“เมื่อไหร่มึงจะพาน้องเขามาวะ”
“น้องไหนวะไอ้ลูคัส”
“มึงจำไม่ได้?”
“อืม ถ้าจำได้จะถามมึงไหมล่ะ ตกลงยังไงน้องไหนของมึง”
“ก็น้องคนที่ตอนแรกไอ้นิกซ์กับไอ้ลูเฟิร์สจ้องเคลมแต่ไอ้เวลบอกว่าพวกมันไม่มีทางได้เคลมเพราะมันจะเคลมเอง แถมพวกมันสามตัวยังพนันกันอีกว่าใครแพ้ต้องหุ้นกันซื้อรถรุ่นที่คนชนะอยากได้ไง น้องเขาชื่ออะไรนะไอ้เวล...น้องขมิ้นใช่รึเปล่าวะ”
“หุบปากไปเถอะไอ้เจมส์”
“บอกก่อนสิวะว่าใช่รึเปล่า แต่กูว่าใช่ คนอะไรชื่อน่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ รีบพามาให้พวกกูเจอเป็นเครื่องยืนยันว่ามึงเคลมจบนะเว้ยกูอยากเห็นไอ้สองตัวนี้เสียเงิน หึ ๆๆ ว่าแต่ชื่อน้องขมิ้นใช่ไหมวะ”
“...”
“ว่าไงไอ้เวล น้องเขาชื่อขมิ้นใช่ไหม”
“...”
“ไอ้เวลมึงจะเงียบทำห่าอะไรวะ ตอบมาแค่ใช่หรือไม่ใช่ก็จบ”
“ใช่ค่ะ”
ขวับ!
ฉันโพล่งออกไปแบบโคตรเสียมารยาทจนทุกคนในวงสนทนานั้นหันมามองเป็นตาเดียวในทันที ก็เพราะคนที่ถูกถามเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรหลังจากที่ทำเรื่องเหี้ยไปแล้วเหยื่อที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเป็นเหยื่ออย่างฉันก็เลยช่วยตอบคำถามที่คาใจของเพื่อนเขาเอง
“เอ่อ นี่น้อง...” ผู้ชายคนที่เอาแต่ถามเขาว่าคนที่พวกเขาแข่งกันเคลมชื่อขมิ้นรึเปล่าหน้าซีดนิดหน่อยแล้วก็ถามออกมาฉันเลยยิ้มให้แล้วขยับปากที่ควบคุมไม่ให้มันสั่นอย่างเต็มที่พูดออกไป
“ขมิ้นค่ะ”
“น้องครับคือ... / มิ่นเอาโทรศัพท์มาให้ นี่ค่ะโทรศัพท์ที่ลืมไว้” ฉันไม่สนใจว่าเพื่อนเขาคนนั้นจะทำหน้ายังไงหรือพูดอะไร ฉันเดินตรงไปหยุดตรงหน้าเขาที่ตอนนี้ก็แค่มองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่บอกความรู้สึกอะไร
บรรยากาศในวงเหล้าของผู้ชายไฮโซกลุ่มนี้เงียบลงไปถนัดตา ฉันเดินไปหยุดตรงหน้าเขาแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พยายามจะเข้มแข็งแต่บอกตรง ๆ ว่าน้ำตามันก็คลออยู่ดี
“ไปคุยกันที่ห้องทำงาน” เขามองแล้วพูดออกมาเรียบ ๆ เหมือนที่เขาคุยกับฉันก่อนหน้านี้แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ที่ยื่นให้
“ไม่จำเป็น เอาโทรศัพท์ไป” ฉันพูดจบก็โน้มตัวลงนิดหน่อยเพื่อวางโทรศัพท์ของเขาลงบนโต๊ะให้มันเสร็จ ๆ ไป
หมับ!
“ไปคุย...”
ผลัก!
ฉันสะบัดมือที่จับข้อมือฉันออกไม่รอให้เขาพูดคำเดิม ๆ ออกมาอีกเป็นรอบที่สอง มีอะไรต้องคุยในเมื่อได้ยินชัดเต็มสองหูว่าเขาแข่งกับเพื่อนเพื่อเคลมฉัน เกมชั่วช้าของผู้ชายชาติชั่ว! นึกว่ามีแต่ในละครหรือนิยายสุดท้ายดันเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง ตอนอ่านนิยายไม่เข้าใจความรู้สึกเสียใจของนางเอกหรอกเพราะรู้ว่าสุดท้ายยังไงพระเอกกับนางเอกก็ต้องคู่กัน เล่นเกมแบบนั้นได้เลวชาติยังไงสุดท้ายพระเอกก็ต้องรักนางเอกอยู่ดีแต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่ ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด!
“ไม่มีอะไรต้องคุย จบเกมรึยังล่ะ ได้เคลมแล้วแถมวันนี้ก็ได้มาให้เพื่อนพี่เจอหน้าเป็นเครื่องยืนยันแล้วนี่ว่าพี่เคลมจบ”
“ฟัง” เสียงนิ่งกึ่งดุไม่ได้ทำให้ฉันคิดจะทำตามที่เขาบอกเลยสักนิด ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนเขาคนนั้นที่เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ทันที
“แค่นี้ก็จบเกมของพวกพี่แล้วใช่ไหมคะ”
“เอ่อ... / ถ้าจบแล้วก็ขอตัว” เอ่อ ๆๆ ไม่เห็นจะพูดอะไรมากกว่านี้เลย ทีตอนเม้าท์ลับหลังนี่ปากเก่งเชียว
ฉันมองคนพวกนี้ที่หน้าตาดีทุกคน แต่งตัวดีทุกคน บุคลิกดีทุกคน แถมยังน่าจะ...สันดานเหี้ยดีทุกคนแล้วหันหลังเพื่อเดินออกไปจากที่ตรงนี้ทันที
“เพิ่งบอกให้ใจเย็นแล้วฟังคนอื่นไม่ใช่เหรอ” เสียงราบเรียบเย็นชาปนดุของเขาดังขึ้นทันทีที่ฉันก้าวขาเดินทำให้ฉันหยุดเดินทันที
“เพิ่งบอกให้ใจเย็นแล้วฟังคนอื่นไม่ใช่เหรอ”
พูดประโยคนี้ออกมาได้ยังไงที่สำคัญจะให้ฟังอะไร ฟังเหตุผลของการทำเลวเหรอ มันจะมีอะไรนอกจากรู้สึกท้าทายและสนุกที่ได้แข่งกับเพื่อน
“มีเหตุผลอะไรที่ต้องฟัง” ฉันถามออกไปทั้งที่ยังยืนหันหลังให้เขา
“ถ้าบอกให้ฟังก็หมายความว่ามีเหตุผลที่จะให้ฟัง” จบคำพูดของผู้ชายคนนี้ที่ทำฉันเจ็บใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้งที่รู้จักกันก็แค่ชื่อเล่นเท่านั้นฉันก็หันกลับไปแล้วเดินไปหยุดข้าง ๆ เขา
“เหรอคะ”
“ไปคุยกันที่ห้องทำงาน พวกมึงดื่มกันไปเลยเดี๋ยวกูมา” เขาหันไปบอกเพื่อนแล้วทำท่าจะลุกขึ้นฉันเลยเอามือกดไหล่เขาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นได้จากนั้นก็กระชากของในมือเพื่อนเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเสียมารยาท
หมับ!
ซ่า!!!
“เฮ๊ย!” เสียงอุทานของเพื่อน ๆ เขาดังขึ้นแต่ฉันไม่สนใจส่วนไอ้ผู้ชายที่โดนสาดก็ไม่ได้โวยวายอะไรนอกจากค่อย ๆ ลืมตาช้า ๆ แล้วมองมาที่ฉันที่กำลังยืนจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยความรู้สึก...เกลียดทั้งหัวใจ
“พี่แม่ง...เหี้ยฉิบหายเลยค่ะ”
ปึก!
ฉันด่าไอ้คนที่ชื่อแม็คเวลแต่น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นแม็คเวรมากกว่าจบก็วางแก้วเหล้ากระแทกลงไปที่โต๊ะเต็มแรงจากนั้นก็เดินออกมา เดินมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลทะลักทันที
...โคตรน่าอาย ทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราไม่รู้เคยจักกันเลย ไม่รู้จักพวกเขาเลยแต่ทำไมพวกเขาถึงได้ดึงฉันเข้าไปในเกมเส็งเคร็งของพวกเขา!
#KAMIN END
#MAXWELL TALK
“พี่แม่ง...เหี้ยฉิบหายเลยค่ะ”
ปึก!
“...”
“ไอ้...ไอ้เวลมึงโอเคไหมวะ” เสียงเพื่อนถามผมที่เอาแต่นั่งนิ่งหลังจากที่เสียงฝีเท้าของเธอที่อยู่ด้านหลังเงียบไปทำให้ผมค่อย ๆ ยกมือขึ้นปาดเหล้าที่ยังชื้นตรงคิ้วกับตาออก
“มึงแม่ง”
...olo
ผมชูนิ้วกลางให้ไอ้เจมส์ด้วยความหงุดหงิด
“กูไม่รู้นี่หว่าว่าน้องเขาจะโผล่มา”
“...Sh-t!” มันก็จริงอย่างที่ไอ้เจมส์พูดนั่นล่ะ มันไม่รู้ขนาดผมเองยังไม่คิดเลยว่าเธอจะมาได้จังหวะขนาดนี้
“แล้วเอาไงต่อวะ มึงเล่น ๆ หรือจริงจัง อย่าบอกนะว่ามึงจริงจัง”
“ไม่ต้องเสือก” ผมบอกมันแล้วลุกขึ้นเดินออกมาทันทีเพราะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับใครต่อ
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ตื๊ด ๆๆๆ
เธอตัดสายทิ้งโทรไปอีกรอบก็คงตัดสายอีกอยู่ดีเลยลงไปถามพนักงานต้อนรับก็ได้เรื่องว่าเธอเดินออกไปแล้วถึงได้ขับรถตามออกไป
-เวลาต่อมา-
ก๊อก ๆๆ
“เปิดประตู” ฉันได้ยินเสียงเคาะประตูกับเสียงเย็นชาที่ดังลอดประตูของเขาชัดเจน ไม่คิดว่าจะตามมาแต่คิดอีกทีตามมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็แหม...ซิงนี่คะ ยังสนุกต่อได้อีกพักใหญ่เลย
ก๊อก
ก๊อก
ก๊อก
เขาเคาะประตูติดต่อกันช้า ๆ ฉันเลยรีบเช็ดน้ำตาที่ร้องออกมาไม่หยุดด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาแล้วเดินไปล้างหน้าให้มันสดชื่นจากนั้นก็ไม่ลืมที่จะคว้ากะละมังซักผ้ามารองน้ำให้มันได้ครึ่งกะละมัง
“รอก่อน” ฉันเดินไปหยุดหน้าประตูแล้วบอกเขาทำให้เสียงเคาะประตูเงียบไป
“เปิด” เปิด? หึ! ทำเลวแล้วยังกล้าสั่งคนอื่นเสียงห้วน ๆ อีกนะไอ้คนเลว!
“รอก่อน ล้างหน้าก่อน” ฉันตอบออกไปเขาก็เงียบเลยรีบเดินไปดูน้ำในห้องน้ำพอได้ที่ก็ยกกะละมังออกมาแล้วปลดล็อกประตูแต่ไม่ยอมเปิดเอง
...หนึ่ง
...สอง
...สาม / กริ๊ก!
แอด~ / ซ่า!!!
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดจากคนที่ไม่ใช่เจ้าของห้องเพราะทนรอให้เปิดให้ไม่ไหวฉันที่ยืนอยู่ในห้องพร้อมกะละมังที่มีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่งก็จัดการสาดน้ำไปที่ประตูทันทีทำเอาเขาหลบไม่ทันทำได้แค่เบือนหน้าหนีแล้วภาพที่ฉันเห็นก็คือผลงานที่น่าพอใจเพราะไอ้คนเลวเปียกไปทั้งตัว ไม่ใช่แค่น้ำแต่มีฟองจากผงซักฟอกอาบตัวเต็มไปหมด!
เขาเอามือลูบหน้าช้า ๆ พร้อมกับหันหน้ากลับมาระหว่างนี้ฉันก็วางกะละมังแล้วคว้ามีดทำครัวที่เตรียมไว้มาถือทันที
...ป้องกันตัว
ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะบอกตำรวจแค่คำนี้คำเดียวเท่านั้น!
“...เพื่ออะไร?” เขาจ้องฉันเขม็ง ท่าทางนิ่งไม่สะทกสะท้านกับการโดนน้ำผสมผงซักฟอกสาดของเขาทำให้ฉันเกลียดเขาเพิ่มมากขึ้น
“ล้างความเลวให้นายไง แต่น่าจะไม่สะอาดเพราะความเลวคงเยอะน่าดู” ฉันจ้องหน้าเขาแล้วก็กำมีดในมือแน่น ลองเข้ามาสิจะไม่ยั้งมือเลย แล้วก็ดูเหมือนเขาจะมองเห็นมีดในมือแล้วสินะเห็นจ้องตาไม่กระพริบเลย
“คิดว่ามีดแค่นั้นจะทำอะไรฉันได้”
“อยากรู้ว่าได้แค่ไหนก็ต้องลองดู”
“กล้าทำ?” สีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาฉายความท้าทายทำฉันโกรธขึ้นมาจนตัวสั่น
“ทำไมจะไม่กล้า ขนาดนายยังกล้าดึงผู้หญิงที่ไม่รู้จักไปอยู่ในเกมบ้า ๆ ของพวกนายได้เลยแล้วทำไมฉันจะไม่กล้าแทงคนที่มันทำเหี้ยกับฉันวะ!” ฉันโกรธการกระทำเห็นแก่ตัว ทุเรศ อุบาทว์ ชาติชั่วของเขากับเพื่อนเขาที่สุด!
“จะตะโกนเสียงดังให้คนออกมาดูทั้งชั้นหรือจะคุยกันดี ๆ”
“จะตะโกน! ฉันไม่คุยบ้าคุยบออะไรกับนายทั้งนั้น มีอะไรต้องคุย จะคุยอะไรหรือนายมีเหตุผลที่ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับฉันเหรอ? คนเรามันต้องมีด้วยเหรอนอกจากคึกคะนองอยากสนุกฮะ!”
“...”
“ตอบมาสิ! มันมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ! ตอบมาเลยฉันจะช่วยแกล้งโง่เชื่อคนชั่วอย่างนายอีกสักครั้ง!”
“...”
“ตอบมาสิ!”
“ขมิ้นอย่าขึ้นเสียงแบบนี้ไม่งั้นทั้งคืนก็คุยกันไม่รู้เรื่อง”
“ไม่อยากให้เสียงดังก็ตอบมาสิ! ตอบมาว่าทำไม! ทำไมพวกนายต้องเล่นเกมแบบนี้กัน ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไม...ฮึก! ฉันไปทำอะไรให้พวกนายวะทำไมต้องทำร้ายฉันเพื่อความสนุกของตัวเองแบบนี้ ฮื่อ ๆๆ ทำไม!!!”
“...เพื่อความสนุก”