~ อติกร ~
“แกต้องเอาแหวนให้สาริญนะ” พ่อของผมบอก “มันจะต้องเด่นบนมือนะ จำเอาไว้ ว่าทุกคนต้องมองมาที่มือของเธอ ทำให้ทุกคนหยุดและมองให้ได้ พวกเขาต้องรู้ว่าครอบครัวหริณะไม่ได้มาเล่น ๆ ”
ผมควรจะคาดหวังว่านี่จะเป็นสิ่งที่เขาเรียกผมมาคุยที่บริษัทตั้งแต่เช้าการเลือกแหวนมันเหมือนจะเป็นสิ่งที่ผมต้องทำเพื่อคนที่ผมรัก ไม่ใช่กับผู้หญิงที่ครอบครัวผมบังคับให้แต่งงานด้วย ใช่ไหมล่ะ
“เธอเลือกเองได้” ผมบอกพ่อ “ผมจะเอาบัตรเครดิตให้เธอ”
ความคิดที่ว่าต้องเลือกแหวนให้กับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก มันทำให้ผมโมโห
พ่อของผมจ้องมาที่ผมก่อนจะพูดออกมาด้วยความไม่ยินยอม “จะทำแบบนั้นไม่ได้ แกจะต้องไปเลือกด้วยกัน อย่ากลับบ้านจนกว่าจะซื้อแหวนที่แพงที่สุดในร้านกลับมา”
ผมถอนหายใจ ความคิดที่ทุกคนมีต่อแหวนเป็นสิ่งเดียวที่พ่อกังวล ความคิดเห็นของคนคนเดียวที่พ่อควรจะเป็นห่วงคือความคิดของสาริญ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ได้ใส่มัน
ผมมองโทรศัพท์ที่แจ้งเตือนของผม มันเป็นข้อความจากอัณญา หัวใจของผมกลับมาเต้นอีกครั้งเมื่อได้รับการตอบกลับจากเธอ
แต่อย่างไรก็ตามผมไม่มีความสุขกับสิ่งที่เธอพูด
‘ฉันคิดว่าเธอรักฉันเสียอีก แต่ฉันคิดผิด’
“พ่อหวังว่าแกจะไม่ติดต่อผู้หญิงคนนั้นอีก” พ่อพูดกับผม “แกกำลังจะแต่งงานกับสาริญแล้วนะ เคารพเธอหน่อย แล้วก็อย่าทำให้ครอบครัวเราผิดหวัง”
“พ่อได้ถามผมบ้างหรือเปล่าล่ะ” ผมโพล่งขึ้น “พ่อทำลายชีวิตผมไปหมดแล้วแถมยังบังคับให้ผมแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่ได้รักเพื่อเงินและเส้นสาย พ่อยังจะบอกให้ผมหยุดติดต่อกับอัณญาอีกเหรอ”
ผมตัดขาดเธอราวกับใครก็ไม่รู้ไม่ได้จริง ๆ ผมต้องใช้เวลาในการทำใจกับทุกอย่าง ผมต้องการเวลาในการค่อย ๆ เอาเธอออกไปจากชีวิตของผม ผมไม่สามารถหลับตาแล้วทำเหมือนกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุได้
“เธอจะเป็นคนทำให้ลูกว้าวุ่นใจนะ” พ่อไม่สนใจคำถามของผม
“ผมไม่สนใจเธอไม่ได้หรอก ตราบใดที่น้องของผมยังพาเธอมาที่บ้านนี้ ผมจะทำได้อย่างไรล่ะ” ผมพูดขึ้น “เธอไม่มีทางออกไปจากชีวิตของพวกเรา ไม่ว่าพ่อจะชอบหรือไม่ สักวันอัณญาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ไม่ว่าจะเป็นดนัยหรือดนุภัทร ใครสักคนต้องได้แต่งงานกับเธอ”
พ่อดูไม่พอใจเมื่อผมพูดออกมาตรง ๆ พ่ออาจจะบังคับให้ผมแต่งงานกับสาริญได้สำเร็จ แต่กับพี่น้องที่ดื้อกว่าผมนั้น เขาไม่มีทางทำมันได้ง่าย ๆ แน่นอน
“พ่อจะไปบอกสาริญว่าลูกจะไปรับเธอที่บ้านในอีกหนึ่งชั่วโมง” ในที่สุดพ่อก็พูดออกมา “อย่าไปสายล่ะ”
ผมชายตามองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก การพูดกับพ่อของผมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มันมีแต่จะทำให้ผมโกรธมากกว่าที่เป็น
ผมหยิบกุญแจรถขึ้นมาจากโต๊ะก่อนจะรีบออกจากบริษัทของพ่อ
“โอ้ว อยู่นี่เอง” กฤตินพูดขึ้นเมื่อผมเข้ามาหาเขา “อารมณ์ไม่ดีเหรอเนี่ย”
“ใช่สิ” ผมถาม “มันเผยให้เห็นชัดเลยเหรอ”
น้องขายของผมเอามือถูคางเหมือนกับจะหาคำตอบ “อืม... มันมีเล่ห์เหลี่ยมไม่เบา”
เขายิ้มเล็กน้อย “นี่ต้องไปเจอภรรยาในอนาคตใช่ไหมเนี่ย”
ผมไม่สนใจความสุขบนใบหน้าของเขา เขาไม่เคยซ่อนความไม่ชอบที่มีต่ออัณญาเลย และแน่นอนว่าเขาต้องมีความสุขที่ผมต้องแต่งงานกับใครก็ตามที่ไม่ใช่เธอ
“หัวเราะไปก่อนเถอะ เดี๋ยวสักวันก็ต้องเจอแบบฉัน สักวันนายจะต้องแต่งงานกับใครสักคนที่นายไม่ได้รัก” ผมเตือนเขา
“ผมมีทางออกน่า” เขาตอบกลับ “ไม่มีทางหลงรักอยู่แล้ว”
ผมไม่สนใจเขาเพราะผมรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เมื่อความรักคืบคลานเข้ามา มันเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถปล่อยผ่านมันไปได้ เขาจะต้องรู้ในอีกไม่นาน
ผมรู้ว่าสาริญอยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้ผมไปส่งอัณญาที่นั่นหลายครั้ง มันใช้เวลาไม่นานกว่าผมจะไปถึงที่หมาย
ผมต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าเธอรอผมอยู่ที่ประตูแล้ว เธอรอผมมานานแค่ไหนแล้วนะ ความสวยของเธอมันทำให้ผมต้องหยุดมอง เมื่อก่อนผมอาจจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้มันยากที่จะทำเหมือนเดิมเมื่อผมรู้ว่าเธอรอผมพร้อมกับชุดกระโปรงสีดำ ทรงผมของเธอมัดรวบเป็นมวยผมแบบยุ่ง ๆ
ผมลงมาจากรถก่อนจะเผชิญหน้ากับเธอด้วยความกังวล “ทำไมไม่รออยู่ด้านในล่ะ” ผมถามเธอ
เธอหน้าแดงเมื่อได้ฟังคำถามจากผม “ฉันไม่ได้รอนานมากหรอก ฉันรู้ว่านายขับรถเร็วขนาดไหน และพ่อของนายก็บอกแล้วว่านายจะมาถึงในชั่วโมงหนึ่ง”
เธอเข้ามาใกล้จนผมแทบหยุดหายใจ ผมยังไม่ได้เตรียมใจสำหรับสิ่งนี้ ผมเลยถอนหลังไปก้าวหนึ่งก่อนที่กลิ่นกายของเธอจะเข้ามาปะทะผม
ผมเปิดประตูรถให้เธอก่อนจะรอให้เธอเข้าไปในรถ จากนั้นผมก็ปิดประตูก่อนจะเดินไปฝั่งคนขับ
ผมบอกได้เลยว่าเธอนั้นตึงเครียดขนาเไหนจากการที่เธอขยับนิ้วไปมาไม่หยุด
“เราจะไปที่ไหนกัน” เธอถามผม
ผมชายตามองเธอทั้ง ๆ ที่ผมหวังว่าผมจะไม่ทำแบบนั้น สาริญนั่งอยู่ด้านหน้าของรถ ขาเรียวยาวสีแทนของเธองออยู่และสั่นเล็กน้อย ลำคอที่เผยให้เห็นมันกำลังเรียกร้องให้ผมจูบมัน เหมือนกับที่ริมฝีปากชมพูของเธอเคยร้องหา มือของผมกำพวงมาลัยแน่นพลางพยายามต่อสู้กับตัวเองไม่ให้ไปจับต้นขาของเธอ
ผมละสายตาออกก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่าผมมองเธอ
ให้ตายเถอะ
ผมรู้ว่าการได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าครึ่งตัวของเธอมันทำให้ผมแทบบ้า ตอนนี้ผมอยากจะเปลื้องผ้าของเธอออกก่อนจะดูสิ่งที่เธอปกปิดผมในวันนั้น มันเป็นภาพที่คงจะตราตรึงใจผมไปตลอดชีวิตเลยละ
ผมกระแอมเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาว่า “พวกเราจะไปซื้อแหวนให้เธอก่อนจะถึงงานหมั้น”