“เมื่อไหร่ทีปจะลืม มันเจ็บมากเลย” เสียงทุ้มยังคงพูดออกมาตอนที่หน้าของเขากำลังแนบอยู่กับพุงหมาน้อยของพลอยใส เจ้าของพุงถึงจะนอนหลับตา แต่ก็ยังไม่หลับ มือก็ยังลูบหลังผู้ชายตัวโต
“อกหักก็ต้องเจ็บ มันเป็นขั้นตอนกระบวนการของการอกหัก พี่ทีปจะลัดขั้นตอนได้อย่างไรคะ”
“แต่ทีปอยากลืม มันเจ็บครับ”
“ความเจ็บมันก็ดีนะคะ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเรายังไม่ตาย เรายังมีหัวใจ เรายังรักเป็น” คำปลอบโยนของพลอยใสยิ่งเรียกเสียงสะอื้นของประทีปมากกว่าเดิม
“พี่ทีปร้องไปเลยนะคะ ร้องให้เต็มที่ ถ้ามันจะเจ็บก็เจ็บให้เต็มที่ ความรู้สึกทั้งหมดของวันนี้ปลดปล่อยออกมาให้หมดค่ะ จำความเจ็บแบบนี้ไว้ ว่าไม่มีใครสามารถมาทำให้เราเจ็บแบบนี้ได้อีกแล้ว”
เสียงร้องไห้ของผู้ชายตัวโตดังคับห้อง ไม่คิดว่าคนอย่างพี่ทีปจะร้องไห้เป็นเด็กอย่างนี้ แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เธอเองก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรมาก คงช่วยได้มากสุดแค่นี้
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เธอไม่อยากก้าวก่ายมาก ตอนตีกันก็เข้าหาเพื่อน พอดีกันก็ถีบหัวเพื่อนอย่างเธอทิ้งทุกคน ดูอย่างตอนนี้สิ ทั้งรริดา ทั้งเจนิตา ไม่มีใครเห็นหัวเธอเลย
เพื่อนนะเพื่อน เห็นผัวดีกว่าเพื่อน อย่าให้ถึงตาพลอยบ้างก็แล้วกัน
พลอยใสตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา เธอรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว ตอนนี้เธอนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม โดยมีคนอกหักกอดอยู่แน่น หน้าของเขายังคงแนบกับหน้าท้องของเธอ ไม่รู้ว่าทั้งเธอและเขาเข้ามานอนในห้องนอนแบบนี้ได้อย่างไร ดูแล้วไม่คนใดก็คนหนึ่งต้องลากอีกฝ่ายมานอนบนเตียงในห้องนอนแน่
“พี่ทีป พี่ทีป ปล่อยพลอยก่อนค่ะ” ตอนนี้หน้าท้องของเธอกำลังแข็งเกร็ง ถ้าเขาไม่ปล่อยเธอตอนนี้ บอกได้เลยว่าเธอต้องฉี่ราดบนเตียงอย่างแน่นอน พลอยใสแกะแขนของชายหนุ่มออกจากเอวเธออย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายเธอก็แกะออกได้
พลอยใสรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เป้าหมายของเธอคือชักโครก หลังจากนั่งฟิน ปล่อยทุกอย่างออกจากร่างกายจนคลายความอึดอัดแล้ว เธอจึงยืนขึ้นล้างมือ เท่านั้นแหละหญิงสาวถึงกับตกใจ เพราะตอนนี้ชุดของเธอและหน้าตาของเธอคือดูไม่ได้แบบสุด ๆ
เสื้อเชิ้ตผ้าไหมอิตาลีสีขาวของเธอหมดกัน เลอะทั้งน้ำตา น้ำลาย และน้ำอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้สภาพมันดูไม่ได้เลย
พลอยใสเปลี่ยนเป็นนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว จัดการซักเสื้อผ้าไหมอิตาลีของเธอด้วยสบู่เหลวล้างมือในห้องน้ำนี่แหละ ส่วนจะตากอย่างไร เธอยังคิดไม่ออก ตากระเบียง ใช้ไดร์เป่าผมเป่า หรือจะให้ใครเอาเสื้อผ้ามาให้ดี ไม่ได้สิ ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็รู้อีกว่าเธอกับประทีปนอนที่นี่กันทั้งคืน
พลอยใสเดินออกจากห้องน้ำ เธอแขวนเสื้อผ้าไหมไว้ใกล้ราวระเบียง ถ้าเธอกับเขาเลือกห้องในราคาที่แพงกว่านี้คงจะมีเครื่องซักผ้า แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมเธอไม่ส่งซักรีด แต่ซักรีดของทางโรงแรมก็ช้าเหมือนกัน เธอต้องการกลับตอนนี้
ส่วนพ่อคนเมายังไม่ได้สติ จะทำอย่างไรกับเขาดี เธอส่งโลเคชันพร้อมทั้งบอกให้พนักงานที่ร้านทำเล็บเอาเสื้อผ้าของเธอมาให้ที่โรงแรม จากนั้นก็ตรงไปยังคนเมาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง
“พี่ทีป พี่ทีป เดี๋ยวพลอยต้องกลับแล้วนะคะ ว้าย!” ประทีปพลิกตัวมาคว้าตัวเธอไปกอดทันที ซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนอย่างหิวกระหาย
“พี่ทีป! ปล่อย” พลอยใสยันคนตัวโตลงไปนอนกองตรงพื้นข้างล่าง เพราะคนโดนยันไม่ทันตั้งตัวเลยตกเตียงดังโครม
“โอ๊ย! พิมพ์” ประทีปร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บที่ได้รับ พร้อมเงยหน้ามองคนที่ถีบเขาหล่นจากเตียง
“คุณน้องพลอย!”
“ใช่ค่ะ! พลอยเอง”
“ทีปขอโทษ ทีปนึกว่าพิมพ์” ประทีปสำนึกผิดแก้ตัวเสียงเบา เพิ่งรู้สึกตัวว่าวันนี้ระหว่างเขากับพิมมาดาไม่ได้มีสถานะเช่นเดิมแล้ว
“ขอโทษอีกครั้งครับ เดี๋ยวทีปไปส่งนะ ขอทีปอาบน้ำแป๊บนึง” ประทีปเดินไปเข้าห้องน้ำ รู้สึกละอายตัวเองขึ้นมาทันที พลอยใสอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนเพราะเธอไว้ใจเขา แต่เขากลับทำนิสัยไม่ดี รู้สึกอายจนต้องรีบอาบน้ำให้หายเมา
พลอยใสส่ายหน้าให้คนเดินเข้าห้องน้ำไป เข้าใจละว่าเขาคงชิน เพราะเขาก็คงนอนกอดเมียเก่ามาเป็นสิบปี ก็ไม่แปลกที่เช้าวันแรกของการไร้เมียอาจจะยังไม่ชิน
โทรศัพท์มือถือของพลอยใสสั่นแจ้งเตือนว่าตอนนี้พนักงานที่ร้านเอาของมาฝากไว้ที่ล็อบบี้แล้ว เธอโทร.บอกพนักงานของทางโรงแรมให้นำมาส่งที่ห้อง พลอยใสจัดการเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยตอนที่ประทีปเดินออกมาด้วยชุดเดิม เสื้อผ้าของเขาไม่เลอะเทอะเท่าของเธอ
“คุณน้องพลอยมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยเหรอครับ” ประทีปถามออกไปอย่างนั้นเพราะต้องการลดความอึดอัดระหว่างกัน
“พลอยให้น้องที่ร้านเอามาให้น่ะค่ะ เราจะกลับเลยไหมคะ” พลอยใสเอ่ยถาม เพราะดูจากสภาพแล้วชายหนุ่มน่าจะขับรถไหว คิดว่าคงสร่างเมาบ้างแล้ว เวลาเกือบสิบนาฬิกา ถึงวันนี้เป็นวันหยุดสำหรับผู้ช่วยท่านรองประธานอย่างประทีป แต่สำหรับแม่ค้าอย่างเธอ วันหยุดคือวันนับเงิน
พลอยใสทำธุรกิจหลายอย่าง ส่วนมากเกี่ยวกับความงาม ไม่ว่าจะเป็นร้านทำผม ร้านทำเล็บ ร้านแต่งหน้า วันหยุดเป็นวันที่ร้านของเธอคนแน่นมาก ต้องจองคิวล่วงหน้าหลายวันกันเลยทีเดียว
“พี่ทีป!” พลอยใสเรียกสติคนที่ยังไม่สามารถครองสติตัวเองได้ดีเท่าที่ควร
“ครับ!”
“ไหวไหมคะ ให้พลอยขับรถให้ไหม” พลอยใสเอ่ยถามในตอนที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากห้องพัก
“ไหวครับ ทีปขับได้” ประทีปตอบด้วยสภาพจิตใจที่ยังคงไม่เต็มร้อย แต่เขาต้องอยู่ให้ได้ หลังจากส่งพลอยใสถึงคอนโดแล้ว ประทีปก็ตรงกลับบ้าน คิดว่าอย่างไรเสียคงต้องคุยกับพิมมาดาให้รู้เรื่อง เพื่อจะได้จัดการชีวิตต่อไป