืด หาบธนูกว่าสามสิบเล่มแทรกผ่านจากสองข้างทางตรงเข้าปักร่างกายของพวกเขา เสี้ยววินาทีถัดไปบริเวณตรงนี้ได้กลายเป็นสนามรบขนาดย่อมทันที!
“อ้าก!! พวกเราโดนซุ่มโจมตี อึก!!” เสียงคนร้องราวกับขาดใจดังแข่งกับเสียงของอาวุธเหล็กที่กำลังฟาดฟันกันจนฝุ่นตลบ ม้าเกือบทั้งหมดของพวกมันวิ่งเตลิดหนีไปไกลทำให้ไร้หนทางหนี พวกมันกัดฟันหยิบอาวุธเข้าสู้ แต่มีหรือที่จะสู้เหล่าทหารที่ถูกฝึกมาอย่างชำนาญได้
“จับพวกมันเอาไว้ หากจับเป็นไม่ได้ ก็จับตาย!!”
เสียงเหี้ยมโหดกล่าวอย่างไร้ความปรานี ชายหนุ่มรูปร่างกำยำองอาจสวมชุดเกราะสีดำสนิทนั่งอยู่บนหลังม้า ผ้าคลุมสีแดงฉานสะบัดพลิ้วไหวยามที่ตวัดดาบชี้ไปด้านหน้าเพื่อออกคำสั่ง
“รับคำสั่งแม่ทัพเฉิน!”
เหล่าทหารน้อมรับคำสั่งอย่างไม่อิดออดจับอาวุธตรงเข้าหาศัตรู หากใครคิดหนีก็ลงมือสังหารทันที ไม่มีใครกล้าฝืนคำสั่ง พวกเขารู้ดีว่าเมื่อใดที่มีคำสั่งและทำตามไม่ได้ กลับจากการลาดตระเวนนี้ไปพวกเขาต้องถูกลงโทษให้ฝึกหนักราวกับนรกอีกเป็นแน่
ทางด้านเฉินเฟยหยาง ดวงตาคมทอดมองไปยังเกี้ยวสินค้าคันใหญ่ด้วยความสงสัย ตัวของเขาได้รับสารด่วนจากทางราชครูเมื่อเช้ามืดวันนี้ ใจความในสารเป็นข้อความร้อนใจกล่าวขอความช่วยเหลือเนื่องจากบุตรสาวของตน แม่นางหลานอี้หนานถูกพ่อค้าคนเถื่อนจับตัวไป ซึ่งนางได้หายไปนานถึงสามวันแล้ว และเพิ่งสอบสวนจนได้ความจากหวงตี้เหอว่าพบเห็นคนน่าสงสัยเข้าเมืองมาเมื่อสี่ห้าวันก่อน
เขาไม่รอช้ารีบควบม้าลาดตระเวนตั้งแต่ขอบชายแดนเมืองจนถึงป่าข้างใน กระทั่งพบเส้นทางพอให้ขบวนคนไม่มากผ่านไปได้จึงตั้งใจที่จะปักหลักรออยู่ตรงนี้ เนื่องจากการเดินทางข้ามไปยังอีกแคว้นใช้เวลากว่าห้าวัน หากเรื่องเพิ่งเกิดเพียงสามวันเขาจะต้องพบพวกมันเป็นแน่
และเป็นดั่งที่เขาคาดการณ์ไว้ รอไม่ถึงสองชั่วยามก็พบเข้ากับขบวนพ่อค้าเร่ ระหว่างที่กำลังสังเกตการณ์ เขาพบว่าตัวหัวหน้าใหญ่ของพวกมันกำลังพูดคุยกับใครคนหนึ่งในรถม้า สิ่งที่เขาแปลกใจคือหลังจากที่คุยกับคนผู้นั้นแล้วมันกลับร้องไห้ออกมาและหยุดรถม้ากะทันหัน เป็นจังหวะที่ดีที่ทำให้พวกเขาเข้าประชิดตัวพวกมันโดยง่าย ไม่เสี่ยงต่อการพาตัวประกันหลบหนี
ชายหนุ่มควบม้าตรงไปยังเกี้ยวสินค้าคันใหญ่ เสียงของดาบแทงเข้าเนื้อที่ดังอยู่รอบข้างไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขา บริเวณหน้าเกี้ยวม้ามีคนจำนวนหนึ่งกำลังยื้อยุดฉุดกระชากหญิงสาวให้ลงมา นางพยายามสะบัดหนีพร้อมกับส่งเสียงเกรี้ยวกราด คำด่าของนางช่างเจ็บแสบนัก
“อย่ามาจับข้านะเว้ย!! ปล่อยข้านะ!! ชีวิตไม่มีอะไรทำแล้วรึไงถึงหันมาทำบาปทำกรรมด้วยการค้ามนุษย์เช่นนี้! อีกทั้งเจ้ายังหักหลังฆ่าพี่ใหญ่ที่เจ้านับถือ พวกเจ้ามันชั่วช้า สกปรกยิ่งกว่าโถส้วม พวกเจ้าจะต้องตกนรกลงกระทะทองแดงไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเป็นร้อยๆชาติ!”
จ้าวเสวี่ยซินพยายามถอยหลังหนีสุดชีวิต ในขณะที่พวกมันพยายามจะจับข้อเท้าของนาง บังคับให้นางออกมาจากภายในด้วยแรงดึง
“พูดมากนักนังนี่!!”
พวกมันถึงกับต้องสบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังจากถูกซุ่มโจมตีและต้องการจับตัวพวกนางเป็นตัวประกัน แต่พวกเขากลับต้องหูดับหูชาแทนตั้งแต่นางเปิดปากพูด!
“กรี๊ด!”
แผ่นหลังเล็กรู้สึกเจ็บแสบเมื่อตัวของนางถูกลากครูดไปกับพื้น ภายในใจนั้นคิดอยู่เป็นหมื่นล้านคำว่า
พ่อพระเอกมาช้าเสียจริง อีกทั้งแม่นางเอกนี่ก็นอนฝันหวานไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย! เหตุใดต้องเป็นนางที่เผชิญความโหดร้ายกับกลิ่นคาวเลือดด้วยหะ! ขอหลับไปแบบไม่รู้เรื่องแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีในห้องนอนเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ไม่ได้หรอ!
ฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนสวมชุดเกราะสีดำผู้หนึ่งเดินย่างสุมเข้ามา ผ้าผืนสีแดงเคลื่อนไหวตามจังหวะก้าวเดินของเจ้าตัว สีของมันเข้มขึ้นจากเลือดของศัตรูที่ถูกเขาสะบั้นดาบลงคอ คิ้วหนาทรงกระบี่พาดเฉียงขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาราวกับบรรจงปั้นตวัดสายตามามองยังนางอย่างนึกคิดบางอย่าง ดวงตาคมเฉี่ยวบนกรอบหน้าคมคายนั้นช่างน่าหลงใหล จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูป นางบอกได้เลยว่าไม่เคยเจอใครที่หล่อได้โลกแตกขนาดนี้มาก่อน..
'หล่อแผ่นดินทรุด ตุ๊ดยังสะเทือน..'
อึก! จ้าวเสวี่ยซินสะบัดไล่ความคิดนั้นออกไป บอกกับตัวเองในใจว่านางเอ็นดูเพียงเฉียนยี่เท่านั้น!!
“หึ เงียบไปได้สักทีนะ!” ไอโจรใจบาปแกนั่นแหละที่กำลังจะไปเฝ้ายมบาลเว้ย!
จ้าวเสวี่ยซินเบ้ปาก สายตามองผ่านเลยไหล่ของโจรผู้น่าสงสารตรงหน้าไปยังปีศาจตัวจริงด้านหลัง
“หูของข้าค่อยโล่งขึ้นหน่.. อั้ก!!”
“!!!!”
ลมหายใจของนางขาดห้วง เมื่อคนที่อยู่ห่างไปกว่าสิบก้าวปรากฏตัวพร้อมกับส่งโจรหนุ่มตรงหน้าไปยังปรโลกต่อหน้าต่อตานาง ช่วงหน้าอกข้างซ้ายตรงจุดตายสำคัญถูกแทงด้วยดาบเล่มยาว มันกระอักเลือดคำโต ส่งผลให้เลือดส่วนหนึ่งสาดกระเซ็นเปรอะใบหน้านาง
ฉั๊วะ!
ตัวดาบถูกกระชากออกพร้อมกับที่ร่างไร้ชีวิตของมันหล่นลงบนพื้น
"!"
“นี่เจ้า”
เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยขึ้นมา ในน้ำเสียงเขาดูมีความสงสัยอยู่หลายส่วน ทว่าช่วงวินาทีถัดมาเขากลับแสยะยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาเสียดื้อๆ มือหยาบกร้านจากการรบยกด้ามดาบขึ้นเพื่อเช็ดรอยเลือดออกอย่างไม่ร้อนใจ ทั้งที่ด้านหลังของเขากำลังฟันกันตายอย่างดุเดือด!
โถ่พ่อแล้วจะน่ากลัวเพื่อ.. แงงง
“เหตุใดจึงพบเจอเจ้าที่นี่กัน แม่นางเสวี่ยซิน”
“สะ..สวัสดี!” นางตกใจเมื่อเขาจำนางได้ วีรกรรมช่วงห้าปีที่ผ่านมาชัดเจนตำตาจนดิ้นไม่หลุด เขาจำนางได้ เขารู้ว่านางเป็นสตรีชั่วช้า ความผิดที่นางไม่ได้ก่อทำให้นางเผลอสะดุ้งเอ่ยคำพูดไม่รู้ความออกมาเสียอย่างนั้น..
น่าอายชะมัด!
“หึ เรื่องบาปบุญคุณโทษ ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้ยินออกมาจากปากของเจ้า ข้าคงต้องขอโทษเจ้าหรือไม่ที่ไม่ได้ตอบรับจดหมายเจ้าเลยนับห้าปี หาไม่แล้วข้าคงได้ตกนรกลงกระทะทองแดงอย่างที่เจ้าว่า ..เอาเป็นว่าขอโทษแล้วกันนะแม่นาง”
"มะ..ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ" อะไรคือการขอโทษที่ดูเหมือนเยาะเย้ยแบบนี้!
เฉินเฟยหยางกวาดสายตามองรอบตัวจ้าวเสวี่ยซินอีกครั้ง ดูเหมือนสตรีผู้นี้จะเปลี่ยนไปอยู่บ้าง โดยเฉพาะสายตาที่ใช้มองเขา มันหาใช่สายตาเสน่หาน่ารังเกียจเช่นเดิมไม่ และหากเป็นยามปกตินางคงพยายามเข้าหาแบบน่าไม่อายไปแล้ว..
“อืม.. ดูเหมือนเจ้าจะแปลกไปเล็กน้อยเพราะสภาพเจ้าตอนนี้ดูไม่ได้กว่าเก่าเสียอีก”
เสื้อผ้าเป็นสีเหลืองคลุกขี้ เลือดก็อาบหน้า หัวก็ปูดโนเป็นลูกมะนาวขนาดนี้ นางคงเหลือสภาพดีให้เห็นหรอกนะ กรีดร้อง