บทที่1
หญิงสาวหน้าตาสวยคมที่กำลังนั่งดื่มอยู่กับผู้ชายหน้าตาดีและหญิงสาวอีกคนในโต๊ะในสุดที่เป็นโซนวีไอพีของผับย่านกลางเมืองกรุง ณัฐวรินทร์ กิตติวรโชติ บุตรสาวคนเล็กของครอบครัวธุรกิจผลิตและส่งออกชิ้นส่วนไอทีและฮาร์ดแวร์ สายตาคมที่จ้องมองไปยังจุดหนึ่งของร้านทำให้เพื่อนในโต๊ะสงสัย
" ณัฐแกมองอะไร ฉันเห็นแกนั่งจ้องไปตรงนั้นนานแล้วนะ " เสียงของวรชิตเพื่อนชายเอ่ยถาม
"เปล่า ไม่มีอะไรฉันก็มองไปเรื่อยเปื่อยแหล่ะ " ณัฐวรินทร์หันกลับมาบอกเพื่อนพร้อมยกแก้วน้ำสีเหลืองตรงหน้าขึ้นจิบ เพื่อเบี่ยงเบนความสงสัยของเพื่อน
"หึ แกไม่ต้องมาฟอร์มเยอะ แกสนใจสาวโต๊ะนั้นใช่ไหมล่ะ แต่มีผู้ชายมาด้วยแบบนั้นเป็นแฟนกันหรือเปล่าเหอะแก " เสียงของเพื่อนสาวอย่างเมริสาเอ่ยแซวเพื่อนตัวเองทันที เพราะรู้ดีว่าณัฐวรินทร์มีรสนิยมในการชอบผู้หญิงและเพื่อนของเธอเองก็เปิดเผยความชอบส่วนตัวให้รู้ตั้งแต่รู้จักกันสมัยเรียนมหาลัยด้วยกันนั่นแหล่ะ
"อืม นั่นน่ะสเปคแกเลยใช่ไหมล่ะ ขนาดไฟสลัวๆเห็นไกลๆยังรู้เลยว่าสาวเจ้าสวยใช่เล่นนะนั่น ดูท่าผู้ชายจะรักน่าดู ท่าทางเอาอกเอาใจกันจัง" คำพูดของวรชิตทำให้ณัฐวรินทร์ต้องหันสายตาไปมองอีกครั้ง ก็เห็นผู้ชายคนนั้นพยายามที่จะตักอาหารให้กับฝ่ายหญิงอย่างเอาใจ ถ้าคนอื่นที่มองเผินๆคงจะคิดว่าทั้งสองคนนั้นเป็นคู่รักกัน แต่ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ จากที่เธอนั่งมองทั้งคู่อยู่นานพอสมควร ก็ยอมรับแหล่ะว่าผู้หญิงคนนั้นสะดุดตาเธอตั้งแต่แรก แม้จะมองจากมุมนี้ที่เห็นเพียงด้านข้างของเธอคนนั้นก็ยังดึงดูดสายตาของเธอได้เป็นนานสองนาน
"ก็ธรรมดาแหล่ะมีแฟนสวยขนาดนั้นนะ เป็นใครก็ต้องเทคแคร์ดูแลอย่างดีล่ะ" ณัฐวรินทร์เปรยขึ้นมา ให้เพื่อนทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยในคำกล่าวนั้น
"น้องปรายลองทานเมนูนี้ดูสิครับ พี่เห็นพนักงานทางร้านเขาบอกเป็นเมนูที่ขายดีของร้านเลยนะครับ"
"เอ่อขอบคุณค่ะคุณภาณุ เดี๋ยวปรายตักเองก็ได้ค่ะ"หญิงสาวบอกกับอีกคน ที่คอยตักอาหารมาใส่จนจะล้นจานของเธอด้วยความอึดอัด เธออยากจะรีบทานให้เสร็จและขอตัวแยกกลับให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องรักษามารยาทไว้เพราะอีกฝ่ายสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ
"เมื่อไหร่จะเลิกเรียกพี่ว่าคุณซักทีครับน้องปรายเราก็รู้จักกันมาตั้งหลายเดือนแล้วนะครับ"
หญิงสาวเงยหน้ามองเขาก่อนจะยกยิ้มนิดนึงเหมือนขอโทษอีกฝ่าย
"ปรายไม่ชินน่ะค่ะ ขอเรียกแบบนี้ไปดีกว่าค่ะ"
ภานุต้องพยักหน้ายอมรับ เขาพยายามที่จะเอาอกเอาใจสาวสวยตรงหน้า ที่เขาตามจีบมาหลายเดือน กว่าเธอจะยอมออกมาทานข้าวกับเขา เขาต้องใช้อุบายเล่ห์กลสารพัดจนปรายฟ้ายอมมาด้วย ที่อีกฝ่ายยอมมาเพราะเขาอ้างว่าไม่ได้มากันแค่สองคน แต่ว่ามีเพื่อนในแผนกของเขากับแฟนสาวของเพื่อนจะมาด้วย และแฟนสาวที่เขาเอ่ยถึงปรายฟ้าก็รู้จักดีเพราะทำงานแผนกเดียวกันหญิงสาวถึงได้ตกปากรับคำออกมาด้วย แต่พอมาถึงร้านไม่นานเขาก็ส่งข้อความให้เพื่อนแกล้งโทรเข้ามาบอกว่ามีธุระด่วนไม่สามารถมาได้และนั่นก็ทำให้ปรายฟ้าแสดงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที เพราะตอนนั้นอาหารที่สั่งเริ่มทยอยมาเสิร์ฟแล้ว เขาจึงพยายามพูดให้เธอสบายใจว่าจะไม่อยู่จนดึกแน่นอน หญิงสาวจึงจำใจนั่งต่อ ปรายฟ้าเป็นผู้หญิงที่สวยจับตาคนนึง แม้เธอจะไม่ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพงเหมือนสาวๆที่เขาเคยควง แต่ปรายฟ้าสวยหวานออกแนวเรียบร้อยด้วยซ้ำไป ยิ่งเรียบร้อยกลับยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าค้นหา และเสือผู้หญิงอย่างเขามีหรือที่จะปล่อยให้สาวสวยหลุดมือไปโดยที่ไม่ได้แอ้ม ยิ่งโอกาสงามๆแบบนี้หาไม่ได้ง่ายกับผู้หญิงตรงหน้าที่ระมัดระวังตัวเป็นที่สุด สี่เท้ายังรู้พลาด แล้วมีหรือที่คนฉลาดและเจ้าเล่ห์อย่างภานุจะยอมปล่อยโอกาสงามๆนี้ไปชายหนุ่มคิดกระหยิ่มในใจ
เกือบชั่วโมงผ่านไปอาหารบนโต๊ะก็เริ่มพร่อง ปรายฟ้ารวบช้อนบอกให้รู้ว่าเธออิ่มแล้วกับอาหารมื้อนี้ ภาณุส่งยิ้มให้หญิงสาว
"น้องปรายไม่ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยหรือครับ สักนิดก็ยังดี นี่ก็เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง คืนนี้ที่ร้านมีวงดนตรีวงฮอตขึ้นแสดงตอนสามทุ่ม ไหนๆเราก็มาแล้วพี่อยากให้น้องปรายได้เปิดหูเปิดตาบ้างนะครับ"ภาณุพยายามพูดหว่านล้อมเพื่อให้หญิงสาวอยู่ต่อ
ปรายฟ้าลอบถอนหายใจ เธออยากจะรีบกลับไปพักผ่อนมากกว่าถึงแม้พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดก็ตาม และเธอไม่ได้อยากจะอยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสองนานๆหรอกนะ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าภาณุน่ะเสือผู้หญิงตัวพ่อ และที่เขาตามจีบเธอมาหลายเดือน เธอเองก็พยายามหาทางเลี่ยง เวลาที่เขาชวนไปไหนด้วย แต่จะให้พูดปฏิเสธไม่ให้เขามายุ่งก็ทำไม่ได้เต็มปาก เพราะผู้ชายแบบนี้ยิ่งปฏิเสธยิ่งชอบเอาชนะเธอจึงได้แต่หาทางเลี่ยงแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นมาตลอด แม้จะรู้สึกอึดอัดและรำคาญก็ตามที จนวารินีเพื่อนในแผนกบอกให้เธอคบใครเป็นแฟนจริงๆสักคน อีตานี่จะได้เลิกยุ่งกับเธอสักที เพื่อนเธอก็พูดง่ายคนรักไม่ใช่ผักจะได้เดินไปเลือกเอาตามตลาดที่ไหนก็ได้อย่าว่าแต่หาแฟนเลยแค่คนที่จะทำให้รู้สึกใจเต้นยังไม่เคยมีเลย ใช่ว่าจะไม่มีคนมาจีบ มีคนเข้าหาเธอมากมายแม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันก็ยังมีเข้ามาจีบสมัยเรียน แต่เธอก็ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องแค่นั้นเอง ใครจะเชื่อว่าสาวสวยที่เป็นถึงดาวคณะจะไม่เคยมีแฟนมาจนป่านนี้ ถ้าจะมีก็คงมีแค่อาการแอบปลื้มใครสักคนที่เราชื่นชอบเหมือนดาราละมั้ง
"ก็ได้ค่ะ แต่ปรายขออย่าเกินสี่ทุ่มนะคะพรุ่งนี้ปรายต้องตื่นแต่เช้าอีกค่ะ" สุดท้ายเธอก็ต้องจำใจอยู่ต่อ ถึงพรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่เธอต้องขับรถกลับบ้านเกิดที่ระยองเพราะเป็นสัปดาห์สิ้นเดือนที่ลูกๆทุกคนจะกลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก ซึ่งครอบครัวเล็กๆของเธอที่มีพ่อแม่พี่ชายและพี่สาวจะทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ลูกๆแยกย้ายกันออกมาทำงาน
"พี่รับรองจะไม่เกินสี่ทุ่มแน่นอนครับ" ภาณุยิ้มยินดีที่อีกคนยอมอยู่ต่อตามแผนของเขา
ไม่นานวงดนตรีสดที่เตรียมแสดงในชั่วโมงถัดมาก็เตรียมพร้อมกันที่หน้าเวที มีเสียงร้องกรี๊ดวี๊ดว๊ายกันเซ็งแซ่อยู่พักนึง เสียงลองกลองชุดและเสียงกรีดกีต้าร์ไฟฟ้าดังกระหึ่มเรียกเสียงกรี๊ดจากลูกค้าในร้านเป็นอย่างดี ดูท่าทางคงจะเป็นวงฮอตอย่างที่ภาณุบอก จะว่าไปร้านนี้ก็ค่อนข้างจุแขกได้เยอะพอสมควรเท่าที่เธอสังเกตุ จะมีโซนวีไอพีด้านในสุดของร้าน แต่สามารถมองเห็นเวทีได้ทั่วถึงเช่นกัน และยังมีพื้นที่ชั้นสองที่น่าจะตั้งโต๊ะได้หลายตัวพอสมควร รวมๆแขกในร้านคืนนี้น่าจะเกินร้อยยิ่งเป็นศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้ ร้านอาหารและสถานบันเทิงในเมืองก็แทบจะมีลูกค้าเต็มหมดทุกร้าน เสียงเพลงช้าเพลงหนึ่งที่ฮิตอยู่ในขณะนี้ถูกเปล่งออกมาจากนักร้องชายบนเวทีพร้อมเสียงกรี๊ดและปรบมือของกลุ่มลูกค้าที่อยู่ด้านหน้า ทำให้ปรายฟ้าอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ จะว่าไปสมัยที่เธอและเพื่อนยังเรียนมหาลัยกัน ก็มีบ่อยครั้งที่นัดกันออกมาเที่ยวสังสรรค์กันตามประสาวัยรุ่น แต่พอต่างคนต่างทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกัน นานๆถึงจะได้นัดรวมตัวกันสักที
เมื่อนักร้องคนที่สองซึ่งเป็นผู้หญิงหุ่นเซ็กซี่ผมยาวฟูถึงกลางหลังออกมารับไมค์ต่อจากนักร้องคนแรก เสียงของภาณุก็ดังขึ้นข้างๆหูให้ปรายฟ้าต้องสะดุ้งผงะออกห่างเขาทันที
"เอ่อ คือพี่จะถามว่าน้องปรายอยากจะไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่าครับ"
ปรายฟ้าดูนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่าสามทุ่มครึ่งแล้วเธอจึงบอกกับเขาไป ว่าก่อนกลับเธอถึงจะแวะไปเข้า ภาณุพยักหน้ารับก่อนที่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน พอชายหนุ่มลุกออกจากโต๊ะไปเธอก็หันหน้ากลับไปที่เวทีอีกครั้ง ด้านฝั่งภาณุที่เดินออกจากโต๊ะมาเขาแอบแวะเข้าไปหาเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งที่พอจะคุ้นเคยกับเขาดี และเมื่อเห็นว่าลับตาไม่มีใครสนใจเขาก็ยื่นบางสิ่งยัดใส่มือเด็กหนุ่มคนนั้นทันทีและทำทีเป็นคุยทักทายเมื่อมีคนเดินผ่านก่อนที่เขาจะเดินออกไปยังทางเข้าห้องน้ำ
ณัฐวรินทร์หัวคิ้วกระตุกทันทีเมื่อสายตาที่จับจ้องผู้ชายที่เดินออกจากโต๊ะที่เธอแอบมองลุกออกจากโต๊ะไป และที่ทำให้เธอต้องเพ่งมองไปเพราะชายคนนั้นดูท่าทางมีพิรุธตอนที่คุยกับเด็กเสิร์ฟ เธอเห็นเขาหันมองซ้ายขวาอยู่สักพัก และถ้าตาเธอไม่ฝาดเธอเห็นว่าเขายัดอะไรสักอย่างใส่มือเด็กเสิร์ฟคนนั้น แล้วทั้งคู่ก็แยกกันโดยที่เด็กเสิร์ฟเดินเข้าไปตรงห้องที่น่าจะเป็นโซนเครื่องดื่ม และผู้ชายคนนั้นเดินไปยังทางเข้าห้องน้ำ เธอว่ามันชักจะยังไงๆแล้วล่ะ ถ้าเซ้นต์เธอไม่ผิดพลาด งานนี้ผู้หญิงคนนั้นก็น่าเป็นห่วงเสียแล้วสิ ลองเป็นแบบนี้สันนิษ ฐานแรกของเธอที่ว่าทั้งคู่ไม่ได้เป็นแฟนกันคงถูกต้องแล้ว ว่าแต่เธอจะไปยุ่งอะไรกับชาวบ้านเขาละเนี่ย แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นเกิดถูกวางยาจริงๆจะทำยังไงล่ะ เสียงหนึ่งในหัวก็แทรกดังขึ้นมา การโดนกระทำที่ไม่ได้ยินยอมมันก็ไม่ต่างจากการโดนข่มขืนเลยนะ ยิ่งคิดหัวคิ้วเธอยิ่งขมวดเป็นปมเข้าหากันจนเพื่อนสังเกตุเห็น
"เฮ้ย ณัฐแกเป็นอะไรนั่งหน้านิ่วคิ้วผูกโบว์เนี่ย หรือแกปวดท้องวะ"วรชิตเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะณัฐวรินทร์นั้นเคยมีอาการปวดท้องกระเพาะบ่อยๆ แต่วันนี้เพื่อนเขาก็ดื่มไปแค่สองแก้วเองนะ
พอโดนเพื่อนทักแบบนั้นณัฐวรินทร์เลยเล่นตามน้ำ เพราะรู้สึกกังวลกับสาวแปลกหน้าจนอยากจะหาทางไปแอบดักดูเจ้าหล่อนเสียหน่อย
"อืม ก็รู้สึกปวดท้องหน่อยๆแล้วล่ะ สงสัยอาการเก่าจะกำเริบ"
"เอองั้นเรียกเด็กมาเช็คบิลดีกว่างั้นน่ะ นี่ก็จะสี่ทุ่มล่ะ แกจะได้กลับไปกินยาพักผ่อน เดี่ยวเกิดอาการหนักขึ้นมาคุณแม่แกคงได้บ่นพวกฉันหูชาแน่ที่ให้แกดื่มแอลกอฮอล์เนี่ย"เมริสารีบกวักมือเรียกพนักงานทันที
ณัฐวรินทร์แอบชำเลืองไปยังโต๊ะที่เป็นปัญหาและเห็นว่าชายคนนั้นกลับมานั่งโต๊ะแล้ว และไม่นานเด็กเสิร์ฟคนที่คุยกันกับเขาก็ถือถาดพร้อมแก้วน้ำส้มมาวางลงตรงหน้าหญิงสาว เธอสังเกตุว่าอีกคนมองไปยังพนักงานงงๆ และคงจะสอบถามอะไรกัน สักพักเด็กเสิร์ฟคนนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับที่ผู้ชายคนนั้นพูดอะไรบางอย่าง ไม่นานหญิงสาวคนนั้นจึงยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มไปครึ่งแก้วแล้ววางลง ณัฐวรินทร์รู้สึกหัวใจตัวเองเต้นรัวจนอึดอัด ถ้ามันจะเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ว่าอีกคนถูกวางยาคงไม่เกิน15นาทีจะต้องมีอาการที่ผิดปกติออกมาแน่นอน เธอได้แต่ภาวนาในใจหวังว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่โชคร้ายนะ
ปรายฟ้ารู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาแปลกๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอก็ยังรู้สึกว่าอากาศในร้านเย็นไปด้วยซ้ำ มือเธอเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาและอาการหายใจระรัวยิ่งทำให้รู้สึกมึนงง เธอยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นดูอีกทีเห็นว่าจะสี่ทุ่มแล้วจึงเอ่ยปากบอกกับชายหนุ่มตรงหน้า
"คุณภาณุคะ ปรายว่าเราเช็คบิลเถอะค่ะจะสี่ทุ่มแล้ว" หญิงสาวเอ่ยบอกและพยายามคุมอาการตัวเองที่มันเริ่มร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ และรู้สึกวูบวาบช่วงท้องน้อยแปลกๆจนต้องจิกมือเข้ากับสะโพกตัวเอง
ภาณุที่แอบสังเกตุอาการหญิงสาวก็แอบยิ้มพอใจ ยากำลังออกฤทธิ์สินะ หึหึอีกไม่นานหรอกคนสวยพี่จะได้เชยชมร่างกายที่น่าหลงไหลนี้ให้สมใจอยากเลย ก่อนที่เขาจะเรียกพนักงานมาเช็คบิล
"ปรายขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" หญิงสาวบอกและไม่รอให้อีกคนตอบเธอรีบคว้าเอากระเป๋าสะพายเดินดิ่งไปยังห้องน้ำทันที ตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าอาการที่เป็นอยู่คืออะไร นี่เธอโดนผู้ชายสารเลวคนนี้วางยาจนได้สินะ ต้องเป็นน้ำส้มแก้วสุดท้ายที่เขาสั่งมาให้เธอแน่ๆ บ้าที่สุดเพราะเห็นว่าเด็กเสิร์ฟเพิ่งถือมาให้ใหม่ๆ เธอเลยคิดว่าคงไม่มีอะไร สุดท้ายก็โดนคนเลวจอมเจ้าเล่ห์เล่นงานจนได้ เธอต้องตั้งสติเอาตัวรอดให้ได้ เธอจะไม่ยอมให้คนเลวพรรณนั้นได้กระทำย่ำยีเธอแน่ หญิงสาวคิดด้วยความเจ็บใจ ปรายฟ้าผลักประตูห้องน้ำแล้วรีบเดินไปยังริมสุดเธอรีบเปิดก๊อกน้ำล้างหน้า โดยไม่ได้สนใจใครหรือสิ่งรอบตัวในห้องน้ำเลย
ณัฐวรินทร์หลังจากที่แยกกันกับเพื่อนเธอก็มาเข้าห้องน้ำ และตั้งใจดักดูว่าผู้หญิงที่เธอแอบเป็นห่วงอยู่จะเดินมาเข้าห้องน้ำหรือไม่ และไม่นานสิ่งที่เธอคิดก็เป็นจริง เมื่อเธอเห็นอีกคนรีบเดินตรงดิ่งมายังห้องน้ำและอาการหน้าแดงจัดนั่นยิ่งทำให้เธอมั่นใจ ว่าอีกคนคงโดนดีเข้าแล้ว
ปรายฟ้าพยายามฝืนตัวเองเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ต้องเซถอยหลังจนเกือบจะทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยแรงปะทะจากคนที่เดินสวนเข้ามา ดีที่อีกฝ่ายคว้าตัวเธอไว้ทัน
"อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ" ณัฐวรินทร์เอ่ยถามคนในอ้อมแขนทันที และพออีกคนเงยหน้าขึ้นมาสบตา ก็ทำให้ทั้งคู่ชะงักไปชั่วขณะหัวใจดวงน้อยดันเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นเมื่อได้สบตาอีกฝ่าย ลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะลงมาใกล้แก้มนวลทำให้ปรายฟ้ารู้สึกตัว ก่อนจะดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนที่เดินชนเธอ
"เอ่อ มะ ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณที่ช่วยดึงฉันไว้"ปรายฟ้ารีบเอ่ยบอกอีกฝ่ายตะกุกตะกัก แค่อ้อมแขนของผู้หญิงตรงหน้าสัมผัสเธออาการที่ร้อนวูบวาบตรงช่องท้องยิ่งมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว ไออุ่นและกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆกำจายอยู่รอบตัวเธอจนต้องกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ต้องการอย่างว่า
"ขอโทษนะคะ คุณไม่สบายหรือเปล่า หน้าคุณแดงจัดแถมตัวยังสั่นอีก"ณัฐวรินทร์เอ่ยถามออกไปทั้งๆที่รู้ว่าอาการที่หญิงสาวตรงหน้าเป็นนั้นเกิดจากอะไร
อีกคนส่ายหน้าจนผมยาวสลวยสบัดตามและบางส่วนยังระมาปิดใบหน้าที่ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ เจ้าตัวคงไม่คิดจะเช็ดมันออกด้วยซ้ำ ปรายฟ้ามองหน้าผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะเม้มริมฝีปากบางจนเป็นเส้นตรง เธอจะบอกอีกคนดีไหม เธอจะไว้ใจผู้หญิงตรงหน้าได้หรือเปล่า และก่อนที่เธอจะเอ่ยปากออกไป อีกคนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"คุณอยากให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่าคะ ดูท่าทางคุณแย่มากเลย คุณมีเพื่อนมาด้วยหรือเปล่าฉันจะไปตามเขามาช่วย" ณัฐวรินทร์เอ่ยถามทั้งที่เธอแน่ใจว่าคนตรงหน้ามากับผู้ชายคนนั้นแค่สองคน
"ไม่ๆค่ะไม่ต้องไปเรียกใคร คือ ฉัน คิดว่า ฉันถูกผู้ชายที่มาด้วยกันวางยา" ปรายฟ้ากัดฟันพูดบอกอีกคนไป เธอไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้กล้าบอกกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ อาจจะเป็นเพราะสีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงจนเธอสัมผัสได้
ณัฐวรินทร์ถอนหายใจออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
"แล้วคุณพักที่ไหนคะฉันจะไปส่ง หรือจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวฉันพาไป"
ปรายฟ้ามองหน้าคนตรงหน้าก่อนจะส่ายหน้าอีกรอบ ตอนนี้เธอทรมานมากจนแทบจะคุมสติไม่ไหวแล้ว และที่เป็นกังวลคือเธอกลัวภาณุตามมาดักรอ
ณัฐวรินทร์เหมือนจะรู้ในสิ่งที่อีกคนกังวลเธอเลยรีบเดินออกไปดูที่หน้าห้องน้ำ และก็เป็นจริงเมื่อเธอมองเห็นผู้ชายคนนั้นเดินวนเวียนอยู่ใกล้หน้าทางเข้าห้องน้ำหญิง เธอจึงรีบเดินกลับไปหาอีกคนทันที
"ฉันเห็นผู้ชายคนนึงใส่เสื้อสีขาว เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องน้ำ คงเป็นคนที่มากับคุณใช่ไหม"
เมื่อได้ฟังอีกคนพูด ปรายฟ้าจึงรีบพยักหน้าทันที
"ฉันจะทำยังไงดีคะ ถ้าออกไปเขาต้องลากตัวฉันไปแน่ๆ " คำพูดและสีหน้ากังวลของสาวสวยทำให้ณัฐวรินทร์คว้ามืออีกคนมากุมไว้อย่างลืมตัว
"คุณทนไหวไหว เดี๋ยวคุณรออยู่ตรงนี้ฉันจะออกไปจัดการข้างนอก แล้วจะรีบมาพาคุณออกไปนะ" ปรายฟ้าพยักหน้ารับทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกคนจะจัดการยังไง แล้วจะกลับมาช่วยเธอจริงหรือไม่ แต่แววตาที่ส่งมาทำให้เธอเชื่อใจอย่างไม่มีเหตุผล ณัฐวรินทร์ยิ้มบางให้คนตรงหน้าพร้อมกระชับมือนุ่มนั้นเหมือนให้สัญญา ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องน้ำ