เฟรในชุดนอนสีขาวใช้ผ้าขนหนูซับผมพลางเดินมาลงนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องนอนของเธอ ห้องของเฟรไม่ได้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย เป็นเพียงโต๊ะ เตียง เก้าอี้และชั้นหนังสือไม้จัดวางอย่างเป็นระเบียบในห้องสีเหลืองอ่อน นอกจากตุ๊กตาขนปุยบนเตียงแล้วก็เห็นจะมีแต่หนังสือที่มีจำนวนมากกว่าของประดับห้องอย่างอื่นทำให้คาดเดานิสัยชอบอ่านหนังสือของเธอได้ไม่ยาก ไม่นานนักหญิงสาววัยกลางคนหน้าตาละม้ายคล้ายกับเฟรเดินถือแก้วใส่น้ำขิงเข้ามาในห้อง ริ้วรอยใต้ตาและรอยย่นบนหน้าผากทำให้เธอดูค่อนข้างมีอายุแล้ว เอเดียร์ อีสตินวางแก้วลงบนโต๊ะข้างๆคอมพิวเตอร์ซึ่งเฟรกำลังรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ เฟรหยุดมือก่อนหยิบแก้วขึ้นมาดื่มแล้วจึงหันไปกล่าวกับคนที่ถือมันขึ้นมาให้
“ขอบคุณค่ะแม่”
“ดื่มแล้วก็รีบเข้านอนเถอะ ถึงช่วงนี้จะว่างงานมาทำช่องออนไลน์แต่ก็กำลังหางานใช่มั้ยล่ะ”
“ก็ใช่ค่ะ แต่ขอนอนดึกบ้างอะไรบ้าง ตอนทำงานก็แทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว ต้องเข้านอนเร็วตลอด”
“งั้นก็ตามใจ ถ้างั้นแม่ไปนอนก่อนนะ” กล่าวจบเอเดียร์ก็เดินออกจากห้องไป
เฟรวางแก้วน้ำขิงลงบนโต๊ะแล้วเริ่มกดเข้าเว็บบอร์ดเพื่อติดตามกระดานข้อความที่โพสต์โดยก๊อปปี้แคท เมื่อเลื่อนเมาส์ไปมาอยู่ครู่หนึ่งแววตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ในที่สุดกระดานข้อความที่เธอกำลังรอคอยก็ปรากฏขึ้น ข้อความของก๊อปปี้แคทมีใจความไม่ยืดเยื้อกล่าวถึงเกรซ บลูเกอร์ในฐานะนายหน้าค้าผู้หญิงโดยระบุว่า
“เมื่อผู้หญิงในสังกัดคนไหนเริ่มขายไม่ออก รู้ทันหรือคิดจะหนี เกรซจะตามสังหารพวกเธอโดยทำให้เป็นเหมือนอุบัติเหตุ แต่ที่น่าตลกก็คือเธอชอบเก็บภาพวีดีโอตอนที่จะสังหารผู้หญิงแต่ละคนไว้ เพราะมันขายได้และใช้แบล็คเมล์ได้ด้วย” ข้อความสิ้นสุดลงแค่นี้ทิ้งท้ายด้วยลิงค์วีดีโอห้อยท้ายข้อความไว้
เฟรรู้ดีว่าเมื่อใดที่ก๊อปปี้แคทลงข้อมูลแบบนี้ก็หมายความว่าเขาเล็งเป้าหมายไปที่เจ้าของข้อมูลคนนั้น และถ้าเปิดเผยข้อมูลได้สองวันแล้ว วันที่สามก็จะเป็นวันตายของเป้าหมาย ถ้าหากคลิกลิงค์วีดีโอที่แนบมาก็จะต้องเจอกับฉากฆาตกรรมชวนสยองขวัญแต่เพราะต้องการพิสูจน์ความจริงเธอจึงคลิกเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอหลับตาข้างหนึ่งมองดูภาพวีดีโอที่ปรากฏขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะเริ่มลืมตาทั้งสองข้างจับจ้องอย่างตั้งใจ
คลิปวีดีโอเริ่มต้นจากหญิงสาวซึ่งเป็นเหยื่อรายที่สองกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่บนโต๊ะในบ้านของตนเอง แต่เธอมีแขกมาร่วมดื่มเป็นเพื่อนด้วย แขกคนนี้ไม่ส่งเสียงและไม่ปรากฏตัวในคลิปวีดีโอ มุมกล้องก็เหมือนถ่ายจากมือถือทำให้คาดเดาได้ว่าแขกคนนี้เป็นคนถ่ายวีดีโอเอง บทสนทนาเหมือนทั้งคู่จะคุยปรับทุกข์กันแต่หากฟังดีๆจะได้ยินแค่เสียงของผู้ตายที่พร่ำบ่นอยู่คนเดียวจนกระทั่งเธอเริ่มง่วงนอน แขกคนนี้พาเหยื่อไปที่ระเบียงแล้วจึงผลักเธอตกลงจากระเบียง จากนั้นคลิปวีดีโอก็หยุดลง
เฟรชะงักไปพักใหญ่ก่อนจะนึกได้รีบหยิบมือถือมาเปิดดูข่าวของเหยื่อรายที่สอง แต่ในข่าวไม่ได้ระบุว่าเหยื่อนั่งดื่มกับคนอื่นในห้องก่อนตกจากระเบียง ภาพถ่ายในสถานที่เกิดเหตุก็มีแก้วและจานกับแกล้มเพียงสำรับเดียวเหมือนเธอนั่งดื่มอยู่ในห้องเพียงลำพัง กองพิสูจน์หลักฐานก็ไม่พบรอยนิ้วมือหรือร่องรอยอื่นที่บ่งบอกว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ในห้องกับเหยื่อคืนนั้น สุดท้ายตำรวจจึงสรุปคดีว่าเป็นอุบัติเหตุ เหยื่อเมาจึงพลาดตกจากระเบียงเอง
เธโอกำลังนั่งอ่านไดอะรี่ปกสีเลือดหมูเล่มเดิมอยู่บนโต๊ะเล็กใกล้กับชั้นหนังสือจนกระทั่งเสียงเตือนดังขัดขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งสะท้อนอยู่บนผิวโต๊ะกระจก โต๊ะตัวนี้เป็นเหมือนโต๊ะเคาน์เตอร์ในร้านคือมีจอขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านได้ เธโอใช้นิ้วสัมผัสลงบนเครื่องหมายเตือนทำให้เว็บบอร์ดเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ เขาไล่นิ้วไปตามกระดานข่าวใหม่ๆซึ่งปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดลงที่ชื่อก๊อปปี้แคท
ภาพคลิปวีดีโอที่เฟรเห็นก็อยู่ในสายตาของเธโอด้วยเช่นกัน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพร้อมกับข้อความแจ้งเตือนปรากฎบนจอโต๊ะกระจก เขาคลิกปุ่มบนโต๊ะเพื่อรับสายซึ่งเสียงคู่สนทนาดังขึ้นจากลำโพงที่ติดอยู่กับโต๊ะ เป็นเสียงของคู่สนทนาที่เขาคุ้นเคยดีอยู่แล้ว
“สวัสดีครับ คุณเควิน”
“เห็นข้อความในเว็บบอร์ดของคนที่ใช้ชื่อก๊อปปี้แคทมั้ย เขาเป็นใครทำไมถึงมีหลักฐานคลิปวีดีโอพวกนั้นได้” เควินกล่าวน้ำเสียงขุ่นเพราะหัวเสียกับความไม่รอบคอบของเพื่อนตำรวจ “นี่เรียกว่าหักหน้าตำรวจเลยนะ ถ้ามีหลักฐานขนาดนี้ก็น่าจะแจ้งเบาะแสกับตำรวจก่อนสิ”
เธโอปิดเว็บบอร์ดเมื่อเห็นว่าก๊อปปี้แคทไม่ได้ลงข้อความอะไรต่อ เขาจึงหันมาจดจ่อที่คู่สนทนาในโทรศัพท์แทน “บันทึกของคุณพ่อไม่มีเรื่องของก๊อปปี้แคทครับ เขาอาจจะเคยเป็นเหยื่อของอาชญากรก็เลยทำตัวเป็นศาลเตี้ย หรือไม่ก็เป็นแค่นักเลงคีย์บอร์ด”
“นักเลงคีย์บอร์ดไม่น่าหาข้อมูลได้ขนาดนี้นะ ฉันให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบคลิปวีดีโอแล้ว มันไม่ใช่คลิปตัดต่อด้วย”
“เขาอาจจะมีวิธีเจาะระบบเอามาได้แบบผิดกฎหมายน่ะครับ เพราะภาพในคลิปถ่ายจากกล้องมือถือ”
“ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่ถ่ายคลิปก็ไม่มีหลักฐานผูกมัดตัวเองหรือเปล่า ทำไมฆาตกรต้องถ่ายด้วย”
“ผมไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวกันมั้ย แต่ถ้าเขาอัดไว้เพื่อขายให้เว็บไซต์เถื่อนเหมือนในคดีของมายา บรีเจีย มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือครับ” เธโอถอนหายใจยาว “ว่าแต่ข้อสงสัยที่บ่งบอกว่าอุบัติเหตุไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุคืออะไรหรือครับ ที่คุณเควินพูดค้างไว้ในร้านกาแฟ”
“ฉันเปิดเผยข้อมูลของตำรวจไม่ได้หรอก”
“งั้นแลกกันมั้ยครับ ถ้ายอมบอกข้อมูลให้ผม ผมจะช่วยสืบเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อ เรย์ เวลลี่ ผู้หญิงคนนี้เคยถูกแจ้งความจากเหยื่อที่ตายในอุบัติเหตุต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับเกรซ บลูเกอร์ ด้วย”
“ตำรวจไม่พบเข็มกลัดรูปผีเสื้อประดับไข่มุกในทรัพย์สินของเหยื่ออุบัติเหตุต่อเนื่อง ฉันเลยไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับเกรซ บลูเกอร์” เควินหยุดเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะกล่าวต่อ “ถ้าเคยถูกแจ้งความ แล้วทำไมประวัติของเหยื่อที่ถูกส่งให้ฉันไม่เห็นพูดถึงเรื่องแจ้งความเลย”
“ขนาดตำรวจยังปิดบังกันเอง ผมว่าคงเกี่ยวกับเกรซ บลูเกอร์จริงๆ นั่นแหละ แต่คุณลุงไว้ใจผมได้อยู่นะ”
เควินลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมตอบเธโอ “ก็ได้ ถ้าดูจากเหตุการณ์ในคลิป ฆาตกรน่าจะใช้วิธีเดียวกันทั้งในคดีที่หนึ่งและคดีที่สอง แต่ที่ทำให้ฉันเริ่มสงสัยคือกล้องวงจรปิดบนชั้นที่ผู้ตายอยู่บังเอิญเสียวันที่เกิดเหตุและวันที่พบศพสองวันเหมือนกันเลยน่ะสิ”
“แบบนั้นมันไม่น่าจะบังเอิญแล้วมั้งครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ อีกอย่างในโทรศัพท์มือถือของผู้ตายยังมีบันทึกการรับโทรศัพท์ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายคุยกับเบอร์โทรปริศนาซึ่งไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ คุยเป็นเวลาแค่หนึ่งถึงสองนาทีหลังจากนั้นก็เกิดอุบัติเหตุตกจากตึก”
“เป็นการโทรเพื่อให้สัญญาณอะไรกับผู้ตายหรือเปล่าครับ”
“ผู้ตายไม่ได้บันทึกเสียงไว้ก็เลยไม่รู้เนื้อหาที่คุยกัน แต่สถานการณ์แวดล้อมของทั้งสามคดีเหมือนกันคือกล้องวงจรเสีย มีบันทึกการโทรเข้า ไม่มีคนแปลกหน้าเข้าออกหอพักในช่วงที่เกิดเหตุซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องปกติเพราะเวลาที่ผู้ตายตกตึกลงมาส่วนใหญ่เกิดช่วงสองถึงสามทุ่ม” เสียงของเควินเงียบไปไม่นานจึงกล่าวต่อเหมือนกำลังอ่านข้อความไปด้วย “แล้วก็ในคดีที่สาม สาเหตุที่คุณเวนดี้ ลอว์สัน ตายไม่ใช่ตกตึก แต่ตายเพราะสูดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไปในปริมาณมาก”
“ฆาตกรเปลี่ยนวิธีลงมือหรือครับ”
“ฆาตกรอาจไม่ได้จำกัดวิธีลงมือตั้งแต่แรกแล้ว ในกรณีของคุณเวนดี้ซึ่งบริเวณรอบๆ หอพักเป็นลานว่างและอยู่ห่างจากถนนใหญ่ก็เลยมีคนแอบลักลอบเอาขยะกับใบไม้เข้ามาเผาบ่อยๆ เธอเคยบ่นกับเจ้าของหอพักว่าเวลาเดินเข้าออกหอพักมักจะได้กลิ่นเป็นประจำแต่เจ้าของหอพักไม่ได้สนใจจึงปล่อยให้เป็นปัญหามาหลายปีแล้ว”
“หมายความว่าคดีนี้ก็อาจสรุปเป็นอุบัติเหตุได้เหมือนกันสินะครับ”
“ใช่ เพราะผู้ตายมีนิสัยชอบเปิดเครื่องปรับอากาศเวลานอนดังนั้นจึงปิดหน้าต่างประตูมิดชิด ช่วงที่เกิดเหตุมีเหตุการณ์ไฟดับเกิดขึ้น เครื่องปรับอากาศใช้งานไม่ได้ทำให้ออกซิเจนในห้องมีน้อยเกินไปบวกกับสารพิษที่สะสมในร่างกายทำให้ผู้ตายหมดสติและเสียชีวิตแบบไม่รู้ตัว”
“แต่ปริมาณสารพิษแค่นั้นจะทำให้ถึงตายได้จริงๆ หรือครับ”
“ต้องรอผลชันสูตรศพอีกที หรือไม่ก๊อปปี้แคทก็อาจจะเอาคลิปวีดีโอของคดีนี้มาลงให้ดูวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้ ตำรวจจะได้ไม่ต้องลำบากสืบหาหลักฐานไง”
“ถ้าตำรวจยืนยันว่าคลิปที่เอามาลงเว็บบอร์ดเป็นของจริง ก็หมายความว่าก๊อปปี้แคทอาจเกี่ยวข้องกับผู้บงการที่คุณพ่อเขียนไว้ในบันทึกงั้นหรือครับ”
“ถ้าเบื้องหลังมีผู้บงการจริงๆ อย่างที่พ่อของเธอสงสัย บางทีคลิปพวกนี้อาจอัดไว้เพื่อแบล็คเมล์ใครซักคนก็ได้แต่ดันถูกเอามาแฉเสียก่อน หลังจากนี้พวกนั้นต้องมีความเคลื่อนไหวแน่”
เธโอเปิดสมุดไดอารี่ของตนเองที่วางอยู่บนโต๊ะแบบผ่านๆ เหมือนหวังว่าจะมองเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ได้บ้างก่อนจะถอนหายใจยาว “แล้วก็คุณพ่อกำชับผมไว้ว่าอย่ายุ่งกับสมุดบันทึกของคุณพ่อกับสินค้าอันตรายในร้านระหว่างที่คุณพ่อกับคุณแม่ไปทำงานต่างประเทศเด็ดขาด แต่คุณเควินกลับให้ผมหาข้อมูลให้เพราะฉะนั้นต้องรับผิดชอบร่วมกันนะครับ”
“พูดยังกับเธอไม่เคยทำเองงั้นแหละ อย่าให้รู้นะว่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย”
“ไม่มีครับ”
“ถึงมีเธอก็ไม่พูดหรอก เอาเป็นว่าคืนนี้รีบพักผ่อนได้แล้ว เรื่องก๊อปปี้แคทกับคดีที่เกิดขึ้นพวกฉันจะรับผิดชอบต่อเอง” สิ้นเสียงของเควินเขาก็ตัดสายแทบจะโดยทันทีซึ่งเป็นนิสัยเสียที่เธโอคุ้นชินเสียแล้ว หลังวางสายเธโอละสายตาจากจอบนโต๊ะกระจกมาสนใจสมุดบันทึก เขาย่นคิ้วบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ไม่มีชื่อใครบันทึกไว้ในสมุดจริงๆด้วย คงต้องเดาเอาเอง”
เธโอเริ่มรู้สึกง่วงนอน เขากำลังจะปิดคอมพิวเตอร์ผ่านจอบนโต๊ะกระจกแต่กลับมีเสียงเตือนข้อความเข้าจากโปรแกรมแชท ข้อความส่งมาโดยใช้ชื่อว่าสกอเลอร์ เธโอรีบเปิดดูราวกับว่ามันเป็นข้อความที่เขารอคอยมาทั้งวัน
“ข้อมูลของลูกค้าที่เข้าร้านมาเมื่อเช้า เธอชื่อ แครอล เลนเนอร์ พึ่งมาทำงานร้านกาแฟได้แค่สองเดือนเท่านั้น ก่อนหน้านี้อาชีพของเธอไม่ได้ระบุชัดเจน แต่เธอเคยมีประวัติโอนเงินเข้าบัญชีของคนที่ชื่อลิลลี่ โลแกน ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกับที่เฟรเคยโอนเงินเข้าไปเพื่อสมัครงาน หลังจากนั้นก็มีบันทึกการใช้บริการโรงแรมสองสามแห่งในต่างเมืองภายในเวลาหนึ่งเดือน และทุกครั้งจะมีเงินโอนเข้าบัญชีเธอเป็นจำนวนมาก”
“แสดงว่าชื่อเรย์ เวลลี่ เป็นชื่อปลอม และคดีอุบัติเหตุต่อเนื่องก็เกี่ยวข้องกับการที่หลอกผู้หญิงไปสมัครงานเพื่อค้าประเวณีสินะ” เธโอย่นคิ้วพลางใช้ความคิดก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป ที่จริงเขาใช้เสียงแทนการพิมพ์ข้อความได้แต่ชอบพิมพ์มากกว่า “แบบนั้นก็ยังไม่พอให้เป็นหลักฐานได้ว่าเธอถูกหลอกไปค้าประเวณีใช่มั้ย”
“แครอลมีประวัติแจ้งความเรื่องถูกหลอกไปค้าประเวณีหลังจากเข้าใช้บริการโรงแรมแรก แต่คดีไม่คืบหน้าและไม่มีการสืบสวนต่อทำให้เธอไม่กล้าดำเนินการอะไรต่อ”
“เป็นไปได้ว่าเธออาจถูกข่มขู่ถึงได้มีประวัติการเข้าใช้บริการในโรงแรมที่อื่นอีก”
“หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนและเธอได้งานในร้านกาแฟ เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับคนที่ชื่อเรย์ เวลลี่ อีกเลย”
“ผมอยากเห็นภาพของคนที่ชื่อเรย์ เวลลี่ หรือไม่ก็ลิลลี่ โลแกน ตอนเปิดบัญชีน่าจะมีบันทึกใบหน้าไว้บ้างสิ”
“ไม่มีบันทึกภาพใบหน้าของเรย์ เวลลี่ ส่วนลิลลี่ โลแกนอาจเป็นเพียงชื่อบัญชีม้า หากต้องการตรวจสอบความถูกต้องให้ลองสอบถามกับแครอล เลนเนอร์ ดู เธออาจจะมีถ่ายเก็บเอาไว้ ฉันจะอัพที่อยู่ของเธอในระบบจีพีเอสของรถให้”
“ขอบคุณครับ แต่ขนาดคนที่เคยเห็นตัวจริงยังไม่มีโอกาสถ่ายภาพมาเลย” เธโอนึกถึงเฟรขึ้นมาก่อนจะพิมพ์ต่อ “แต่แครอลถึงขนาดเคยแจ้งความก็น่าจะแอบถ่ายเอาไว้บ้าง พรุ่งนี้ผมจะลองไปถามดูก็แล้วกัน”
“คุณสงสัยว่าเรย์ เวลลี่ คนนี้จะเป็นคนเดียวกับเกรซ บลูเกอร์ หรือ”
“ตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ตอนนี้ก๊อปปี้แคทเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ผมคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก” เธโอหยุดพิมพ์และเปลี่ยนมาใช้เสียงพูดแทน ดูท่าแล้วน่าจะต้องคุยกันยาว “ผมตามสืบเรื่องของตระกูลดามาเช่ถึงได้สนใจคดีของเกรซ บลูเกอร์ แล้วก็สังเกตเห็นว่าการกระทำของก๊อปปี้แคทก็มุ่งเป้าไปทางตระกูลดามาเช่เหมือนกัน”
“หมายถึงเรื่องงานเลี้ยงฆาตกรรมบนรถไฟที่เมืองเนมุสน่ะหรือ”
“มายา บรีเจีย เองก็ไม่ใช่คนที่ออกทุนจัดงาน เบื้องหลังของเธอยังมีคนอื่นอีกเหมือนกรณีของเกรซ บลูเกอร์ ผมคิดว่าคนบงการที่คุณพ่อเขียนในบันทึกน่าจะหมายถึงตระกูลดามาเช่”
สกอเลอร์ไม่ได้พิมพ์ตอบในทันทีเหมือนกำลังลังเล แต่ในที่สุดเขาก็พิมพ์ตอบกลับมา สกอเลอร์พิมพ์ไวมากจนไม่จำเป็นต้องใช้เสียงโต้ตอบ
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคุณ ฉันว่าคุณควรหยุดตามรอยตระกูลดามาเช่”
“ความทรงจำของผมจนถึงอายุเจ็ดขวบเป็นของจริง ก่อนที่คุณพ่อจะรับอุปการะผม การที่ผมถูกทำร้ายจนความทรงจำหายไปน่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลดามาเช่อย่างแน่นอน”
“จริงอยู่ที่ตระกูลดามาเช่ทำลายชีวิตในวัยเด็กของคุณ แต่เรื่องที่ถูกทำร้ายจนเสียความทรงจำมันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ ฉันแนะนำว่าคุณควรให้ความสำคัญกับชีวิตในปัจจุบัน”
“ถ้าจะปกป้องชีวิตในปัจจุบัน ผมก็ต้องแน่ใจว่าคนในอดีตจะไม่กลับมาทำลายชีวิตผมได้อีก”
“ถ้ายืนยันแบบนั้นฉันก็จะช่วยคุณ เพียงแต่ถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้าไปในเขตเมืองทันนิซ มันเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลดามาเช่”
“ผมรู้ คุณพ่อ คุณเควินแล้วก็คุณหมอลูฟาอุตส่าห์ช่วยผมออกมาจากที่นั่น ผมไม่เห็นเมืองนั้นเป็นบ้านเกิดแล้วจะกลับไปทำไมล่ะครับ” เธโอเดินเอาบันทึกกลับไปเก็บเข้าชั้นหนังสือก่อนจะพูดต่อ “อีกอย่างตอนนี้ตระกูลดามาเช่ก็มีโจทก์เพิ่มขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ก๊อปปี้แคทพยายามเปิดโปงคดีที่เกี่ยวข้องกับตระกูลดามาเช่หลายครั้ง ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะจบลงที่มีแพะรับบาปคนอื่นก็เถอะ”
“คุณควรระวังก๊อปปี้แคทนะ ช่วงหลังๆ ก๊อปปี้แคทลงมือหนักขึ้นถึงขั้นฆาตกรรมอาชญากรที่เป็นแพะรับบาปพวกนั้นแล้วแฉลงเครือข่ายโซเชียลเพื่อสร้างความเสียหายให้ชื่อเสียงของตระกูลดามาเช่”
“ก็เหมือนจะได้ผลไม่ใช่หรือ อีกไม่นานตระกูลดามาเช่คงออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน” เธโอกล่าวพลางดึงมือออกจากบันทึกที่พึ่งเก็บกลับเข้าชั้นแล้วนึกขึ้นได้ เขาถามสกอเลอร์ด้วยความสงสัย
“ถามหน่อยสิ ในโลกนี้มีใครเขียนบันทึกประจำวันโดยไม่ใส่ชื่อคนที่ตัวเองได้พบในแต่ละวันบ้างมั้ย”
“คุณกำลังพูดถึงไดอะรี่ของตัวเองหรือ”
“ผมเป็นคนเขียนแต่ทำไมไม่เห็นจำได้เลยว่าเป็นคนเขียนเอง อีกอย่างในไดอะรี่ไม่เห็นมีชื่อคนอื่นเลย เขียนแต่ว่าผู้หญิงชุดเหลือง ผู้ชายผมสีน้ำตาล ผมต้องคอยสังเกตและคาดเดาเอาเองว่าคนในบันทึกเทียบกับคนที่เจอในชีวิตจริงแล้วเป็นใครกันบ้าง อย่างเฟรผมก็พึ่งแน่ใจว่าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ผมรู้จักหลังจากคุณพ่อรับอุปการะผมแล้ว”
“เป็นไดอะรี่ที่น่าจะพบได้น้อยมาก คุณอเล็กซ์ให้คุณเขียนบันทึกประจำวันแต่ไม่ได้บังคับว่าคุณจะต้องเขียนแบบไหน การที่ไม่ใส่ชื่อลงไปน่าจะเป็นความต้องการของคุณเองนะ”
“คุณพ่อเป็นคนบอกให้ผมเขียนงั้นหรือ” เธโอเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะคุยกับสกอเลอร์ต่อ “แล้วคุณไม่รู้สาเหตุที่ผมความจำเสื่อมจริงๆ หรือ”
“ไม่รู้ ฉันรู้จักคุณหลังจากการผ่าตัดของคุณเสร็จสิ้นและคุณปลอดภัยแล้ว คุณได้แท็บเลตเครื่องนี้ระหว่างนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลถึงมีโอกาสได้รู้จักฉันไม่ใช่หรือ”
“นั่นสินะ” เธโอกล่าวสีหน้าผิดหวังก่อนจะส่ายหัว “ช่างเถอะ ช่วงนี้ถ้าได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับตระกูลดามาเช่หรือก๊อปปี้แคทก็บอกผมด้วย วันนี้ดึกมากแล้วผมต้องขึ้นนอนแล้ว”
“เข้าใจแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์” เธโอกล่าวตอบก่อนจะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านจอผิวสัมผัสบนโต๊ะกระจก แล้วเดินไปขึ้นบันไดเพื่อมุ่งหน้าไปขึ้นยังห้องนอนที่อยู่บนชั้นสอง