บทที่7

3029 Words
   เดือนนี้แผนกบัญชีจะงานเยอะกว่าทุกเดือนเพราะเป็นเดือนที่ต้องสรุปยอดและผลกำไรขาดทุนของบริษัทในไตรมาสที่สามของปี เหลืออีกเพียงสามเดือนก็จะสิ้นปีอีกแล้ว ปรายฟ้าเองก็ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาคิดอะไรกลับถึงห้องพักในแต่ละวันก็แทบจะสลบไสล งานส่วนที่เธอและเพื่อนอย่างวารินีรับผิดชอบมันต้องมีออกไปตรวจเช็คสต็อคสินค้าที่โกดังแถวชานเมืองด้วย และสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์เธอกับเพื่อนแทบจะไม่ได้เข้าสำนักงานใหญ่ เพราะต้องตรวจสอบสินค้าคงเหลือให้ตรงกับรายการที่แผนกจัดซื้อส่งมาให้อีกที "ปรายดูหน้าแกซีดๆนะไม่สบายหรือเปล่าแก" วารินีเอ่ยทักเพื่อนทันทีที่เห็นอีกคนเดินเข้ามายังแผนก วันนี้พวกเธอแวะเข้ามาเอาเอกสารใบตรวจรายการสินค้าชุดสุดท้ายที่มีปัญหายอดสั่งซื้อกับจำนวนที่ขายออกไปกับสินค้าคงเหลือไม่ตรงกัน จนต้องให้ทางแผนกนำไปตรวจสอบแก้ไขอีกครั้งถ้ารอบนี้สินค้าตรวจสอบแล้วตรงกันก็ถือว่าหน้าที่ของพวกเธอจบลงแล้วสำหรับเดือนนี้ "ไม่เป็นไร เราแค่รู้สึกเหนื่อยๆน่ะ" ปรายฟ้าตอบเพื่อนตามจริง เธอรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ แต่คิดว่าคงเพราะช่วงนี้งานเยอะและมีเวลาพักผ่อนน้อยลงก็เลยเพลียเท่านั้นเอง "อืม ถ้าไม่ไหวยังไงแกรีบบอกฉันนะ เพราะดูสภาพแกตอนนี้ฉันกลัวแกจะเป็นลมเป็นแล้งไปน่ะ" วารินียังย้ำเพื่อนด้วยความเป็นห่วงเพราะอีกคนดูล้ามากกว่าทุกวัน "อือ ขอบใจแต่ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า เรารีบไปกันดีกว่าจะได้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ"  "เออๆ ขอฉันแวะล้างแก้วกาแฟแปปนึง แกลงไปรอฉันที่หน้าตึกเลยก็ได้" วารินีบอกเพื่อนรักก่อนจะรีบถือแก้วกาแฟไปยังห้องแพนทรีของแผนก ปรายฟ้าพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปรอเพื่อนที่หน้าตึก  ตั้งแต่วันที่ภาณุยอมรับปากว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเธออีกเขาก็ทำอย่างที่พูดจริงๆและรูปภาพในเพจก็ได้ถูกลบออกภายในเย็นวันนั้นเลย ปรายฟ้าค่อนข้างที่จะสบายใจชีวิตเธอตอนนี้จึงมีแค่เรื่องงานอย่างเดียวในแต่ละวัน แต่ก็ใช่จะทั้งหมดซะทีเดียวบางเสี้ยวเวลาก็ยังมีภาพของคืนนั้นโผล่มาให้ได้ใจสั่นทุกครั้งที่เผลอนึกถึงใบหน้าอีกคน เธอเองยังแปลกใจว่าทำไมถึงได้จดจำคนหน้าคมได้ชัดเจนขนาดนี้ เช้าวันหยุดแบบนี้ปกติณัฐวรินทร์จะตื่นสายเกือบเก้าโมง แต่วันนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะรู้สึกคลื่นไส้จนต้องลุกมาอาเจียนแต่เช้า สงสัยโรคกระเพาะจะกำเริบอีกแล้วมั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอยุ่งจนกินข้าวผิดเวลาไปหลายมื้อ คงต้องให้พี่ชายจัดยามาให้สักชุดแล้วล่ะ หญิงสาวครุ่นคิดในใจถึงอาการของตัวเอง "อ้าว ทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้ล่ะคุณลูกสาว หรือว่ามีนัดกับใคร" เสียงเอ่ยทักทายจากบิดาดังขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงของลูกสาวเดินเข้ามายังห้องอาหาร "ไม่ได้มีนัดกับใครหรอกค่ะ สงสัยอาการโรคกระเพาะจะกำเริบตื่นมาก็คลื่นไส้แต่เช้าเลยค่ะ"  "ถึงว่าสิหน้าตาดูเซียวๆนะลูก แล้วนี่กินยาลงไปหรือยัง" มารดาที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองหน้าลูกสาวก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "กินยาน้ำลงไปแล้วค่ะ นี่ก็ว่าจะโทรบอกพี่นนท์ให้จัดยาชุดกลับมาให้ด้วย" เพราะเมื่อคืนนี้พี่ชายเธอเข้าเวรดึกกว่าจะออกมาคงเก้าโมงเช้า "ดีแล้วลูก ดูแลตัวเองหน่อยแสดงว่าช่วงนี้กินข้าวไม่เป็นเวลาบ่อยสิเรา" บิดาเอ่ยสำทับขึ้นมาอีกครั้ง งานที่บริษัทตอนนี้มีณัฐวรินทร์และวัชรกรหลานชายอีกคนซึ่งก็เป็นลูกชายของอธิวัฒน์พี่ชายแท้ๆของเขานั่นเองที่ช่วยกันบริหารอยู่ตอนนี้ ซึ่งตัวเขาเองเพิ่งวางมือมานั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาอย่างเดียวเมื่อสองปีที่แล้วอีกไม่นานหลานสาวอีกคนก็จะจบโทจากต่างประเทศ คงได้กลับมาช่วยพี่ๆได้พอสมควร  "ใช่ค่ะ อาทิตย์ที่แล้วทั้งออกไปพบลูกค้าทั้งประชุม ณัฐกับพี่วัชนี่แทบจะน็อตหลุดกันทั้งคู่ค่ะ แต่ก็คุ้มค่าเพราะเราได้ลูกค้าใหม่มาเพิ่มอีกตั้งสามเจ้า ออเดอร์ไตรมาสหน้าเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเลยค่ะ  ณัฐว่าจะมาขอคำปรึกษาคุณพ่อเรื่องขยายโรงงานที่ชลบุรีเพื่อเพิ่มไลน์ผลิตให้เพียงพอกับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นมาน่ะค่ะ" "อืมก็ดีนะลูก เพราะเนื้อที่ว่างบริเวณข้างโกดังเราก็ยังไม่ได้ทำอะไร  งั้นณัฐก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกับพี่วัชเขาดูสรุปยังไงก็เอาเข้าที่ประชุมเลยจะได้รีบดำเนินการนะ" "ค่ะคุณพ่อเดี๋ยววันจันทร์นี้ณัฐจะได้คุยกับพี่วัชเลย" ณัฐวรินทร์ยิ้มรับก่อนจะรีบกินอาหารมื้อเช้าก็คือข้าวต้มกุ้งของโปรดอีกอย่างของเธอนั่นเอง ปรายฟ้าเดินทางกลับบ้านที่ระยองตามปกติเหมือนทุกเดือน แต่ครั้งนี้เธอได้ขอลาพักร้อนต่ออีกสองวันเพราะรู้สึกร่างกายตัวเองเหนื่อยล้ามากกว่าที่เคย ได้พักผ่อนเต็มที่คงจะดีขึ้น หญิงสาวมาถึงตอนเก้าโมงกว่าก็เห็นรถของพี่สาวจอดอยู่ในโรงรถแล้ว ปรายฟ้าอมยิ้มในหน้าพี่สาวเธอเป็นคนตื่นเช้าเสมอนี่เจ้าตัวคงจะออกมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้าเลยละมั้ง "สวัสดีค่ะพี่ปัณ มาถึงแต่เช้าเลยเหรอคะ"คนหน้าหวานส่งยิ้มทักทายพี่สาวคนสวยที่ยืนยิ้มสวยรออยู่หน้าบ้าน  "ออกมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเลยจ๊ะ เช้าๆอากาศดีแถมรถก็น้อยด้วย" ปัณสิตาเอ่ยพร้อมกับโอบไหล่บางของน้องเดินเข้าบ้าน "แล้วตัวป่วนไม่อยู่เหรอคะวันนี้ ดูบ้านเงียบๆ" อดที่จะถามหาหลานชายตัวน้อยไม่ได้เมื่อเข้ามาในบ้านไม่เจอ "เห็นแม่บอกว่าพี่ปัฐกับนาพาไปหาตากับยายเขาน่ะแหล่ะ คงออกไปแต่เช้าเพราะพี่มาถึงก็ไม่เจอเหมือนกัน" ปรายฟ้าพยักหน้ารับรู้ "แล้วพ่อกับแม่ละคะ ไม่อยู่เหรอ"  "พ่อออกไปบ้านผู้ใหญ่ เห็นบอกว่าจะไปคุยเรื่องทำปุ๋ยหมักสูตรใหม่ที่แกทดลองที่สวนเราแล้วได้ผลดีก็เลยจะเอาสูตรไปให้กลุ่มชาวสวนบ้านเราทำใช้กันน่ะ ส่วนแม่คงออกไปบ้านป้านางแหล่ะ" "แล้วเรากินอะไรมาหรือยัง ดูเพลียๆนะปรายไม่สบายหรือเปล่า" ปัณสิตาเอ่ยถามพร้อมกับเอามือไปอังที่หน้าผากมนของน้องสาวอย่างเป็นห่วง  ปรายฟ้าส่งยิ้มบางให้พี่สาวพร้อมส่ายหน้าเบาๆ "ปรายไม่ได้ป่วยอะไรค่ะ แค่รู้สึกเพลียๆ เมื่อเช้าก่อนออกมาทานขนมปังกับนมมาแล้วค่ะ เดี๋ยวไว้ค่อยทานมื้อเที่ยงอีกทีพร้อมพ่อกับแม่ละกัน" "อืมตัวก็ไม่ร้อน พี่ว่าไปนอนพักสักหน่อยไหมขับรถมาคงจะเพลียจริงๆน่ะเราไว้มื้อเที่ยงพี่ไปปลุกนะ" "ขอบคุณค่ะพี่ปัณ งั้นปรายไปหลับสักงีบก่อนนะคะรู้สึกง่วงๆแล้วเหมือนกัน" ปรายฟ้าบอกพี่สาวพร้อมเอามือปิดปากหาว พักหลังมานี่รู้สึกว่าเธอจะง่วงกลางวันบ่อยๆสงสัยร่างกายจะล้ามากจริงๆ ปัณสิตามองตามน้องสาวที่เดินเข้าห้องไป น้องเธอคงจะงานหนักถึงได้ดูเหนื่อยล้ากว่าทุกครั้งที่กลับมาเจอกัน ปรายฟ้าทำงานบริษัทผลิตชิ้นส่วนอ่ะไหล่รถยนต์แถวบางนา ส่วนเธอทำงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการแบ้งค์แห่งหนึ่งในเขตเมืองหลวง หลังจากใช้วันลาครบตามกำหนดปรายฟ้าก็กลับมาทำงานตามปกติ เมื่อร่างกายได้พักเต็มที่ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง "เป็นไงบ้างแก ได้พักผ่อนกลับมาหน้าตาดูสดใสขึ้นนะ" วารินีเดินเข้ามาทักทายเพื่อนรัก "อืม ค่อยยังชั่วหน่อยเพิ่งรู้ว่าร่างกายต้องการพักผ่อนขนาดไหนก็ตอนที่ฉันมีแต่กินกับนอน จนรู้สึกว่าน้ำหนักจะขึ้นมาแล้วเนี่ย" ปรายฟ้าเอ่ยบอกกับเพื่อนยิ้มๆ "แหมหุ่นแกบางขนาดนี้ยังจะบอกน้ำหนักขึ้นอีก กินยังไงฉันก็ไม่เคยจะเห็นแกอ้วนเหมือนคนอื่นเขาสักที สงสัยพยาธิแกจะเยอะว่างๆก็หัดซื้อยาถ่ายมากินบ้างนะเพื่อน ฮ่าฮ่าๆ" "บ้าเหรอแก ฉันถ่ายทุกปีย่ะ" คนหน้าหวานย้อนว่าให้เพื่อน แต่อดยิ้มขำกับคำแซวไปด้วยไม่ได้ นนทวัชร์เดินลงมาจากห้องนอนในช่วงบ่ายของวันเสาร์เขาเพิ่งออกเวรมาเมื่อเช้าหลังจากเข้าเวรดึกมาทั้งอาทิตย์ ร่างสูงเดินตรงเข้าไปยังห้องครัวเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม แต่สายตาก็ดันไปเห็นเจ้าสิ่งแปลกปลอมที่วางอัดกันอยู่ในตู้เย็น คุณหมอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจเมื่อสิ่งที่เขาเห็นมันมาอยู่ชั้นล่างของตู้เย็นหลังนี้ได้ยังไง หรือว่าแม่บ้านซื้อมาแล้วลืมเอาไปเก็บเพราะปกติตู้นี้ส่วนมากก็จะมีแค่พวกน้ำผลไม้ นม หรือเบียร์กระป๋องแค่นั้นแต่ตอนนี้มันกลับมีถุงมะม่วงถุงใหญ่ แถมด้วยมะยมดองไม่พอยังมีมะขามแช่อิ่ม ทุกอย่างถูกอัดอยู่ในช่องล่างสุดจนเต็ม สงสัยคงจะเป็นของบรรดาแม่บ้านลืมทิ้งไว้ละมั้ง เพราะปกติพวกเขาไม่ค่อยจะนิยมของเปรี้ยวของดองกันเท่าไหร่ คุณหมอหนุ่มครุ่นคิดพร้อมเดินถือแก้วน้ำออกไปยังห้องนั่งเล่นที่ได้ยินเสียงทีวีดังแว่วออกมา แต่พอเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นที่มีน้องสาวนั่งกอดหมอนอิงดูซีรี่ย์ดังอย่างสบายใจ ก็เข้าใจในทันทีว่าไอ้สิ่งแปลกปลอมที่เขาเห็นมาเจ้าของมันอยู่นี่เอง เพราะตรงโต๊ะกลมหน้าโซฟาตอนนี้มีจานมะม่วงน้ำปลาหวานจานใหญ่ แถมอีกจานที่มีทั้งมะยมดองกับมะขามแช่อิ่มครบชุด นี่ผีคนท้องที่ไหนเข้าสิงน้องสาวเขานี่ดูของกินแต่ละอย่างเห็นแล้วยังเข็ดฟันแทน "อ้าว ตื่นแล้วเหรอพี่นนท์" ร่างสูงหันมาส่งยิ้มให้พี่ชาย  ก่อนสายตาจะกลับไปจดจ้องที่จอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ฉายซีรี่ย์ดังของต่างประเทศอยู่ ตาก็ดูแต่มือเรียวนั่นก็หยิบเอามะม่วงเข้าปากเคี้ยวหน้าตาเฉย นั่นมันมะม่วงเปรี้ยวนะ  แล้วดูแม่น้องสาวเขากินมัน เหมือนกินเฟร้นฟรายทอดยังงั้นล่ะ "นี่ยัยณัฐแกกินเข้าไปได้ยังไงไม่เปรี้ยวหรือไง เดี๋ยวก็ได้ท้องเสียวิ่งเข้าห้องน้ำกันทั้งคืนหรอก" เสียงถามแกมบ่นให้น้องสาว ที่เอาแต่หยิบของตรงหน้าเข้าปากอย่างกับขนมทานเล่น "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงจะเป็นก็มีคุณหมอนนท์สุดหล่ออยู่นี่ทั้งคนจะกลัวอะไร "คนหน้าคมยังไม่สลดแถมยังส่งยิ้มทะเล้นมาให้คนพี่ได้หมั่นไส้เล่นอีก "พี่นนท์ลองชิมสิคะ มะม่วงน้ำปลาหวานนี่อร่อยมากเลยนะ ณัฐให้พี่น้อยทำให้อร่อยดีแถมมะม่วงก็ไม่เปรี้ยวด้วย" ณัฐวรินทร์ยื่นมะม่วงให้พี่ชาย แต่อีกคนกลับส่ายหน้าหวือแถมทำหน้าตาเข็ดฟันจนเธออดขำไม่ได้ ฮึ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อว่าไม่เปรี้ยว  นั่นมันน้ำดอกไม้เจ้าแม่แห่งความเปรี้ยวเลยนะยัยณัฐ "ไหนบอกว่ากระเพาะกำเริบกินของแบบนี้เข้าไปแกจะไม่ต้องไปนอนโรงบาลหรือไง" ยังไม่วายบ่นให้อีกคน ก็ของพวกนี้มันแสลงโรคทั้งนั้นเลย แล้วเจ้าตัวมันดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักนิด "ก็กินมาตั้งหลายวันแล้ว ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่คะ"คนน้องก็ยังเถียงไปเรื่อย นนทวัชร์ส่ายหัวก่อนจะบ่นออกไปโดยไม่ทันคิด "กินยังกะคนท้องเลยนะแก" "โธ่พี่นนท์ณัฐจะท้องได้ไงก็รู้ๆอยู่ ถ้าทำเขาท้องล่ะไม่ว่า" พอหลุดคำพูดนั่นออกไปณัฐวรินทร์เองก็ถึงกับชะงัก หันขวับกลับมามองพี่ชายทันที นนทวัชร์เองก็อึ้งไปด้วย แววตาสับสนปนตกใจของน้องสาวที่ส่งมาไม่ต้องพูดเขาก็รู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไร "ใจเย็นๆณัฐ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่แกคิดก็ได้" นนทวัชร์เอ่ยปลอบน้องสาว แม้ตอนนี้ในใจเขาก็เริ่มที่จะกังวลกับอาการของน้องสาวบ้างแล้ว ปกติณัฐวรินทร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบกินของประเภทนี้ ยิ่งของดองยิ่งไม่มีเลย แต่เมื่อกี้น้องสาวเขาบอกกินมาหลายวันแล้วมันยิ่งแปลก แล้วไหนจะอาการคลื่นไส้เหมือนโรคกระเพาะที่เจ้าตัวบอก มันก็ยิ่งน่าคิดนี่ถ้าน้องสาวเขามีแฟนเป็นผู้ชายเขาคงคิดว่าอีกคนกำลังท้องแน่ๆ แต่นี่น้องเขาไม่ได้ท้อง แต่มันเหมือนอาการคนแพ้ท้องแทนเมียซะมากกว่า "พี่นนท์  หรือว่าน้องเขา ทะ ท้อง" ณัฐวรินทร์มือเริ่มสั่นหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด  เธอเพิ่งจะเอะใจตัวเองก็ตอนนี้ล่ะ ถ้าคิดดูจริงๆอาการของเธอมันก็เหมือนอาการคนท้องจริงๆนั่นแหล่ะ ทั้งอยากกินของเปรี้ยวและอาการคลื่นไส้เกือบทุกเช้า   นนทวัชร์มองร่างของน้องสาวที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นยนต์อยู่ข้างบ่อปลามาเป็นชั่วโมงแล้ว หลังจากที่อีกคนหลุดคำพูดนั่นออกมาณัฐวรินทร์ก็เหมือนคนสติแตก อีกคนเอาแต่บ่นตัดพ้อตัวเองที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจนเขาต้องทั้งดุทั้งปลอบเพื่อให้น้องมีสติกลับมา และภาพที่เห็นตอนนี้ก็ทำให้เขาทั้งหนักใจและสงสารไปพร้อมๆกัน น้องสาวเขานั่งเหม่อลอยเหมือนคนจิตหลุดออกจากร่างมากว่าชั่วโมงแล้วทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคนในครอบครัวเขาด้วยนะ ถ้ามีหนทางไหนที่จะช่วยค้นหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอเขาจะไม่ลังเลใจเลยสักนิดแต่นี่มันยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรด้วยซ้ำไป เพราะนอกจากชื่อเล่นและรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายที่น้องสาวเขาเล่ามาก็สุดแสนจะจนปัญญาไปสืบหาได้ เสียงรถยนต์ที่ดังเข้ามาจอดในโรงรถยังไม่สามารถเรียกความสนใจจากคนที่นั่งเหม่ออยู่เลยสักนิด พ่อกับแม่เขาคงกลับมาแล้ววันนี้พวกท่านถูกเชิญให้ไปร่วมงานวันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เคารพนับถือกัน และหลังจากที่เขาโทรเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆก็ดูเหมือนท่านทั้งสองจะเป็นห่วงลูกสาวมากทีเดียว "ตานนท์ น้องเป็นยังไงบ้างลูก"นุชจรีเดินเข้ามาถามลูกชายด้วยความร้อนใจ หลังจากที่ฟังลูกชายโทรไปเล่าเรื่องราวคร่าวๆเธอและสามีก็ทั้งอึ้งทั้งตกใจ ดีที่งานใกล้จะเลิกแล้วพวกเธอถึงได้ขอตัวกลับมาก่อน นนทวัชร์ไม่ได้ตอบคำถามมารดา แต่บุ้ยหน้าไปทางบ่อปลาข้างบ้านที่มีร่างเหมือนไร้วิญญาณของน้องสาวนั่งอยู่ "โธ่เอ๊ย..ยัยณัฐกรรมเวรอะไรกันนะถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ แค่ลำพังเกิดมาไม่เหมือนคนอื่นก็ใช้ชีวิตลำบากแล้ว แล้วนี่ยังมามีเรื่องลูกที่ไม่รู้ชาตินี้จะมีโอกาสได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้"นุชจรีได้แต่บ่นสงสารในโชคชะตาของลูกสาวด้วยน้ำตาคลอเบ้า อาณัฐเอามือลูบบ่าภรรยาเบาๆ สายตามองไปยังลูกสาวคนเดียวที่นั่งเหม่อไม่สนใจสิ่งรอบข้างก็ให้ยิ่งสงสารจับใจ "สรุปแล้วยัยหนูคนนั้นน่าจะท้องจริงๆใช่ไหมตานนท์" บิดาเอ่ยถามลูกชายอีกครั้ง นนทวัชร์หันกลับมามองบุพการีทั้งสอง ที่ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าดูจากอาการที่ยัยณัฐเป็นมาร่วมอาทิตย์นี่ ถ้าไม่ใช่เกิดจากโรคกระเพาะอย่างที่เจ้าตัวเข้าใจ ผมก็มั่นใจเกือบร้อย%ละครับคุณพ่อ ว่ามันน่าจะเป็นอาการของคนแพ้ท้องแทนกัน คุณพ่อเองก็เคยมีอาการคล้ายๆแบบนี้ตอนที่คุณแม่ท้องยัยณัฐไม่ใช่เหรอครับ" นนทวัชร์อธิบายและอ้างถึงเหตุการณ์แพ้ท้องแทนเมียของผู้เป็นพ่อ เรื่องนี้แม่เขาชอบเอามาแซวพ่อเขาเป็นประจำ และมันก็ทำให้บิดาของเขาออกอาการเขินทุกทีแม้แต่ตอนนี้ก็เหมือนกัน "ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคงไม่ใช่ลูกเราคนเดียวหรอกคุณ แม่หนูคนนั้นมากกว่าแล้วตอนนี้จะรู้ตัวว่าท้องหรือเปล่าก็ไม่รู้ " อาณัฐกล่าวออกมาให้ภรรยาและลูกชายต้องคิดตาม นั่นสินะขนาดน้องสาวเขาไม่ได้ท้องเอง สภาพยังย่ำแย่ขนาดนี้ แล้วอีกคนล่ะถ้ารู้ตัวว่าตั้งท้องจะไม่ถึงกับช็อคไปเลยหรือไง ทั้งหมดได้แต่ทอดถอนใจด้วยไม่รู้หนทางที่จะแก้ไขยังไงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น นอกจากภาวนาอย่าให้อีกคนถึงกับทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขที่ได้ก่อกำเนิดขึ้นมานี่เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD