บทที่ 10

1672 Words
~ สาริญ ~        แหวนงั้นเหรอ        ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสไปเลือกแหวนด้วยกัน ฉันรู้ว่าเราแต่งงานกัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าอติกรจะพาฉันไปเลือกแหวนด้วยตัวเขาเอง เขาทำทุกอย่างที่ฉันฝันเอาไว้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตนี้ และมันก็เต็มเต็มจิตใจของฉันมาก        มันจะเยี่ยมยอดแค่ไหนถ้าเกิดว่าเขาอยากทำสิ่งเหล่านี้กับฉันด้วย มันคงจะเหมือนฉันได้ใช้ชีวิตในฝันเลยละ        ความฝันนั้นมันถูกเติมเต็มไปด้วยเขา ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมอติกรถึงไม่เคยสังเกตเห็นว่าฉันนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น ฉันไม่มั่นใจว่าฉันจัดการเก็บมันเป็นความลับได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าอติกรรู้ว่าฉันชอบเขามันมีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง เขาแต่งงานโดยไร้ซึ่งความสุขอยู่แล้ว และเขาคงจะเกลียดฉันถ้าเกิดเขารู้ว่าฉันต้องการเขามากขนาดไหน และยิ่งรู้ว่าฉันรักเขามาตลอดเวลาที่เขาคบหากับเพื่อนสนิทของฉัน ถึงฉันจะละอายกับเรื่องนี้ แต่ถ้าเกิดเขารู้เข้าแล้วเกลียดฉัน ฉันก็จะไม่กล่าวโทษเขา ฉันไม่มีทางโทษถ้าเกิดทั้งสองคนเกลียดฉัน และอัณญาก็อาจจะเกลียดฉันไปแล้วก็ได้        “พ่อแม่ของนายบังคับให้นายทำแบบนี้เหรอ” ฉันถาม เขาคงไม่ได้ตัดสินใจเอง ฉันรู้ขนาดนั้นเลยละ เขาคงจะรักอัณญามากเกินกว่าจะไปซื้อแหวนกับฉันน่ะ        เขาพยักหน้า “ใคร ๆ ก็หวังว่าเธอต้องมีแหวน มันคงจะน่าสงสัยถ้าเกิดเธอไม่มีแหวนน่ะ มันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาบังคับให้ฉันซื้อแหวนหรือเปล่า ยังไงฉันก็ต้องซื้อสักวงให้เธออยู่แล้ว”        ฉันพยายามจะไม่ให้เสียงของเขามากระทบฉัน แต่เมื่อเสียงของเขาสนองความต้องการของฉัน เสียงนั้นมันทุ้มแต่ก็นุ่มไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากจะหลับตาลงและบอกให้เขาพูดต่อไปเรื่อย ๆ ฉันไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไร เพราะฉันมีความสุขกับทุกสิ่งที่ออกมาจากปากเขา        “เรามาถึงแล้ว” จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ฉันผิดหวังที่เขาขับรถเร็วขนาดนี้ ฉันอยากจะใช้เวลาอยู่กับเขาในรถให้นานกว่านี้ ฉันรู้ว่าอติกรอยากจะใช้เวลากับฉันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราไม่ได้ต้องการเหมือนกัน        ฉันเดินตามเขาลงจากรถ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านที่ชื่อว่าร้านทองคล้องใจ มันเป็นร้านขายเครื่องประดับที่ดับและแพงที่สุดในย่านนี้เลย        “ระหว่างที่เธอเลือกของที่เธอต้องการ ฉันเตือนเอาไว้ก่อนเลยนะว่าพ่อของฉันอยากให้มันแพง และต้องเป็นเพชรที่เม็ดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีอยู่ พวกเราทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน”        “ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกก” ฉันเริ่มตอบทันที แต่เขาก็ตัดบทของฉันด้วยสายตาที่เขามองมาหาฉัน ฉันไม่คิดว่าเขาจะเต็มใจจะรับคำปฏิเสธ ฉันคิดว่าเขาน่าจะพยายามเลี่ยงความขัดแย้งที่จะต้องมีต่อพ่อแม่ของเขา        “เธอก็รู้ว่าครอบครัวของเราดื้อดึงขนาดไหน มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำอะไรที่ต่างออกไปจากที่พวกเขาต้องการ” เขาเสริม “อีกอย่าง เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรือไม่สบายใจเลย”        เงินมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉันเหมือนกัน แต่ฉันไม่ชอบรับของแพง ๆ เอาไว้ในขณะที่ฉันไม่ควรได้รับมัน โดยเฉพาะตอนที่ใครบางคนถูกบังคับให้มอบมันให้กับฉัน        พนักงานอยากจะเข้ามาบริการจนตัวสั่นเมื่อได้เห็นเราสองคน        “คุณอติกร” บุรินทร์ ชื่อของเขาเขียนอยู่บริเวณป้ายชื่อบนหน้าอก เขาทักทายอติกรก่อนจะหันมาทางฉันพลางโค้งเบา ๆ ให้ “คุณสาริญ ยินดีที่พวกคุณมาที่นี่นะครับ ยินดีกับการเดินทางของคุณทั้งสองคนด้วย ทุกคนกำลังจับตามองงานแต่งงานแห่งปี พวกเราดีใจที่คุณเลือกที่จะมาซื้อแหวนของเราที่นี่ครับ”        ฉันยิ้มให้กับเขา เพื่อให้เขารู้ว่าฉันยินดีกับคำพูดของเขา ในทางกลับกัน อติกรดูหมดความอดทนและเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา เขากำลังอ่านข้อความของอัณญาอยู่เหรอ พวกเขากลับไปคุยกันแล้วเหรอ ฉันรู้ว่าเธอไม่สนใจเขาเหมือนที่เธอทำกับฉัน แต่ฉันไม่มั่นใจว่ามันเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า ฉันพยายามติดต่อเธอเพื่อขอโทษและอธิบายทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น แต่เธอไม่ยอมฟังฉันเลย        “เอาแหวนที่มีค่าที่สุดมาให้ดูหน่อยสิ” อติกรบอกกับผู้จัดการร้าน        บุรินทร์พยักหน้ารับก่อนจะพาเราไปที่ห้องส่วนตัวเพื่อดูแหวนที่แพงที่สุดของร้าน ชุดนี้มันสวยมาก แต่ฉันไม่เจอสิ่งที่ฉันชอบเลย ฉันอยากได้แหวนที่มันทำให้ฉันรู้สึกสนิทสนมกับอติกรมากขึ้น และไม่มีอะไรที่จะทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นได้เลย ฉันรู้ว่าอติกรอยากให้ฉันรีบ ๆ เลือกแหวนเขาจะได้ออกไปจากที่นี่สักที แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างน้อยฉันก็อยากจะชอบมันก่อนที่ฉันจะอนุญาตให้เขาเสียเงินเหล่านั้นเพื่อฉัน        “เลือกที่ชอบได้เลย” เขาพูดอย่างอ่อนโยน ฉันไม่อยากเป็นคนเดียวที่เลือกมัน ฉันอยากฟังความเห็นของเขาด้วย แต่เขาจะพูดออกมาไหมนะ        “นายคิดว่าอันไหนมันเหมาะกับฉันเหรอ” ฉันถามเขา “ฉันดูอยู่ แต่ฉันไม่เห็นว่าจะมีอันไหนที่มันจะอยู่กับฉันไปชั่วชีวิตได้เลย”        อติกรดูตกใจกับคำพูดของฉัน แต่เขาก็รีบปกปิดท่าทีของเขา        “เธอเป็นคนแรกที่ผมเห็นเธอถามความเห็นจากคู่ของเธอเลย คุณโชคดีจังเลยครับ เธอจะต้องรักคุณมากแน่ ๆ ” บุรินทร์พูดขึ้น        เลือดแดงก่ำสูบฉีดขึ้นที่ใบหน้าของฉัน ฉันรู้ว่าอติกรต้องไม่เชื่อคำของเขาแต่มันก็รบกวนฉันไม่เบาเลย ฉันพยายามไม่มองไปทางอติกร ฉันไม่อยากเห็นท่าทีที่เขาจะแสดงออกเมื่อได้ฟังสิ่งที่ผู้จัดการพูด        อติกรเซอร์ไพรส์ฉันเมื่อเขาดคงเก้าอี้มาใกล้กับบริเวณที่จัดแสดง ฉันเลือกตามเขาไป และฉันก็เห็นบางอย่างที่มันดึงความสนใจของฉัน แหวนวงแรกวงนั้น        “ขอดูอันนี้ได้ไหมครับ” เขาพูดขึ้น ฉันมองไปตามที่นิ้วเขาชี้        ฉันตกใจเมื่อเห็นว่าแหวนที่เขาเลือกเป็นวงเดียวกับที่ดึงความสนใจของฉัน นั่นก็คือแหวนเพชรทรงหัวใจ        บุรินทร์ยื่นมาให้พวกเรา มันส่องแสงแวววับภายใต้แสงสีเหลือง        อติกรจังมือของฉันก่อนจะสวมแหวนเข้าไปที่นิ้วของฉัน มือของฉันรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางการสัมผัสที่อบอุ่นของเขา เขาจ้องสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันตรง ๆ ลมหายใจของฉันหยุดชะงัก มันยากที่จะหายใจภายใต้ดวงตาที่ดำขลับของเขา เขาเองก็รู้สึกเชื่อมต่อกับฉันด้วยไหมนะ จู่ ๆ เขาก็ละสายตาออกจากฉันทันที และฉันก็พยายามที่จะรู้สึกไม่ดีเพราะมัน        “เธอชอบมันไหม” เขาถาม        อันนี้แหละ อันนี้ที่ฉันต้องการมันอย่างไม่ลังเล มันไม่ใช่แหวนที่แพงที่สุดในร้าน แต่มันมีเอกลักษณ์และฉันรู้สึกว่ามันทำขึ้นมาเพื่อฉัน ฉันไม่คิดว่าพ่อแม่ของพวกเราจะไม่พอใจเพราะมันก็แพงไม่เบาเหมือนกัน มันสวยมาก และยิ่งกว่าความสวยก็คือมันเป็นแหวนที่อติกรเลือกให้ฉัน        “ฉันชอบมันมาก” ในที่สุดฉันก็ตอบออกมา        อติกรดูตกใจไม่เบา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรกับฉัน จากนั้นมือของเขาก็ยื่นบัตรเครดิตให้กับบุรินทร์ ที่หยิบไปจากเขาด้วยความยินดี        “เธอไม่ต้องกังวลนะ” เขาพูด “ฉันจะดูแลมันเอง”        “ไม่” ฉันปฏิเสธ “นายซื้อแหวนให้ฉันแล้ว ฉันก็ต้องซื้อวงหนึ่งให้นายเหมือนกัน ฉันยินดีที่จะเลือกวงหนึ่งให้นายนะ”        เขากำลังจะตอบแต่เสียงโทรศัพท์ของเขาเข้ามาขัดจังหวะก่อน ใบหน้าของเขาซีดเผือด มันจะต้องมีบางอย่างที่ทำให้เขากลัวแน่ ๆ        “ฉันต้องไปแล้ว” เขารีบพูดขึ้น “เกิดบางอย่างขึ้นกับอัณญา”        อัณญาเหรอ ฉันลุกขึ้นจากที่นั่งทันที        “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็ต้องไปที่นั่งเหมือนกัน ฉันอยากไปหาเธอ”        “มันเป็นความคิดที่แย่นะสาริญ สิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะเห็นคือการที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ฉันจะให้กฤตินมารับเธอไปส่งที่บ้านนะ”        ฉันกำลังจะเรียกร้องบางอย่าง แต่เขาก็เดินออกจากประตูไปก่อนที่ฉันจะพูดอะไรเสียอีก บุรินทร์มองฉันด้วยสายตาเห็นใจ ฉันรู้ว่าเขาคงไม่ใช่คนเดียวที่จะมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น อติกรไปหาอัณญาตลอด ฉันไม่รู้ว่าฉันจะชินกับสิ่งนี้ได้อย่างไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD