bc

The Momento

book_age16+
11
FOLLOW
1K
READ
revenge
tragedy
bxg
mystery
lucky dog
high-tech world
kingdom building
like
intro-logo
Blurb

เมื่อ เฟร หญิงสาวที่ได้มาพบกับ เธโอ ชายหนุ่มที่หายตัวไปหลังจากเขาประสบกับเหตุการณ์น่าสะเทือนขวัญในสมัยมัธยมปลาย แต่เขากลับจำเธอไม่ได้ด้วยสาเหตุบางอย่าง ชายหนุ่มพยายามสืบหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ในวัยเด็กและเหตุการณ์ที่ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำผ่านทางหลักฐานและสมุดบันทึกที่อยู่ในร้านเดอะโมเมนโตโดยมีหญิงสาวคอยช่วยเหลือ ปลายทางของการค้นหาความจริงจะพาพวกเขาไปถึงจุดไหน ติดตามได้ใน The Momento

When a woman named Fray meets with a man named Theo who has disappeared since the dreadful circumstance in high school life. But he cannot remember her with some reason. He is trying to find the truth behind circumstance in his childhood and high school life through the clue in his shop named The Momento with Fray's help. What is waiting at the destination of this journey, please be continued in The Momento.

chap-preview
Free preview
Episode 1 ร้านขายของที่ระลึก
ลมพัดกรรโชกท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองคลุมด้วยเสื้อโค้ทกันฝนสีฟ้าอ่อนวิ่งหุบร่มเดินมายืนพักหลบฝนอยู่ที่หน้าตึกแห่งหนึ่ง เธอหันหลังไปรวบผมสีน้ำตาลทองที่ยาวถึงกลางหลังซึ่งเปียกแฉะไปด้วยน้ำจึงได้มีโอกาสมองเห็นร้านค้าตกแต่งด้วยไม้เป็นจุดเด่นโดยมีป้ายแขวนชื่อร้านเขียนว่า “เดอะ โมเมนโต” กระจกบานใหญ่เผยให้เห็นชั้นวางแสดงสินค้าภายในซึ่งสินค้าที่นำมาวางช่างแปลกตามองดูแวบแรกเหมือนกับกล่องดนตรีทรงกลมที่มีตุ๊กตาคริสตัลรูปแซนตาครอสกับกวางเรนเดียร์หมุนไปตามเข็มนาฬิกา เธอไม่ได้ยินเสียงเพลงแต่คิดว่าน่าจะต้องเป็นเพลงวันคริสต์มาส ไม่นานนักเธอก็สังเกตเห็นว่ามีแสงสีแดงสะท้อนออกมาจากคริสตัล แสงกระจายเป็นริ้วผ่านม่านตาสีน้ำตาลเข้มของเธอแต่น่าประหลาดใจที่มันไม่ทำให้เธอกระพริบตาได้เลย ด้วยความสนใจและอยากรู้อยากเห็นนำพาให้มือของเธอผลักประตูไม้ข้างๆบานกระจกให้เปิดออก รู้ตัวอีกทีเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทจนต้องยกมือขึ้นปิดหูซึ่งดูเหมือนจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเพราะเสียงนั้นดังมาจากข้างในหูไม่ใช่ข้างนอก ทันใดหางตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับกริ่งกดเรียกพนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ข้างๆ เธอเอื้อมมือไปกดกริ่งในทันที เสียงอะไรบางอย่างตกจากที่สูงดังมาจากข้างในร้านซึ่งถูกตู้กระจกบานใหญ่บดบังอยู่ทำให้มองไม่เห็น ในตู้กระจกเต็มไปด้วยของที่ดูแปลกตาทั้งแจกันทรงแปดเหลี่ยม เรือโมเดลเก่า ตุ๊กตาไม้หรือแม้แต่หีบทองสลักลวดลายประณีต เสียงในหูหายไปแล้วหญิงสาวจึงมีสติเดินไปที่ข้างตู้ก่อนชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างในแล้วก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเดินถือสมุดปกหนาเล่มใหญ่ออกมาประสานสายตากับเธอเข้าพอดี ผมสีเข้มซึ่งดูยุ่งเหยิงกับนัยน์ตาสีเทาหม่นที่มองตรงมาทางเธอช่างดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ไม่นานนักเขาก็เดินออกจากเงามืดมาสู่แสงสว่างสีส้มจากโคมไฟหลายดวงที่ห้อยระย้าอยู่บนเพดานภายในร้านทำให้ใบหน้าสีขาวซีดของเขาปรากฏชัดเจนขึ้น หญิงสาวเลิกคิ้วเหมือนภาพความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาในห้วงความคิด มันเป็นภาพของเด็กหนุ่มในชุดมัธยมปลายนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ภาพติดตานั้นทำให้เธอกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เธโอ นายยังไม่ตายหรือ” ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มน้อยๆก่อนกล่าวกับเธออย่างสุภาพ “ผมควรจะต้องรู้จักคุณก่อนใช่มั้ยครับ” “นายจำฉันไม่ได้หรือ” เธอยังยืนกรานเสียงแข็ง “เฟรไง เราเคยเป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมจำได้มั้ย” เขาดูเหมือนจะเริ่มรักษาระยะห่างกับเธอและยังใช้คำสุภาพในแบบที่เป็นทางการจนเธอสัมผัสได้ “ถ้าคุณลูกค้าต้องการสินค้าชิ้นใดเป็นพิเศษ บอกได้นะครับ” “ก็ได้ๆ หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นนายก็หายไปจากเกาะนี้ คงย้ายไปอยู่ที่อื่นล่ะสิ” เสียงของเธอเริ่มแผ่วลงจนฟังดูเหมือนเสียงกระซิบ “เรื่องตั้งสิบปีมาแล้วแถมยังไม่ใช่เรื่องดี ลืมๆไปคงดีกว่านั่นแหละ” ท่าทีของชายหนุ่มเปลี่ยนไปก่อนลอบมองเธออย่างตั้งใจมากขึ้น ไม่นานเขาก็ส่ายหน้าเหมือนจนปัญญา “ผมไม่มีความทรงจำช่วงก่อนอายุสิบเจ็ดครับก็เลยจำไม่ได้” “ความจำเสื่อมหรือ” “คล้ายๆแบบนั้นครับ” ชายหนุ่มเดินไปที่หลังเคาน์เตอร์ก่อนวางสมุดเล่มหนาปกสีน้ำเงินลงบนตู้กระจกข้างๆเครื่องคิดเงินซึ่งทำจากไม้แต่กลับมีจอสัมผัสอัจฉริยะและเครื่องสแกนบาโค้ดเหมือนเครื่องคิดเงินรุ่นใหม่ๆ “ผมคิดว่าพอจะเชื่อถือคุณได้เพราะคุณเรียกชื่อผมได้ถูกต้อง” สายตาของเฟรจับจ้องสมุดขอบทองที่สะท้อนแสงสะดุดตาพลางจะยื่นมือไปแตะโดยไม่รู้ตัว แต่เธโอดึงสมุดเข้าหาตัวเสียก่อนทำให้เธอชะงัก “อะ… ขอโทษ เป็นหนังสือที่น่าสนใจดีก็เลย…” “เล่มนี้เป็นสมุดบันทึกครับ เป็นของที่อยู่คู่กับร้านนี้มานานก็เลยไม่ได้มีไว้ขาย” “เสียดายจัง” เธอยังคงจ้องมองสมุดบันทึกอย่างไม่ละสายตา เธโอจึงเปลี่ยนเรื่องเพื่อเรียกความสนใจ “แล้วคุณชอบของชิ้นไหนในร้านหรือเปล่า ผมจะได้แนะนำให้” “ฉันเห็นกล่องดนตรีที่วางโชว์อยู่หน้าร้านก็เลยอยากเข้ามาฟังเสียงดูน่ะ” “กล่องดนตรีหรือครับ” เธโอเลิกคิ้วพลางเดินออกจากหลังเคาน์เตอร์พาเฟรไปดูสินค้าที่เธอพูดถึง พอได้มาเห็นใกล้ๆจึงสังเกตุได้ว่าบริเวณฐานทรงกลมมีสวิตซ์เปิดปิดด้วย “คุณหมายถึงโคมไฟแดงนี่หรือเปล่า” “อ้าวเป็นโคมไฟหรอกหรือ” เธอนิ่งไปเหมือนใช้ความคิด “รู้สึกจะเห็นไฟส่องตาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เปิดสวิตซ์อยู่นี่นา แถมตุ๊กตานี่ก็หมุนได้ด้วย…” เธโอเห็นเฟรกล่าวพลางผงะก้าวถอยหลังสีหน้าซีดเผือดก็ประหลาดใจ “มันมีไฟแล้วก็หมุนได้จริงๆครับ แต่คุณน่าจะเห็นภาพหลอนเพราะผมไม่ได้เปิดสวิตซ์นะครับ” หญิงสาวหันขวับไปมองชายหนุ่มอย่างสงสัย “หรือว่าเป็นแบบไขลานหรือคะ” เธโอหยิบฐานของโคมไฟขึ้นมาวางบนฝ่ามือได้พอดี เขาวางมือระดับอกทำให้โคมไฟสูงเพียงระดับคางของเขา “มันไขลานไม่ได้ครับแต่สินค้าชิ้นนี้มีประวัติ ถ้าคุณยังจำคดีนักตกหญิงที่เป็นข่าวเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ก็น่าจะพอรู้แล้วว่ามันเป็นสินค้าแบบไหน ชิ้นนี้ใหม่ที่สุดในบรรดาของมีประวัติที่อยู่ในร้านนี้เลยนะครับ” เฟรรู้สึกเย็นวูบที่กลางหลัง บรรยากาศโดยรอบดูจะวังเวงจนไม่น่าเป็นร้านค้าธรรมดาอีกต่อไป “งั้นฉันไม่สนใจแล้วก็ได้ค่ะ” เธโอยิ้มน้อยๆก่อนวางโคมไฟกลับลงที่เดิม “ผมพูดเล่นครับ ของใหม่ที่พึ่งเข้ามาในร้านก็มีหลายแบบ เลือกดูก่อนได้ครับ” “ที่จริงควรจะแนะนำแบบนั้นก่อนนะ ถ้าไม่อยากเสียลูกค้า” เฟรยิ้มแห้งๆ ก่อนมองผ่านกระจกเห็นฝนข้างนอกเริ่มซาลงแล้วจึงตั้งใจจะขอตัวออกจากร้านแต่เสียงโทรศัพท์บนเคาน์เตอร์ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน เธโอเดินไปยกหูโทรศัพท์ซึ่งทำจากทองเหลืองรูปร่างคล้ายกับโทรศัพท์โบราณต่างกันตรงที่หมุนเบอร์กลายเป็นจอสัมผัสที่มีปุ่มตัวเลขแทน เฟรได้แต่เงียบเดินดูของในร้านรอให้อีกฝ่ายคุยโทรศัพท์เสร็จก่อน เธโอพยักหน้าตอบรับคู่สนทนาทางโทรศัพท์เป็นระยะอยู่ซักพักก็ยื่นมือไปเปิดสมุดบันทึกบนเคาน์เตอร์ “เรื่องที่ให้ลองค้นในสมุดบันทึกของคุณพ่อใช่มั้ยครับ มีครับ เกี่ยวกับเข็มกลัดรูปผีเสื้อแก้วประดับไข่มุกแต่คดีนั้นปิดไปแล้วไม่ใช่หรือครับ” เฟรลอบมองชายหนุ่มไล่นิ้วไปตามแต่ละบรรทัดบนหน้ากระดาษขอบเหลืองที่ดูเก่าเล็กน้อยก่อนจะพลิกหน้าไปเรื่อยอย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็หยุดมือที่สามบรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษกลางเล่มซึ่งมีรอยดินสอทำเครื่องหมายไว้พลางกล่าวใส่โทรศัพท์ “คุณพ่อเขียนว่าเป็นหลักฐานที่ได้มาจากเหยื่อที่ตายรายสุดท้าย ถึงจะจับฆาตกรกับนายหน้าค้าผู้หญิงได้แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้…” เธโอเงียบไปนิดหนึ่งไม่นานนักเขาก็พยักหน้าสองสามครั้งก่อนที่จะรับปากอีกฝ่าย “ก็ได้ครับ เห็นแก่ที่คุณยอมจ่ายค่าข้อมูล ผมคิดว่าเธออาจจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกล่อ คุณพ่อเขียนว่าก่อนจะเปิดเป็นไนท์คลับ เธอหลอกผู้หญิงพวกนั้นว่าจะหางานต่างประเทศให้ทำ บางทีอาจจะใช้วิธีคล้ายๆ กัน” หลังจากเห็นเธโอวางสายเฟรก็กล่าวขึ้นด้วยแววตาเป็นประกายอยากรู้อยากเห็น “มีคดีเกิดขึ้นหรือ” “อ้าว ยังไม่กลับอีกหรือครับ” เธโอพูดด้วยสีหน้าแปลกใจทำให้อีกฝ่ายหน้าเสีย เขาถอนหายใจรู้สึกผิดเล็กน้อย “ถึงจะบอกว่าเคยเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับผมคุณยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่” “ขอโทษ” หญิงสาวสีหน้าหมองลงก่อนจะเหลือบตามองอีกฝ่ายแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่ว “เข็มกลัดรูปผีเสื้อแก้วประดับไข่มุกใช่คดีที่เกิดขึ้นในเมืองเซรัสหรือเปล่า” “ดูข่าวด้วยหรือครับ” “เห็นแบบนี้แต่ฉันทำช่องออนไลน์อยู่นะ ถึงจะไม่ได้มีคนติดตามเยอะก็เถอะ” “เป็นช่องแบบไหนหรือครับ เผื่อผมจะลองเข้าไปดูบ้าง” เฟรหน้าแดงได้แต่กล่าวยิ้มๆด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ “เคยได้ยินข่าวนักโพสต์ที่ใช้ชื่อก๊อปปี้แคทในเว็บบอร์ดหรือเปล่า” “จอมแฉในเว็บบอร์ดหรือครับ” “ไม่ใช่จอมแฉนะ ในหมู่แฟนคลับนับถือว่าเขาเป็นนักสืบฮีโร่เลยล่ะ” เธโอใช้ความคิดลอบมองอีกฝ่ายอย่างสนใจ “แฟนคลับหรือครับ… ได้ยินว่าเรื่องที่เขาโพสต์เกี่ยวข้องกับคดีที่ตำรวจปิดไม่ได้หรือไม่สนใจ เขาจะเปิดเผยตัวคนร้ายพร้อมกับหลักฐานภายในเวลาสองวัน และวันที่สามคนที่เขาอ้างว่าเป็นคนร้ายจะถูกพบเป็นศพ สภาพที่เกิดเหตุและสาเหตุการตายก็มักจะเหมือนกับอาชญากรรมที่ผู้ตายเคยก่อเอาไว้ แต่จนถึงตอนนี้ตำรวจก็ยังหาตัวคนที่ใช้ชื่อก๊อปปี้แคทคนนี้ไม่ได้” “ใช่แล้ว ก๊อปปี้แคทคนนั้นแหละ ช่องของฉันติดตามเรื่องเขาอยู่ ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นตำนานเมืองของเกาะออลันด์แห่งนี้ไปแล้ว” “ถึงขนาดตั้งกลุ่มแฟนคลับกันแล้วหรือครับ ถ้าเขาเป็นคนลงมือจริงๆ เขาก็คืออาชญากรคนนึงนะ” “คนที่เขาโพสต์แฉและตายทั้งหมดเป็นคนเลวนี่ พอพวกเขาตายตำรวจถึงได้หาหลักฐานพบและสรุปว่าเป็นคนร้ายจริงๆเหมือนที่ก๊อปปี้แคทบอกไว้เลย” เฟรหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีเบจ เธอกดโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งจึงยื่นหน้าจอให้เธโอดู “ตัวอย่างคดีงานเลี้ยงรถไฟที่เมืองเนมุส มายา บรีเจียผู้จัดงานคือคนร้ายที่เชิญคนมารวมกันในงานเลี้ยงบนรถไฟแล้ววางยาในอาหารเพื่อให้เล่นเกมหาผู้รอดชีวิต เธอถ่ายวีดีโองานเลี้ยงด้วยมือถือเพื่อขายคลิปวีดีโอให้เว็บไซต์เถื่อน ตั้งแต่จัดงานวันแรกก๊อปปี้แคทก็เริ่มโพสต์ลงเว็บบอร์ดเกี่ยวกับประวัติของเธอ และในวันที่สามที่งานเลี้ยงสิ้นสุดลง มายาก็ถูกพบเป็นศพเพราะพิษในขวดไวน์ที่อยู่ในเมนูอาหารของงานเลี้ยง ตำรวจสรุปว่าเป็นความผิดพลาดของหุ่นยนต์บริการไวน์ที่เธอตั้งค่าไว้ให้คัดเลือกไวน์ที่ไม่มีพิษเอาไว้ดื่มเองตอนที่ปลอมตัวเป็นแขกในงาน แต่หุ่นยนต์พลาดไปหยิบเอาไวน์ขวดที่มีพิษให้เธอ” “แต่มายา บรีเจียไม่ใช่ผู้ให้ทุนจัดงานนะครับ เธอแค่รับบทเป็นผู้จัดงานและถ่ายคลิปวีดีโอเพราะได้รับการจ้างวานมาอีกที” “แต่เธอจัดงานเลี้ยงหลายครั้ง และแต่ละครั้งแขกที่เข้าร่วมงานเลี้ยงจำนวนเกือบสิบคนก็ตายหมดเพราะโบกี้รถไฟตกรางที่กลางทะเลสาบ ตอนแรกตำรวจจับไม่ได้เพราะเธอปลอมตัวเป็นแขกในงาน เมื่อจบงานเธอก็จะหาศพผู้หญิงที่รูปร่างใกล้เคียงกันมาถ่วงศพไว้ใต้น้ำ กว่าจะหาศพเจอก็บวมอืดจนแยกแยะลำบากว่าเป็นใคร และทุกคนในงานก็ใช้ชื่อปลอมหมดเลยยิ่งพิสูจน์ตัวตนได้ยาก” “ข้อมูลพวกนี้มาจากก๊อปปี้แคทหรือครับ” เฟรชะงักไปนิดหนึ่งเหมือนนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้กับรายละเอียดข่าวที่เผยแพร่หลังมายา บรีเจียเสียชีวิต “แต่ทางตำรวจก็สรุปแบบเดียวกันไม่ใช่หรือ” “ใช่ครับ ข้อมูลเมื่อครู่ถูกต้อง เพียงแต่สรุปข่าวหลังจากพบศพของมายา บรีเจียจะพูดถึงฐานะการเงินของเธอที่ไม่ค่อยดีนักและเธอไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงขนาดเชิญคนไม่รู้จักมากมายมาร่วมงานได้ ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดแต่ก็ยังสืบไม่คืบหน้า ข่าวก็เลยเงียบไป” “แต่แบบนี้ก็ทำให้งานเลี้ยงฆาตกรรมที่เคยจัดถูกยกเลิกไปไม่ใช่หรือ” “ก็ใช่ครับ บังเอิญข้อมูลถูกต้อง เขาก็เลยเป็นเหมือนฮีโร่ในสายตาคนทั่วๆไปที่ช่วยขจัดความไม่เป็นธรรม” เธโอกล่าวพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้เฟร “แต่ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้องขึ้นมาล่ะครับ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ฆ่าผิดคน เพราะแบบนี้ถึงต้องมีกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่หรือครับ” “แหม ใช่ว่ากระบวนการยุติธรรมจะถูกต้องเสมอไปนี่ โดยเฉพาะคนมีเงินกับไม่มีเงิน” “อย่างน้อยกระบวนการยุติธรรมก็เปิดโอกาสให้ทั้งคนมีเงินและไม่มีเงินได้แก้ต่างให้ตัวเองครับ ไม่ใช่การสังหารฝ่ายเดียวแบบนี้ เพียงแต่ความรู้ด้านสิทธิของตัวเองในกระบวนการยุติธรรมไม่เท่ากันเท่านั้น” เฟรเผยอปากจะค้านแต่ก็พูดไม่ออก เธอย่นคิ้วเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยพลางเก็บมือถือลงในกระเป๋าสะพาย “จะว่าไป ฉันว่าจะถามเรื่องที่คุณคุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ เรื่องหลอกให้ไปทำงานหรืออะไรใช่มั้ย” เธโอลอบมองเธออย่างสงสัยไม่แน่ใจเจตนาของอีกฝ่าย “ได้ดูข่าวมั้ยครับ เรื่องที่ผู้หญิงตายเพราะอุบัติเหตุต่อเนื่องในเมืองสิญาที่เราอยู่กัน” “รู้สิ ฉันตามข่าวอยู่เรื่อยๆ นั่นแหละ” เฟรกล่าวตอบ “แต่มันเกี่ยวอะไรกับเข็มกลัดรูปผีเสื้อแก้วประดับไข่มุกหรือ ข่าวไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย” “เรื่องนี้เป็นข้อมูลของตำรวจครับบอกไม่ได้” “ทำไมล่ะ มีผู้ตายที่ติดเข็มกลัดแบบนั้นอยู่หรือ แล้วที่ว่ายังไม่พบตัวผู้บงการในตอนนั้นก็แปลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้อาจเกี่ยวข้องกับผู้บงการที่ว่าใช่มั้ย” เธโอสูดหายใจนิดหนึ่งเริ่มอึดอัดกับคำถามของหญิงสาว “เรื่องที่เกิดตอนนี้ถูกมองว่าเป็นอุบัติเหตุเท่านั้นครับ เรื่องผู้บงการก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐาน อย่าคิดจริงจังเลยครับ” เฟรรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจปิดบังข้อมูลและไม่คิดจะเปิดปากพูดอย่างแน่นอน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายแล้วกดบนหน้าจอไม่กี่ครั้งก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ถ้าพูดถึงเรื่องหลอกให้ไปทำงาน ฉันก็เจอโพสต์ประกาศรับสมัครงานแปลกๆ ตามหน้าเว็บไซต์อยู่นะ” สายตาของเธโอบ่งบอกว่าเรื่องนี้ดึงความสนใจของเขาได้ “แปลกยังไงหรือครับ” “เป็นโพสต์รับสมัครงานที่อ้างว่าให้ไปเข้าร่วมกิจกรรมในสถานที่และเวลาที่กำหนด ฉันลองสมัครและไปเข้าร่วมด้วย มีวิทยากรผู้หญิงชื่อว่า เรย์ เวลลี่ ออกมาพูดจูงใจว่าจะให้ไปทำงานต่างประเทศแล้วก็ให้ผู้สมัครงานทุกคนโอนเงินเป็นค่าที่พักกับค่าเดินทาง จากนั้นก็นัดหมายให้ทุกคนมาพบกันที่เดิมอีกครั้งเพื่อเตรียมเดินทางน่ะ” “แล้วคุณได้ไปมั้ย” “ไม่ได้ไปหรอก ก่อนถึงวันเดินทาง เขาโทรมาบอกให้โอนเงินเพิ่มอีกหลักหมื่น ก่อนหน้านี้ก็โอนไปแล้วหลายพัน ฉันเลยไม่เชื่อแล้วก็ยอมเสียเงินก้อนแรกไปฟรีๆ น่ะสิ” สีหน้าของเธโอครุ่นคิด “เขาได้บอกมั้ยครับว่าเป็นงานแบบไหน” “งานแอดมินธรรมดา แต่ว่าต้องไปแสดงตัวพร้อมส่งเอกสารที่ออฟฟิศที่ต่างประเทศก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ทำงานออนไลน์จากที่บ้านได้เลย” “โดนหลอกแน่นอนครับ ไม่คิดว่าจะหลงเชื่อได้เลย สมัครงานแอดมินตามออฟฟิศทั่วไปไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรแบบนั้นหรอกครับ” “เรื่องนั้นฉันก็พอรู้ แค่คิดว่าอยากหารายได้เพิ่ม ยิ่งเป็นงานออนไลน์ของต่างประเทศก็เลยไม่แน่ใจว่าเงื่อนไขมันต่างกันยังไงบ้าง เอาเป็นว่ายอมเสียรู้แค่ครั้งเดียวนั่นแหละ” เฟรแสดงหน้าจอโทรศัพท์ให้เธโอดูโพสต์รับสมัครงานที่พูดถึง “คุณได้เห็นหน้าของผู้หญิงที่ชื่อเรย์ เวลลี่แล้วใช่มั้ย” “เห็นแล้ว แต่เขามีกฎห้ามถ่ายรูป ไม่งั้นจะถูกตัดสิทธิ์ทันทีน่ะสิ” “กำหนดการที่จะพาไปต่างประเทศนั่น ยังมีอยู่หรือเปล่าครับ” “ยังมีอยู่ แต่ถ้าไม่จ่ายเงินเพิ่มเขาก็ไม่บอกว่าให้ไปเจอที่ไหนไง” เฟรกล่าวก่อนจะนึกขึ้นได้ “แต่มีคนรู้จักที่ไปงานด้วยกันแล้วก็ยอมเสียเงินเพิ่มด้วย ฉันถามเรื่องสถานที่นัดพบจากเขาแล้วล่ะ” เธโอสีหน้าครุ่นคิดพลางมองดูเฟรเก็บมือถือกลับลงกระเป๋าสะพาย “ผมอยากลองไปสถานที่ที่ว่าได้มั้ย” เฟรยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย “สนใจขึ้นมาแล้วล่ะสิ ไปกับฉันมั้ยล่ะ” “อย่าบอกนะครับว่าตอนแรกคุณคิดจะไปคนเดียว ทั้งที่สถานการณ์มันน่าสงสัยขนาดนี้” “ตอนแรกคิดว่าถามไว้เผื่อเป็นประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปหรอก แต่พอได้ยินว่าข่าวผู้หญิงตายเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องช่วงนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับโพสต์หลอกให้ไปทำงานต่างประเทศ ฉันก็อดสงสัยไม่ได้น่ะสิ” เธโอถอนหายใจยาวอย่างเสียไม่ได้ “ผมว่าคุณไม่ต้องไปหรอก คนรู้จักที่คุณพูดถึงอาจเป็นหน้าม้าเฉยๆ ก็ได้” “ฉันก็อยากไปหาหัวข้อข่าวเด็ดๆ มาลงช่องบ้างไม่ได้หรือไง มีแค่เรื่องก๊อปปี้แคทอย่างเดียวใช้ไม่ได้หรอก” “ถามตรงๆ นะครับ คุณอยากทำเพื่อสังคมหรือว่า...” สีหน้าของเธโอเรียบเฉยแต่น้ำเสียงเย็นเยือกราวกับไม่แยแสต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายอีกต่อไป “แค่อยากได้ยอดคนดูช่องออนไลน์เพิ่มเท่านั้น” เฟรเงียบไปพักหนึ่งเพราะเริ่มหงุดหงิดกับคำพูดของเธโอ “ฉันก็แค่เห็นว่าอาชญากรรมมันเพิ่มขึ้นก็เลยอยากมีส่วนร่วมกับการเปิดโปงความจริง ฉันอยากรู้เรื่องก๊อปปี้แคทก็เพราะอยากรู้ความจริงว่าอาชญากรพวกนี้ตายได้ยังไงกันแน่ เป็นฝีมือของก๊อปปี้แคทหรือว่ากรรมตามสนองจริงๆ…” เสียงของเธอแผ่วลงในที่สุดจึงหลบตาเขาอย่างจนคำพูด “แล้วก็อยากได้ยอดคนดูจริงๆ นั่นแหละ” “ก็ยังดีที่คุณไม่สร้างเรื่องไม่ดีขึ้นมาเพื่อให้ได้ยอดคนดู ไม่งั้นผมคงไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับคุณแน่” เธโอยิ้มนิดหนึ่งพลางยื่นมือมาทางหญิงสาวอย่างอ่อนโยน “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมชื่อเธโอเป็นเจ้าของร้านขายของที่ระลึกแห่งนี้” หญิงสาวนึกถึงคำพูดของเขาที่บอกว่าเธอยังเป็นคนแปลกหน้า แต่สำหรับเธอแล้วชายหนุ่มยังคงเหมือนเดิมทั้งบุคลิกรูปร่างหน้าตา แต่ที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยคงจะเป็นความคิดอ่านที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เธอยิ้มกว้างยื่นมือไปจับมือของเขาเอาไว้ “ฉันชื่อเฟร ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” รอยยิ้มของเฟรทำให้เธโอชักมือกลับอย่างเขินๆ ใบหน้าซีดขาวของเขาอมชมพูพอมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง เขาหันมองไปทางนาฬิกาลูกตุ้มไม้แขวนผนังก่อนจะกระแอมเบาๆ “เอ่อ… ตอนนี้ทุ่มนึงแล้วนะครับ คุณควรจะกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว” “บ้านฉันอยู่ไม่ไกลเท่าไรหรอก” เฟรถลกแขนเสื้อนิดหนึ่งก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองดูเวลา “แต่ก็ควรกลับได้แล้ว งั้นฉันขอตัวนะ” เฟรยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกจากร้านเดอะโมเมนโตอย่างอารมณ์ดี คล้อยหลังเธอไปแล้วเธโอจึงเดินไปพลิกป้ายหน้าร้านเปลี่ยนเป็นปิดทำการแล้วตั้งค่ากลอนประตูไฟฟ้าให้ล็อกถาวรไว้ เขาเดินกลับเข้าไปหลังร้านเพื่อตรงไปยังชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่ตั้งชิดกำแพงอยู่ ชายหนุ่มย่อตัวลงพลางไล่นิ้วไปตามสันหนังสือปกแข็งซึ่งวางเรียงรายอยู่บนชั้นรองสุดท้ายจนมาหยุดลงที่สมุดปกแข็งสีเลือดหมูเล่มเล็กดูใหม่ที่สุดบนชั้นแล้วดึงสมุดออกมาเผยให้เห็นตัวอักษรเขียนภาษาอังกฤษบนปกอ่านได้ว่า “ไดอารี่” เธโอเปิดสมุดแล้วเดินไปลงนั่งเก้าอี้ในห้องครัวพลางวางสมุดลงบนโต๊ะทรงกลมก่อนจะเริ่มตั้งใจอ่านบันทึกประจำวันที่ถูกเขียนทิ้งเอาไว้เมื่อสิบปีก่อน

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook