EP : 10 : การรับผิดชอบของแม็คเวล

2022 Words
“ขอโทษ” “ขอโทษบ้าอะไรของนาย ขอโทษที่หลอกฟันแล้วยังกล้าหลอกต่อว่าจะโทรหาน่ะเหรอ เหอะ! ไม่ต้องมาขอโทษ ก็แค่คำพูดของคนที่เมาแล้วได้กันฉันไม่ได้แคร์!” “แต่ฉันแคร์!” “...” “เจ็บ อย่าบีบ” “ไม่อยากให้บีบก็ฟัง คิดว่าอยากเงียบหายไปเฉย ๆ รึไงวะ! ฟังเหตุผลฟังคนอื่นก่อนไม่ใช่โวยวายว่าอีกคนแค่กลับมาหลอกอีกครั้งทั้งที่เขากำลังตั้งใจจะมารับผิดชอบเธอ!” “...พูดอะไร?” เขาทำให้ฉันน็อคไปหลายวินาทีนะเขาเห็นรึเปล่า “เดี๋ยวค่อยคุย” เอ้า! เดี๋ยวค่อยคุยทั้งที่เพิ่งพูดคำพูดน่าตกใจออกมานี่นะ? “ได้ไง” “ได้สิ ไปทำตัวเองให้มันใจเย็นกว่านี้ก่อนเดี๋ยวค่อยคุย” “ใครจะใจเย็นได้ นายพูดอะ...อื้อ!!!” ฉันร้องได้แค่ในลำคอเพราะปากโดนเขาจูบ เขากระชากฉันไปจูบตามอำเภอใจยิ่งทำให้ฉันโมโห! “อื้อ!!!” เขาจูบดุดันมากยิ่งดิ้นขัดขืนก็ยิ่งจูบแรงมากกว่าเดิมแต่ไม่นานเขาก็ผละออกแต่ฉันก็ไม่ได้ถูกปล่อยมือให้เป็นอิสระเหมือนเดิม “นาย! / เรียกดี ๆ” “...” ยังไม่ทันได้วีนจบเขาก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงดุ นี่จูบเพื่อลงโทษเหรอ? นี่คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกซีรีย์เกาหลีรึไงที่นางเอกพูดอะไรไม่เข้าหูก็จูบเอาจูบเอา! “ถ้าพูดไม่เข้าหูอีกเธอไม่โดนแค่นี้” เขาขู่สำทับอีกรอบแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงหน้าตาเฉยแล้วก็ไม่สนใจฉันอีกเลย นี่มันอะไรกัน? เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉัน ผู้ชายที่มองหน้าฉันในผับจนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบลากฉันมาส่งที่หอ เปิดซิงฉันแล้วก็กลับไปพร้อมบอกว่ามีพรีเซ้นต์งานตอนเช้าเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่จะโทรหาจากนั้นเขาก็หายไปเลยไม่มีการติดต่อใด ๆ ประหนึ่งว่าเหตุการณ์สุดแซ่บจนแสบหว่างขาของขมิ้นคนนี้เป็นแค่ความฝันที่เป็นฝันร้ายแต่ไม่อาจจะสลายไปจากใจได้ง่าย ๆ แล้ววันนี้ก็โผล่หัว เอ๊ย! โผล่หน้ามาแล้วบอกว่า “ตั้งใจจะมารับผิดชอบเธอ” ...??? จริงเหรอคะ ไม่อยากจะเชื่อเลย ทุกอย่างเหมือนไม่ได้เกิดขึ้นจริงเลยสักนิด ฉันหันหลังให้เขาช้า ๆ แล้วก็แอบหยิกตัวเองเบา ๆ อย่างกับตัวเองเป็นนางเอกเพี้ยน ๆ ที่เอะอะไรก็คิดว่าตัวเองฝันไปแล้วก็พบว่าเจ็บนิด ๆ เพราะไม่กล้าหยิกตัวเองแรงแต่แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน ขวับ! “ใจเย็นแล้ว” ฉันหยิกตัวเองเสร็จก็หันไปบอกเขาทันทีทำให้คนที่นั่งมองโทรศัพท์อยู่เงยหน้ามองฉันแล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น “ใจเย็นแล้ว?” “อือ” “เร็วไปรึเปล่า” “จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ต้องคุยถ้างั้นก็คุยเลยเถอะ” “ไม่” “เอ้า!” “เราจะไม่คุยกันถ้าเธอยังพูดจาไม่เข้าหู” “แล้วมันต้องพูดยังไงถึงจะเข้าหู มันไม่เข้าหูยังไงถ้าไม่เข้าหูนาย เอ๊ย! พี่จะได้ยินรึไง” “อย่ายอกย้อน พูดจาให้มันน่าฟัง” “...” จะเอาอะไรนักวะ เกลียดมากเลยไอ้ท่าทางนิ่งขรึมเย็นชาตลอดเวลาทั้งที่ตัวเองกำลังทำให้คนอื่นโมโหของเขาเนี่ย เคยชอบผู้ชายเย็นชาแบบนี้นะแต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว! ขัดหูขัดตา! พอฉันเงียบเขาก็แค่เฉย ไม่ได้เซ้าซี้ให้ฉันพูดให้เข้าหูเขามากกว่านี้ แค่ก้มหน้าสนใจหน้าจอโทรศัพท์ของเขาต่อ เออ! ก็นายไม่ใช่คนที่อยากรู้ว่าคำพูดนายมันหมายความว่ายังไง นายไม่ใช่คนที่ถูกปล่อยให้รอจนเวลาผ่านมาสามวันนี้ไอ้พี่แม็คเวร! “...พี่มีอะไรจะคุยกับมิ่น พูดมาได้แล้วค่ะ” ฉันใช้เวลาประมาณห้านาทีตั้งสติแล้วพยายามพูดให้น่าฟังและคิดว่ามันคงน่าฟังมากที่สุดสำหรับคนที่ถูกหลอกให้รอแล้วล่ะ จะให้ไพเราะเสนาะหูกว่านี้ก็คงไม่ไหว “ใจเย็นแล้ว?” “พอประมาณค่ะ พี่มีอะไรก็พูดมาเถอะ อยู่แบบนี้มิ่นว่ามันอึดอัด” ฉันใช้น้ำเสียงให้ดีที่สุด พยายามจะไม่ให้ตัวเองเผลอหลุดเสียงแข็งเพราะอันที่จริงฉันไม่ได้เป็นคนที่น้ำเสียงอ่อนหวานเลย หลายครั้งที่คิดว่าตัวเองพูดดีแต่คนฟังดันบอกว่าน้ำเสียงฉันแข็งซะนี่ “พูดไปแล้ว” “คะ?” “พูดไปแล้วไง” “พูดอะไร?” พูดมาตั้งหลายคำถึงแม้ว่าคำพูดเขาจะไม่ถึงครึ่งที่ฉันพูดก็ตามเถอะ พอฉันถามออกไปเขาก็วางโทรศัพท์ลงที่เตียงแล้วพูดออกมา “ตั้งใจจะมารับผิดชอบไง” เขาพูดคำนี้ออกมาฉันก็แอบใจเต้นแรง ไม่ชอบตัวแกตอนนี้เลยขมิ้นทำไมต้องใจเต้นแรงเพราะผู้ชายคนนี้อีกครั้งด้วย ไม่เข็ดรึไงกับสิ่งที่เขาทำไว้ “รู้ว่าพูดแล้วแต่มันไม่เคลียร์ไงคะ” “ก็จะรับผิดชอบไง ที่หายไปเพราะงานมีปัญหาเลยมาหาไม่ได้ แล้วที่ไม่ได้โทรหาก้เพราะโทรศัพท์พังพอดี เปลี่ยนเครื่องใหม่เบอร์ก็หายไปแล้ว เคลียร์เรื่องงานเสร็จก็รีบมานี่ไง” “...” ฉันฟังคำอธิบายของเขาเงียบ ๆ คำอธิบายที่อธิบายพอสังเขปแต่ก็เข้าใจได้ ถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่อยากรู้แต่เขาไม่ใส่รายละเอียดอีกพอสมควรก็ตาม -_-! “เข้าใจที่บอกไหม” “ก็...เข้าใจค่ะ แต่ไม่ต้องหรอกพี่ เราก็เมากันทั้งคู่ มิ่นไม่อยากให้ใครมารับผิดชอบค่เพราะต้องรับผิดชอบ...” หมับ~ “อื้อ!!!” ยังพูดไม่จบเขาก็กระชากฉันเข้าไปจูบอีกครั้ง แต่จูบครั้งนี้ไม่เหมือนจูบลงโทษตอนที่พูดไม่เข้าหูเพราะมันอ่อนโยนมาก ๆ เขาค่อย ๆ บรรจงจูบแล้วใช้สองมือประคองแก้มฉันเอาไว้จากนั้นถึงได้ถอนจูบออกไปแต่ก็ไม่ยอมผละใบหน้าหล่อออกห่างไปไหนจนลมหายใจของเราสองคนรินรดกันให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง “เลิกพูดอะไรงี่เง่า คนอย่างฉันไม่เคยทำอะไรเพราะต้องทำ ฉันจะทำแค่เรื่องที่ฉันอยากทำและ...เต็มใจทำเท่านั้น~” “อื้อ~” -เวลาต่อมา- ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด อ้าว! ไม่ใช่โทรศัพท์ของฉันนี่คะ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดแถมแพงที่สุดแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีตาพี่แม็คเวลที่บุกเข้ามาหาแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบฉันจากนั้นก็จูบฉันเอาเป็นเอาตายก่อนจะบอกว่าให้เราสองคนค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไปแล้วก็ขอตัวกลับเพราะเขาต้องรีบไปดูงานของเขาต่อแต่เขาก็ทิ้งท้ายก่อนเดินออกไปว่า จะไม่หายไปไหน ลืมโทรศัพท์ไว้ ไอ้ฉันก็มัวแต่นั่งเสียอาการต่ออยู่คนเดียวตั้งนานสองนานจนไม่ได้สังเกตว่ามีโทรศัพท์แปลกปลอมอยู่ในห้องจนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นนี่ล่ะค่ะ ...ผู้จัดการ จะทำยังไงล่ะทีนี้ จะเสียมารยาทรับแทนก็น่าจะไม่ดีถ้างั้นอย่ารับเลย เดี๋ยวพี่เขารู้ตัวก็คงรีบกลับมาเอาอยู่แล้วล่ะปล่อยมันไว้แบบนี้ดีกว่า ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด ...ผู้จัดการ เบอร์ที่เมมว่าผู้จัดการโทรมาห้ารอบในเวลาติดต่อกันสายตัดปุ๊บก็โทรมาใหม่ปั๊บแบบนี้แสดงว่าคนที่โทรมาต้องมีเรื่องสำคัญแน่ ๆ เอาไงดีวะมิ่น? รับดีกว่าไหมมิ่น เขาคงมีเรื่องสำคัญอย่างน้อยก็บอกเขาว่าเจ้าของโทรศัพท์ลืมโทรศัพท์ไว้เขาจะได้หาวิธีติดต่อทางอื่นดีกว่าปล่อยให้เขาพยายามติดต่อให้ร้อนใจเพิ่ม ติ๊ด! “ฮัลโหล” (กว่าจะรับ) เสียงราบเรียบคุ้นหูที่ดังออกมาจากปลายทำให้ฉันรู้ทันทีว่าใครโทรมา “พี่แม็คเวลเหรอคะ มิ่นก็นึกว่าคนอื่นโทรมาหาพี่เลยไม่กล้ารับกลัวเสียมารยาท” (อืม ไม่เป็นไรพอดียืมโทรศัพท์ผู้จัดการโทร แต่โทรศัพท์มีคอนแท็คลูกค้าที่ต้องติดต่อ มันสำคัญมากช่วยเอามาให้ทีไหมตอนนี้ไปไม่ได้ต้องทำงาน) “คะ? อ๋อได้ค่ะ” ฉันมองนาฬิกาที่เพิ่งสองทุ่มเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร ว่าแต่พี่เขาทำงานอะไรกันนะ? (โอเคถ้างั้นช่วยเอามาให้ที่...) -เวลาต่อมา- ไหนนะ? ฉันเดินงง ๆ เข้ามาในสนามแข่งรถที่ไม่เคยรู้จักแต่ก็ทำความรู้จักระหว่างที่นั่งแท็กซี่มาจนได้รู้ว่าที่นี่ดังมากในวงการแข่งรถทั้งในไทยแล้วก็ต่างประเทศ แถมยังทำเงินได้มหาศาลมากแล้วเจ้าของสองคนก็หล่อและรวยมากซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแค่คือพี่ฟีนิกซ์คนนั้นกับพี่แม็คเวลของมิ่นคนนี้ >//////< ว่าแต่เขาอยู่ตรงไหนนะ? พี่เขาบอกว่าเข้ามาแล้วให้เดินไปหาพนักงานที่เค้าเตอร์แล้วบอกชื่อได้เลยเดี๋ยวพนักงานจะพาไปหาเองเพราะเขาบอกพนักงานไว้แล้วซึ่งมันก็จริงค่ะพอบอกชื่อพนักงานก็รีบพาเดินนำทางแต่พนักงานไม่ได้พาไปหาเขาจนถึงที่หรอกนะพนักงานแค่เดินมาส่งถึงประตูที่แปะป้ายว่า VVIP แล้วก็ให้ฉันเดินเข้ามาเองเพราะพนักงานต้อนรับไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเข้าไปโซนนี้เวลาเฮียมีแขก พนักงานต้อนรับมีหน้าที่ส่งแขกแค่ตรงนี้เท่านั้น ซึ่งมัน...อีหยังวะมาก -_-! จะส่งแขกก็น่าจะส่งให้ถึงที่สิ แล้วเนี่ยจากประตูตรงนั้นก็ต้องเดินมาอีกพอสมควร ลึกลับเป็นบ้าเลย อยู่ไหนนะอีตาพี่แม็คเวล ฉันเดินมาอีกนิดหน่อยก็เริ่มได้ยินเสียงคนคุยกันที่ฟังไม่ได้ศัพท์แว่วเข้ามาในหูแต่ไม่รู้จะใช่เขาไหมนะเลยค่อย ๆ เดินตามเสียงไปให้เงียบที่สุดถ้าใช่ก็ค่อยหาจังหวะส่งซิกให้เขารู้ว่ามาถึงแล้วจะได้มาเอาโทรศัพท์ไปแล้วฉันก็จะกลับ ไม่กล้าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาเขาหรอกค่ะเดี๋ยวพี่เขาจะคิดว่าอยากออกตัวแรงมันจะไม่งาม ทั้งที่ความจริงก็อยากทำตรงกันข้าม แหะ ๆ “เฮ้ยไอ้เวล” ฉันเดินตามเสียงมาจนได้ยินเสียงสนทนาที่ชัดเจนขึ้นแต่มันเป็นทางเลี้ยวซ้ายขวาพอดีไงคะเลยยังไม่เห็นคน แถมฉันยังได้ยินเสียงผู้ชายพูดคำว่าไอ้เวร เอ๊ย! ไอ้เวลต่างหากล่ะแหะ ๆ ^_^! แสดงว่าพี่แม็คเวลต้องอยู่ตรงนี้สินะถ้างั้นหามุมที่จะส่งซิกให้พี่เขารู้ดีกว่าว่าฉันมาถึงแล้ว “อืม มีไร” “เมื่อไหร่มึงจะพาน้องเขามาวะ” “น้องไหนวะไอ้ลูคัส” “มึงจำไม่ได้?” “อืม ถ้าจำได้จะถามมึงไหมล่ะ ตกลงยังไงน้องไหนของมึง” “ก็น้องคนที่ตอนแรกไอ้นิกซ์กับไอ้ลูเฟิร์สจ้องเคลมแต่ไอ้เวลบอกว่าพวกมันไม่มีทางได้เคลมเพราะมันจะเคลมเอง แถมพวกมันสามตัวยังพนันกันอีกว่าใครแพ้ต้องหุ้นกันซื้อรถรุ่นที่คนชนะอยากได้ไง น้องเขาชื่ออะไรนะไอ้เวล...น้องขมิ้นใช่รึเปล่าวะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD