ชุดเดรสหลุดจากมือของฉัน ดวงตาของเขามองลงต่ำ หัวใจของฉันหยุดไปครู่หนึ่ง เขายังคงจ้องอยู่ไม่ห่าง ฉันแทบจะไม่ได้ยินเสียงหายใจของฉันตอนที่ความหิวกระหายมันบดบังดวงตาของเขา ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อนเลย แล้วก็ไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นจากดวงตาของเขา แม้แต่ตอนที่เขามองอัณญา มันแปลกใหม่สำหรับฉันมาก
เสียงฝีท้าวมันทำให้เราทั้งคู่หลุดจากภวังค์ อติกรเดินเข้ามาจากนั้นก็ปิดประตูปัง ก่อนที่ทุกคนจะเห็นฉัน
เสียงมันดังพอที่จะย้ำเตือนให้ฉันรู้ถึงสถานะของฉัน
ฉันหมุนไปรอบ ๆ ก่อนจะปกปิดหน้าอกที่เปลือยเปล่าถึงมันจะดูไร้เหตุผลไปหน่อยเพราะตอนนี้เขาเห็นมันหมดแล้ว และฉันก็ได้โชว์ก้นให้เขาเห็นในตอนนี้อีก ถ้าเกิดเขายังมองฉันอยู่นะ ซึ่งฉันก็เดาว่าเขายังมองอยู่
เขากระแอมเบา ๆ
“ฉันจะออกไปก็ต่อเมื่อน้องของฉันเดินผ่านห้องของฉันนะ” เขาบอกฉัน นี่ฉันเข้าใจผิด หรือเป็นเพราะเสียงของเขาแหบแห้งกันนะ
“ได้เลย” ฉันตอบเบา ๆ “นี่เป็นห้องของนาย ฉันจะเปลี่ยนเสร็จแล้วละ แล้วเดี๋ยวนายก็ใช้ห้องของนายได้เต็มที่เลย”
“ไม่” เขาไม่เห็นด้วย “ไม่ต้องรีบหรอก”
เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างอ่อนนุ่ม “นี่ก็เป็นห้องของเธอเหมือนกัน”
เวลาผ่านไป แล้วฉันก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ก่อนจะปิดหลังฉันไป ฉันหายใจก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าฉันกลั้นหายใจไปนานแค่ไหรจากนั้นฉันก็ร่วงลงบนเตียงเขา ใบหน้าของฉันกระทบเข้ากับเสื้อของเขา แล้วฉันก็หายใจเข้าถึงแม้ว่าฉันจะไม่ควรก็ตาม ทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงได้หอมเหมือนตัวเขาเลยนะ มันไร้เหตุผลมากเลยละ
ฉันกระเด้งตัวออกมาจากเตียงเมื่อประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง “สาริญ ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก” แม่พูดออกมา “รออะไรอยู่ล่ะ”
ฉันถอนหายใจก่อนจะใส่ชุดอย่างรวดเร็ว แม่ช่วยฉันรูดซิปที่ด้านหลัง แล้วเราก็โผล่หัวออกไปนอกห้อง อติกรกำลังรอเราอยู่ห่าง ๆ แล้วฉันก็รู้สึกได้ว่าแก้มของฉันแดงแจ๋เมื่อคิดได้ว่าเมื่อครู่เพิ่งเกิดอะไรขึ้น เขาเห็นทั้งเนื้อทั้งตัวของฉันหมดแล้ว เมื่อไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว ฉันก็จัดการกับอติกร หริณะได้แล้ว
วันนี้เป็นวันที่ทุบสถิติเรื่องน่าอายของฉันไปหมดแล้ว
ฉันมองเขาที่เดินเข้ามาในห้องก่อนจะเปลี่ยนชุดเหมือนกับที่ฉันเพิ่งจะเปลี่ยนเสร็จ
“โทรศัพท์ของพี่ดังไม่หยุดแล้วเนี่ย” น้องสาวของฉันบอกฉันก่อนจะเดินเข้ามาข้าง ๆ ฉันรับมันมาจากเธอ ก่อนจะมองดูข้อความแจ้งเตือนมากมาย
ให้ตายเถอะ ทุกคนในโรงเรียนรู้กันหมดแล้วว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับอติกร เหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้ บางคนเรียกฉันว่าเพื่อนจอมเสแสร้ง บางคนก็มาขอเป็นเพื่อนกับฉันเพราะฉันกำลังจะแต่งงานกับอติกร
ไม่มีข้อความไหนที่จะทำให้ฉันหัวเสียได้เท่ากับข้อความหนึ่งที่เด้งขึ้นมา มันเป็นข้อความจากอัณญา
‘เธอทำแบบนี้ได้อย่างไร’
เพียงไม่กี่คำเท่านั้น แต่มันส่งผลกระทบที่เธอต้องการในตัวฉัน
ฉันไม่ได้ตั้งใจอยากจะแต่งงานกับอติกร ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะยินยอมกับเรื่องเหล่านี้ เมื่อฉันได้โอกาส ฉันน่าจะต้องต้อนเขาไปในทุก ๆ อย่าง มันไม่มีทางที่จะทำให้เขาตกลงแต่งงานกับฉันแบบง่าย ๆ พ่อแม่ของเขาได้บังคับให้เขาตอบตกลงหรือเปล่า แต่พ่อแม่ของเขาก็อยู่ข้าง ๆ ฉันตลอดเวลาเลยนี่ พวกเขาคงไม่มีโอกาสจะโน้มน้าวเขาด้วยซ้ำ คงจะมีใครบางคนไปทำให้เขาเปลี่ยนการตัดสินใจในครั้งนี้น่ะสิ
มันมีสายโทรเข้ามาเป็นสิบสาย จากเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน เธอน่าจะรู้ว่าฉันไม่มีทางตั้งใจอยากจะหักหลังเธอ มันเกินความควบคุมของฉัน ฉันไม่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ
บางทีฉันอาจจะไปเจอพร้อมกับอติกรได้ แล้วเราจะได้หาทางหยุดงานแต่งงานนี้ ถึงแม้ว่าหัวใจฉันจะอยู่ที่เขาหมดใจ แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะแย่งเขามาจากอัณญา เพราะฉันเป็นห่วงพวกเขามากเกินกว่าที่จะแยกเขาออกจากกัน
เมื่ออติกรเดินออกจากห้องนั้น หัวใจของฉันก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มครู่หนึ่ง ฉันเอาแต่มองตาค้าง ชุดสีขาวของเขามันตัดกับดวงตาทำให้ดูโดดเด่น ใยผ้ามันรัดเรือนร่างของเขาแน่นจนไม่เหลือส่วนใดให้ได้จินตนาการเองอีก
เขาจับได้ว่าฉันกำลังจ้องเขาอยู่ และลมหายใจของฉันก็ติดอยู่ที่ลำคอ ฉันรีบละสายตาไปทางอื่น ก่อนจะพยายามทำตัวตามปกติถึงแม้ว่าหัวใจของฉันมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาทำต่อฉันมาตลอด ยกเว้นในตอนนี้ที่เขาหันมามองฉันในที่สุด เขาไม่เคยทำแบบนี้เลย ฉันได้รับความสนใจจากเขา แต่ฉันไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจในท่าทีที่ฉันจะแสดงออกมาเลย
เขาดูสวยงามมาก อติกรเป็นผู้ชายที่ดูดีที่สุดตั้งแต่ฉันลืมตาขึ้นมาดูโลก มันดีกว่าอะไรเป็นไหน ๆ
“มากับฉันสิ” อติกรพูด จากนั้นฉันก็ทำตามที่เขาบอก เขาพาพวกเราไปหาช่างถ่ายภาพ ชายคนนั้นดูกระตือรือร้นในการถ่ายรูปของเรา มันจะต้องเป็นสิ่งที่เขาชอบทำแน่ ๆ เขาคุ้นเคยกับการถ่ายภาพให้กับคนที่ไม่ได้อยากจะแต่งงานกันไหมนะ ถ้าเกิดเขาไม่ชิน นี่คงจะเป็นงานที่น่าสนใจสำหรับเขามาก
“โอบเธอหน่อย” ช่างถ่ายภาพแนะให้อติกรทำ
ตรงนั้นมีช่างภาพอีกคนอยู่ด้านหลังด้วย พลางเตรียมพร้อมที่จะถ่ายทันที
ฉันขบริมฝีปากตอนที่นิ้วมือของเขาโอบเอวของฉันอยู่ มือของเขานั้นอบอุ่นเหมือนกับเรือนร่างของเขา มันทำให้รู้สึกดีไม่เบา กลิ่นกายของเขามันปะทะเข้ากับจมูกฉันเมื่อเขาเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้ และฉันก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมไปเลยละ
“ผมอยากให้คุณทั้งสองคนยิ้มแบบมีความสุขที่สุด” เขาบอกกับพวกเราต่อไป
รอยยิ้มที่มีความสุขที่สุดงั้นเหรอ ไม่มีใครมีความสุขทั้งนั้นละ จะให้เราทำแบบนั้นได้อย่างไร
แม่ของฉันชี้ไปที่ริมฝีปาก ก่อนจะสาธิตให้ฉันยิ้มตาม เมื่อเห็นดังนั้นฉันก็ถอนหายใจก่อนจะทำตามที่ช่างภาพบอก
ฉันรู้สึกได้ถึงรังสีความโกรธจากอติกร เขาแทบจะทนไม่ไหวที่ต้องมาทำแบบนี้กับฉัน และฉันก็ไม่ได้อยากจะกล่าวโทษเขา ไม่มีใครควรโดนบังคับให้ทำอะไรที่ไม่อยากจะทำ
ร่างการของฉันมันแทบไม่ได้ขยับเลย ฉันรอให้ทุกอย่างมันจบสักที ฉันพยายามจะไม่เสพสุขกับการที่เขาเข้าใกล้ แต่มันยากที่จะทำแบบนั้นได้
“ฉันจะทำให้มันโอเค” เขาพูดขึ้นมากะทันหัน
หลังจากการถ่ายภาพ ฉันก็กลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับอติกร จนกระทั่งฉันมีโอกาสที่ได้อยู่กับเขาสองต่อสอง ตอนที่เขาหันมาเจอฉัน เขาดูไม่ตกใจเลย เขาจะต้องรู้ว่าฉันอยู่ด้านหลังอยู่แล้วแน่ ๆ
“เธอเดินตามฉันมาทำไม สาริญ”
ชื่อของฉันที่ออกมาจากปากของเขามันสะเทือนไปถึงกระดูกสันหลังเลยละ ฉันหวังว่าเขาจะเรียกชื่อฉันมาตั้งแต่กี่ครั้งแล้ว แต่ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ อย่างไรก็ตาม
“ฉันอยากรู้ถ้าเกิดว่ามีทางที่เราจะยกเลิกงานแต่งนี้ได้” ฉันบอกเขา “ฉันรู้ว่านายไม่ได้อยากแต่งงานกับฉัน ฉันรู้ว่านายรักอัณญา แล้วเธอก็เป็นเพื่อนสนิทฉันด้วย ฉันไม่อยากให้เธอคิดว่าฉันทรยศเธอด้วยการแต่งงานกับนาย แต่ฉันจะหนีจากการแต่งงานนี้ด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันต้องการให้นายช่วย”
อติกรดูตกใจกับสิ่งที่ฉันพูด เขาไม่คิดว่าฉันจะขอให้เขาช่วยให้งานแต่งงานนี้มันไม่สำเร็จ มันมีอะไรให้ตกใจขนาดนั้นนะ เขาคิดว่าฉันจะเหมือนกับพ่อแม่ของฉันงั้นเหรอ