ตอนที่5 ผมว่าคุณรู้ ว่าผมขัดใจคุณไม่เคยได้

3524 Words
คุณตรีพูดเอาแต่ใจและถึงแม้ว่าผมอยากจะตามใจเขา แต่ความจริงคือทำไม่ได้ ถึงงานที่ผมทำจะไม่ใช่งานประจำตามโรงงานหรือบริษัท แต่การจะลาออกมันก็ไม่ใช่นึกจะทำก็ทำได้เลย ผมยังคงนอนดึกและตื่นเช้า ด้วยกิจวัตรประจำวันอย่างการอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อนนอนและตื่นแต่เช้าไปทำงาน เพียงแค่วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกครั้ง ไปถึงร้านพี่นุชก่อนเวลาปกติครึ่งชั่วโมง ผมอยากมีเวลาคุยกับพี่นุชว่าจะลาออกก่อนเลิกงาน ถ้าไปเวลาปกติก็คือเข้าไปช่วยงานนิดหน่อยแล้วเอาอาหารไปส่งเลย ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะคุยในเรื่องที่จริงจัง “พี่นุช สวัสดีครับ” ผมเดินเข้ามาในครัว พี่นุชยังคงง่วนอยู่กับการทำอาหาร “อ้าวฟ้า ทำไมวันนี้มาเร็ว” “พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับพี่นุชน่ะครับ” ผมเดินเข้าไปใกล้ มองดูว่ามีอะไรที่จะช่วยหยิบจับได้บ้าง “เรื่องอะไรล่ะ สำคัญเหรอ” พี่นุชทำหน้าสงสัย หยุดทำอาหารแล้วหันมาตั้งใจฟังผม “ก็สำคัญครับ” “เรื่องอะไรไหนว่ามาสิ” “คือ พี่นุชจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอลาออก” ผมค่อยๆ พูด ใช้โทนเสียงเบาจังหวะเนิบนาบ พลางสังเกตสีหน้าของพี่นุชไปด้วย “พี่จะไปว่าอะไรได้ล่ะ แต่เราหางานอื่นได้แล้วเหรอ หรือว่ามีแพลนอะไรในชีวิต” พี่นุชตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ ทั้งยังถามผมด้วยความห่วงใย “พี่นุชจำได้ไหมครับที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ผมเคยรับจ้างทำงานบ้านให้กับบ้านหลังหนึ่งในซอยนี้” ผมเกริ่นนำ “อ่อ จำได้ๆ” “คือคุณตรีเขากลับมาแล้วน่ะครับ แล้วเขาขอให้ผมไปช่วยงาน” “งานทำความสะอาดบ้านน่ะนะ” “ครับ” “แน่ใจใช่ไหมว่างานจะยั่งยืน อยู่กับพี่ พี่ไม่ไล่ออกหรอกนะ ไม่มีแพลนจะปิดร้านไปไหนด้วย” พี่นุชพูดแหย่กึ่งแซว “ไม่รู้สิครับ แต่ผมอยากลองไปทำกับคุณเขาดู” “พี่รู้ แล้วเขาให้เงินดีไหม” “ยังไม่แน่ใจครับ” เรื่องนี้ผมก็ยังไม่ได้ถามคุณตรี แต่เขาจะให้เงินเท่าไหร่ผมก็เอา เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้ให้เงินผมน้อย ติดจะมากไปด้วยซ้ำ นอกเหนือจากเรื่องเงินแล้ว การได้อยู่ใกล้ๆเขา ดูจะเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผม ผมไม่รู้วิธีที่จะเก็บรักษาพวกเขาไว้ให้อยู่กับผมตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ผมไม่เคยรู้จักหรือลุงชัยที่เก็บผมมาเลี้ยง สุดท้ายพวกเขาก็จากไปและไม่หวนกลับมา แต่คุณตรีต่างออกไป เขาไม่ได้ไปแล้วไปลับ ทันทีที่เขากลับมา ผมบอกกับตัวเองเลยว่า ถ้าผมทำได้ ผมจะรักษาเขาไว้ให้นานที่สุด ผมไม่หวังคำว่าตลอดไป ไม่เคยหวังให้ได้ครอบครอง ขออยู่ในฐานะอะไรก็ได้ แค่ให้ผมยังเห็นเขาอยู่ในสายตาหรือวนเวียนอยู่ในชีวิตกันและกันบ้างก็พอ “เอาเป็นว่า พี่เคารพการตัดสินใจของฟ้านะ แต่ยังไงก็อยู่ทำงานกับพี่จนกว่าพี่จะได้คนส่งของคนใหม่ได้ไหม เพราะไม่มีใครรู้จักบ้านลูกค้าและรู้ใจพวกเขาได้ดีกว่าฟ้าแล้ว” พี่นุชทำหน้าแบบน่าเห็นใจ ผมเองก็ใจหายที่จะต้องออกจากงานนี้ พี่นุชคือผู้มีพระคุณของผมอีกคน ไม่มีทางที่ผมจะทำให้พี่นุชลำบากเพราะผม “ได้สิครับ ผมจะอยู่ช่วยจนกว่าคนส่งข้าวคนใหม่จะจำบ้านของลูกค้าได้” “ขอบใจนะฟ้า แต่แค่ช่วยสอนช่วยไกด์เส้นทางก็พอ” “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ และยิ้มกว้างที่คิดว่าออกมาจากใจที่สุดให้พี่นุช คุยเรื่องลาออกจากงานกับพี่นุชไม่ยากอย่างที่คิดเอาไว้ แต่คนที่คุยยากน่าจะเป็นคุณชายเจ้าของบ้านหลังใหญ่มากกว่า ผมหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเขามาร่วมห้านาทีได้แล้ว ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงตรง ผมมาพร้อมกับอาหารกล่องสำหรับสองมื้อ จากเมื่อวานที่น้ากุ้งบอกว่าวันนี้อาจจะไม่ได้แวะเข้ามา ผมก็เลยกลัวว่าคุณตรีจะไม่มีอะไรทาน ถึงเขาจะไม่ได้สั่งอาหารไว้ แต่ผมก็จัดมาส่งเขาอยู่ดี อย่าลืมว่าเงินค่าข้าวเขายังอยู่กับผมอีกเป็นร้อย ยังพอให้หักค่าอาหารของวันนี้ หลังจากยืนทำใจได้ ผมก็กดกริ่งเรียกให้เจ้าของบ้านออกมาเปิดประตู ซึ่งหลังจากที่กดกริ่งไปได้ไม่นาน คุณตรีก็เปิดประตูออกมายืนทำหน้านิ่งใส่ผม “ทำไมมาช้าล่ะ ต้องมาตอนตีห้าไม่ใช่เหรอ” คุณตรีพูดเสียงนิ่งๆ เขาไม่ได้ดูโกรธอะไร ดูเป็นปกติมากกว่า “คุณตรีครับ ผมลาออกจากงานแบบปุบปับไม่ได้หรอกนะครับ ขอเวลาผมหน่อย” ผมบอกกับเขาเสียงอ่อน หวังให้เขาเห็นใจ “ให้ฉันไปพูดให้ไหม” เขารีบเสนอทางออกให้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมบอกกับพี่เจ้าของร้านข้าวแล้ว เขาก็ให้ลาออก แต่จะต้องรอให้เขาหาคนมาแทนได้ก่อน คนส่งมีแค่สองคนเองก็คือผมกับพี่อีกคนซึ่งมีเวรสลับกัน” “...” คุณตรีเงียบ “ส่วนร้านอาหารตอนเย็น เย็นนี้ผมขอไปทำงานก่อน จะได้เข้าไปแจ้งเจ้าของร้านเขาด้วย ส่วนจะลาออกได้เลยไหม ผมต้องลองถามเขาดูอีกที” ผมรีบพูดรีบอธิบาย “นานไหม ไอ้งานส่งข้าวตอนเช้าเนี่ย” เขาถาม “หมายถึงกว่าผมจะลาออกได้น่ะเหรอครับ” “อืม” “ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าเมื่อเช้าพี่นุชเขาติดป้ายรับสมัครพนักงานแล้ว ผมว่าไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์นะครับ” “นานไป” เขาว่าอย่างนั้น “แต่คุณตรีไม่ต้องห่วงนะครับ ผมส่งอาหารเสร็จ ผมจะรีบมาช่วยงานที่บ้านถ้าหากว่าน้ากุ้งไม่อยู่” ผมเสนอทางออกที่คิดว่าผมพอจะทำให้คุณตรีได้ “ไม่ต้องหรอก” เขาส่ายหน้า “จัดการลาออกได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่อย่านานนัก ต้องจัดการให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ เข้าใจไหมฟ้า” ทุกครั้งที่เขาเอ่ยชื่อผม หัวใจก็เต้นแรงขึ้นทุกที “ครับ ผมเข้าใจแล้ว” “ก็ดี” “คุณตรีครับ” “ว่า” “อาหารเช้าครับ” ผมส่งถุงกระดาษแบบเดิมให้เขา คุณตรีมองถุงในมือผม เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ฉันไม่ได้สั่ง” เขาพูด “ครับ ผมรู้ แต่น้ากุ้งไม่มาไม่ใช่เหรอครับ แล้วช่วงเช้ากับช่วงเที่ยงคุณตรีจะกินอะไร” “ก็เพราะฉันรอให้นายมาเริ่มงานแล้วทำอาหารเช้าให้ฉันกินไง” “อะไรนะครับ” เขารอให้ผมมาทำให้กินอย่างนั้นเหรอ “ช่างเถอะ เอามานี่มา” คุณตรีทำท่าจะดึงถุงข้าวไป แต่ผมรีบชักกลับแล้วเอามันหลบไว้ข้างหลัง “ให้ผมทำให้ก็ได้นะครับ แต่ขอผมไปส่งข้าวเสร็จก่อนได้ไหม เจ็ดโมงก็เสร็จแล้วครับ” ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากทำให้เขาทานมากกว่า ไม่ใช่ว่าผมทำอร่อยหรอกนะ แต่อยากทำให้เขาทานด้วยตัวเอง “ก็แล้วแต่” คุณตรีเอามือขึ้นกอดอก ผมเพิ่งสังเกต วันนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดออกกำลังกาย แต่เป็นชุดลำลองใส่อยู่บ้าน “อย่างนั้นคุณตรีรอผมสักครู่นะครับ ผมจะรีบไปส่งข้าวแล้วจะรีบกลับมา” “อืม แต่ไม่ต้องขับรถเร็ว เดี๋ยวรถจะล้ม” คุณตรีพูดแล้วก็จ้องเขม็งมาที่มอเตอร์ไซค์คันเก่งของผม ที่เพิ่งจะผ่อนหมดเมื่อไม่นานมานี้ “รับทราบครับผม” “ส่งถุงข้าวมาสิ ไหนๆ ก็เอามาแล้ว” “แต่...” “เอามา” คุณตรีทำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย ใช้สายตากดดันให้ผมทำตามที่เขาต้องการ ผมก็เลยต้องยอมส่งถุงข้าวกล่องให้เขาแต่โดยดี “คุณตรีไม่ต้องจ่ายค่าอาหารนะครับ ผมหักจากเงินที่ยังเหลือ” “เอาที่สบายใจเถอะฟ้า” คุณตรีดูเหนื่อยใจกับผมจริงๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ทำให้คุณตรียอมแพ้ได้ ผมรีบไปส่งอาหารตามบ้านเพราะไม่อยากให้คุณตรีรอนาน แต่กว่าจะส่งหมดก็เป็นไปตามเวลาที่ควรเป็น ตอนมาถึงบ้านคุณตรีก็คือเลยเวลาที่นัดมาครึ่งชั่วโมง “คุณตรีอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” ผมถามขณะที่เข้ามาอยู่ในครัวและกำลังเปิดตู้เย็นดูว่าจะทำอะไรให้เขาทานดี “นายกินอะไรมาหรือยัง” เขาไม่ตอบคำถามของผม แต่ตั้งคำถามกลับมาแทน “กินนมกับขนมปังรองท้องไปนิดหน่อยแล้วครับ พี่เจ้าของร้านเขาทำเตรียมไว้ให้ทุกเช้า บางวันก็ให้เป็นอาหารกล่องเอากลับไปกินที่ห้อง” “ไม่ต้องทำอาหารก็ได้ เอาอาหารเมื่อเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะไปใส่จาน อุ่นร้อนแล้วก็ยกมานั่งกินด้วยกัน” เขาพูดแล้วก็เดินออกไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว ผมเอียงคอมองตามคุณตรีด้วยความสงสัย “คุณตรียังไม่ได้ทานข้าวกล่องเหรอครับ” “ยัง ฉันรอกินพร้อมนาย” “อ่อครับ งั้นผมอุ่นข้าวให้นะครับ” ผมเอาอาหารในกล่องมาจัดใส่จาน ผมเลือกข้าวหน้าปลาแซลมอนอบมัสตาร์ดมาให้เขาหนึ่งกล่อง อีกกล่องเป็นข้าวผัดธัญพืชกับกุ้งย่างซอสสับปะรด “คุณตรีทานอันไหนดีครับ” ผมวางอาหารทั้งสองจานลงตรงหน้าเขา ผมกินอะไรก็ได้ จึงให้เขาเลือกก่อน “นายเลือกก่อน” แต่เขาก็ไม่ยอมเลือก “ไม่ครับ คุณตรีเลือกเลย” จะให้ผมเลือกก่อนเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นเจ้านาย “ถ้านายไม่เลือก ก็ไม่ต้องกินกันทั้งคู่นั่นแหละ” “คุณตรีครับ” ผมเรียกเขาเสียงอ่อย เขาทำแบบนี้ผมก็ลำบากใจนะ “เลือกเถอะ ฉันก็กินได้ทั้งสองอย่างนั่นแหละ” “...” “ฟ้า เลือกสิ” ต้องมีใครแอบเอาความลับของผมไปบอกเขาแน่ๆ ได้โปรดอย่าเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เพราะผมจะขัดใจเขาไม่ได้ “เอากุ้งย่างก็ได้ครับ” และสุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนเลือก “โอเค งั้นฉันกินปลาเอง” คุณตรียกจานที่เป็นปลาแซลมอนไปวางตรงหน้าแล้วเริ่มลงมือทาน ผมที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาก็เริ่มทานมื้อเช้าเงียบๆ อุณหภูมิภายในบ้านเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ มีภาพกิ่งไม้ปลิวไสวด้านนอกเป็นฉากประกอบให้บรรยากาศในตอนนี้ดีต่อใจเสมือนเป็นความฝัน ทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว ผมก็ขึ้นไปจัดหนังสือที่เหลือให้คุณตรี ส่วนเขาก็ไปนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม จนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยง คราวนี้ไม่มีข้าวกล่อง มีเพียงผมเท่านั้นที่จะทำอาหารให้คุณตรีทาน และสุดท้ายผมก็ต้องมาคิดหนักอีกทีว่าจะทำอะไรให้เขาทานดี ผมทำกับข้าวได้ไม่กี่เมนู ที่ทำได้ก็เป็นอาหารง่ายๆ กลัวจะทำไม่ถูกใจเขา “เป็นอะไร ยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เย็นนานแล้วนะ” คุณตรีโผล่เข้ามาในครัวแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมตกใจเงียบๆ ไม่ได้ออกอาการ “คุณตรีอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” ผมถาม แม้จะรู้ว่าถ้าเขาอยากกินอะไรยากๆ ผมก็คงทำให้กินไม่ได้ “ทำมาเถอะ ง่ายๆ นั่นแหละ” แล้วไอ้ง่ายๆเนี่ย มันคืออะไรล่ะ “ฟ้า” คุณตรีมายืนข้างๆ ผม เขาเปิดตู้ข้างบนหัว แล้วหยิบของบางอย่างมาวางไว้ตรงหน้าผม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำ ผมเงยหน้ามองคุณตรีทันที “อยากกินแบบแต่ก่อน ใส่ผักแล้วก็ใส่ไข่ ทำให้หน่อยละกัน ทำเผื่อตัวเองด้วย แล้วมานั่งกินด้วยกัน” คุณตรีพูดนิ่งๆ แล้วก็เดินออกไป คุณตรีอยากกินมาม่า “หึหึ” ผมไม่หัวเราะไม่ได้เลย แต่ก็ต้องแอบหัวเราะไม่ให้เขาได้ยิน คุณตรีเขาน่ารักนะผมว่า ผมต้องบอกไหมว่าผมขัดใจเขาไม่ได้ ต่อให้จะรู้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าไม่นับรวมผมที่ไม่ได้มีทางเลือกให้หากินมากนัก แต่กับคุณตรีมันไม่ใช่ เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทานของดีๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ถ้าเขาอยากทาน ผมก็เต็มใจที่จะทำให้ เพราะสีหน้าเขาตอนที่บอกว่าอยากกิน มันน่าเอ็นดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ร้องขอขนมเลยละครับ ตกเย็นผมไปทำงานที่ร้านอาหาร ผมไปก่อนเวลาแล้วเข้าไปคุยกับเฮียชาร์ปเจ้าของร้านเรื่องขอลาออก เฮียชาร์ปก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บ่นๆ ว่าเสียดายผมและยังเอ่ยชมอีกว่าผมทำงานดี นอบน้อมต่อลูกค้า ไม่เคยมีลูกค้าคอมเพลนผมเลยสักคนเดียวตั้งแต่ผมเข้าทำงานที่นี่ แน่นอนว่าเฮียชาร์ปต้องถามว่าผมจะออกไปทำอะไร ผมก็ตอบไปตามความจริงเหมือนที่บอกกับพี่นุช แค่บอกเพิ่มไปว่าคนคนนั้นก็คือคุณตรีเพราะเฮียแกถาม แกกลัวว่าผมจะโดนหลอก มีใครที่ไหนอยากจะได้แม่บ้านเป็นผู้ชาย แต่พอบอกว่าคนจ้างคือคุณตรีลูกค้าวีไอพีของร้าน เฮียชาร์ปแกก็ดูเบาใจลง เฮียขอให้ผมทำงานที่ร้านจนถึงสิ้นเดือน การหาพนักงานไม่ใช่เรื่องยาก สมัยนี้คนตกงานเยอะ ใบสมัครงานถูกส่งมาถึงเฮียชาร์ปทุกวัน แต่เพราะผมทำงานมาครึ่งเดือนแล้ว ไหนจะส่วนของทิปรวมที่จะต้องไปหารกันตอนจ่ายเงินเดือนอีก เฮียไม่อยากให้ผมเสียประโยชน์ตรงนี้ เลยขอให้ผมอยู่จนถึงสิ้นเดือน ซึ่งผมก็ตอบตกลง ดังนั้นจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน ผมก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมา ตอนเช้าไปทำงานที่ร้านพี่นุชพร้อมสอนงานเด็กใหม่ไปด้วย ต่อด้วยไปส่งข้าวที่บ้านคุณตรี ก่อนจะกลับมาอ่านหนังสือจนกระทั่งช่วงสอบของผมผ่านพ้นไป ช่วงเวลาสองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็สิ้นเดือน วันสุดท้ายของเดือนผมไปหาพี่นุชที่ร้านเพื่อเอ่ยลาอย่างเป็นทางการ แม้ว่าผมจะหยุดงานส่งอาหารมาแล้วสามวัน เนื่องจากพนักงานใหม่สามารถไปส่งข้าวได้โดยไม่ต้องมีผมเป็นพี่เลี้ยง “ฟ้าขอบคุณพี่นุชมากๆเลยนะครับ ที่วันนั้นพี่นุชรับฟ้าเข้าทำงาน” “ไม่เป็นไรจ้า ฟ้าเป็นเด็กดี ทำงานกับพี่พี่ไม่เคยปวดหัวเลย ลูกค้าก็ชมว่าพนักงานส่งข้าวน่ารัก แล้วก็ถ้าหากวันไหนบ้านนั้นเขาไม่จ้างฟ้าต่อแล้ว กลับมาทำงานกับพี่ได้ตลอดนะ” “ขอบคุณครับ ถือว่าผมยื่นใบสมัครไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ ถ้าวันนั้นมาถึง” “ฮ่าๆๆ ได้เลยจ้า” คนไม่มีวุฒิการศึกษาสูงๆ อย่างผม ขอแค่มีคนให้โอกาสทำงาน ผมก็รู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณจากใจจริง เขาคือผู้มีพระคุณของผม ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง หากไม่ได้ผู้มีพระคุณเหล่านี้ ผมคงอดตายเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ยังมีเฮียชาร์ปอีกคนที่ผมต้องไปเอ่ยลาและขอบคุณด้วยตัวเองแม้ว่าวันสุดท้ายของเดือนจะไม่ใช่วันที่ผมต้องไปทำงาน และก่อนหน้านี้ทุกคนก็รับรู้แล้วว่าสิ้นเดือนผมจะลาออก แต่เมื่อวานงานยุ่งมากและเฮียชาร์ปก็ติดธุระเรื่องที่บ้านเลยไม่ได้เข้าร้าน ผมอยากเดินออกมาให้เหมือนความรู้สึกครั้งแรกที่เดินเข้าไปของานเขาทำ อยากเก็บไว้ให้เป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิต “ว่าไงฟ้า” เฮียชาร์ปทัก พี่ไม้เองก็อยู่ในห้องทำงาน “สวัสดีครับเฮียชาร์ป พี่ไม้ ฟ้ามาลาน่ะครับ” “โถ่เอ้ย ดูเจ้าเด็กนี่มันทำสิไอ้ไม้ ทำให้เป็นทางการไปได้ เราคนกันเองทั้งนั้น” เฮียชาร์ปหันไปพูดกับพี่ไม้แล้วหัวเราะ “เฮียไม่ชินหรือไง ฟ้ามันก็เป็นอย่างนี้” ผมได้แต่ยิ้ม ไม่มีสิ่งของอะไรตอบแทนเป็นพิเศษให้กับพวกเขาที่ดีกับผม ที่มีก็คือความจริงใจเท่านั้น “อ่ะ อยากพูดลาอะไรก็ว่ามาเลย เฮียรอฟังอยู่” เฮียชาร์ปเอนหลังพิงเก้าอี้บุนวมด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ พอทั้งสองคนจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว ผมก็รู้สึกเขินจนพูดไม่ออก อะไรที่เตรียมมาว่าจะพูดมันเหมือนจะระเหยหายไปในอากาศเสียแล้ว “ยืนนิ่งเลย ไม่ต้องเขินแล้วมาถึงขนาดนี้” พี่ไม้แซว “ฟ้าก็แค่อยากมาขอบคุณเฮียชาร์ปที่ให้งานทำครับ และฟ้าก็อยากจะขอโทษถ้าหากว่าที่ผ่านมาฟ้าเผลอทำอะไรที่ไม่ดีไม่สมควร พี่ไม้ด้วยนะครับ ฟ้าขอบคุณที่สอนงานฟ้าและคอยแนะนำตักเตือน ถ้าฟ้าเคยทำอะไรให้เฮียรู้สึกไม่ดี ฟ้าก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน พวกเขามองผมแล้วก็ยิ้ม พี่ไม้เดินมาหาผมแล้วเอามือตบบ่า “อย่าคิดมากฟ้า เอ็งเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้พี่รู้สึกไม่ดีเลย” “ใช่ แต่ทำแบบนี้ก็ถือว่าถูกต้องและดีกับตัวเองแล้วฟ้าเอ้ย จำเอาไว้นะ ถ้าวันไหนลำบากก็มาหาเฮียได้เสมอ ฟ้าเป็นเด็กดี เฮียแก่แล้วเฮียมองคนออก ใครจะพูดอะไรก็ช่างหัวมัน เรื่องนั้นเฮียไม่รู้สึกอะไร เราเองก็เหมือนกัน ถ้าไม่ได้ทำผิดก็อย่าไปแคร์คำพูดของคนอื่นให้มากนัก ชีวิตนี้มันสั้นเกินกว่าจะมานั่งใส่ใจคำพูดติดลบ” เฮียชาร์ปยังคงเป็นผู้ใหญ่ที่คอยสั่งสอนให้ผมเป็นคนดี แทนพ่อแม่และลุงชัยเสมอมานับตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าทำงานจนวันนี้ และผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีเจ้านายที่ดีทุกคน “เรื่องนั้นฟ้าไม่คิดมากหรอกครับ ฟ้ารู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่” ผมบอกให้เฮียทั้งสองคนสบายใจ “ดีแล้ว เฮียก็ขออวยพรให้งานใหม่ของฟ้าราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดี มีอะไรก็อดทนเอา อยู่ให้เป็นที่รักและจากให้เป็นที่นึกถึง ยังจำคำสอนของเฮียได้ใช่ไหม” “ฟ้าจำได้ครับ” “อืม ดีแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ไปทำงานใหม่จะได้มีเรี่ยวมีแรง” “ขอบคุณนะครับ ฟ้าลานะครับ” ผมยกมือไหว้เฮียชาร์ปและพี่ไม้อีกครั้ง “โชคดีๆ ว่างๆก็แวะมาหาเฮียบ้าง” “ครับเฮีย ผมจะแวะมาแน่นอน” ผมเดินออกมาจากร้านอาหารที่ทำงานมาได้ร่วมสามปีพร้อมกับรอยยิ้ม มีทั้งเสียงเอ่ยทักด้วยความรักและความเกลียด ผมรู้ว่าไม่มีใครในโลกนี้จะเป็นที่รักของคนทุกคนบนโลกได้ และการที่ผมออกจากงานไปเป็นพ่อบ้านให้คุณตรี อาจจะทำให้ใครบางคนมองว่าผมขายตัวหรือเฮียส่งผมไปรับใช้ลูกค้าวีไอพี ผมไม่สนใจหรอก เพราะผมรู้ว่าผมไปทำงานกับคุณตรีในฐานะอะไร ไม่มีใครจะทำให้ผมสกปรกได้ ยกเว้นความคิดของผมเอง และนี่จะเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของผมกับเส้นทางที่ผมได้เลือกแล้ว ผมยืนอยู่ต่อหน้าเขา ในเวลาเช้าตรู่ของวันแรกในเดือนใหม่ คนสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่ของผม “สวัสดีครับคุณตรี หลังจากวันนี้ผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดครับ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD