คนป่วยอาการดีขึ้นเพราะมาเฟียหนุ่มหมั่นเช็ดตัวตลอด ทว่าคนป่วยยังคงเพ้อเพราะพิษไข้ ใบหน้าสวยแดงก่ำร้องไห้พึมพำถึงผู้เป็นพ่อกับแม่ คารอสยืนมองก่อนจะถอนหายใจ เขากลายสภาพมาเป็นบุรุษพยาบาลหรืออย่างไรกัน
“แม่ขาพ่อขา พี่บัว ฮึก ๆ กอดเปาะแปะหน่อย ฮึก ๆ เปาะแปะหนาว กอดหน่อย ๆ” เปาะแปะยกมือขึ้นคว้าอากาศไปมา จนมาเฟียหนุ่มที่กำลังจัดข้าวต้มใส่ถ้วยต้องเดินมาดูเมื่อได้ยินเสียง
“วุ่นวายจริง นอนซะ ๆ จะยอมให้กอดไปก่อนละกัน”
พูดจบมาเฟียหนุ่มก็ขึ้นไปบนเตียงแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มหนา เขาดึงมือบางให้มากอดกับลำตัวของตนไว้พร้อมกับกระชับอ้อมกอดหญิงสาวเอาไว้จนร่างบางเงียบลง
ผ่านไปหลายชั่วโมงชายหนุ่มเห็นว่าดึกแล้วจึงได้ปลุกหญิงสาวให้ลุกมากินข้าวกินยา หากยังนอนอยู่แบบนี้ไม่ดีแน่นอน
“ตื่น ๆ ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน” ร่างบางที่ถูกเขย่าเบา ๆค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นช้า ๆ
“ปวดหัว เปาะแปะปวดหัว” เสียงหวานพูดออกมาแผ่วเบาด้วยความปวดศีรษะจากพิษไข้และเมื่อยไปตามเนื้อตามตัว
“รู้แล้ว ๆ กินข้าวนี่ซะ จะได้กินยา มาเดี๋ยวฉันป้อนให้”
ชายหนุ่มทำหน้าเซ็งพร้อมกับตักข้าวต้มมาเป่าแล้วยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว
แม้อยากจะปฏิเสธแต่ความอ่อนล้าก็ทำให้หญิงสาวอ้าปากน้อย ๆ รับอาหารไปแล้วกลืนไปอย่างยากลำบาก กินไปไม่ถึงห้าคำหญิงสาวกินต่ออีกไม่ได้
“พอค่ะ เปาะแปะอิ่มแล้ว” หน้าที่ซีดราวกับกระดาษเงยหน้าขึ้นมาบอก เธอไม่รู้สึกอยากกลืนอะไรลงคอเลยแม้แต่นิด
“อีกหน่อยไม่ได้หรือไง แบบนี้เมื่อไหร่จะหาย เออ ๆ อิ่มก็อิ่ม” เสียงดุดังขึ้นแต่ก็ต้องเงียบลง เพราะเจอกับดวงตาเศร้า ๆ ที่หญิงสาวส่งมา
“ไม่อยากกินแล้ว เปาะแปะคิดถึงบ้าน ฮึก ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ”
ว่าจบหญิงสาวก็เริ่มร้องไห้เบา ๆ คารอสรีบเอาถ้วยข้าวต้มไปวางแล้วดึงร่างนั้นเข้ามากอดเอาไว้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ชอบให้หญิงสาวคนนี้ร้องไห้ ชอบตอนที่หล่อนต่อปากต่อคำแบบโง่ ๆ มากกว่า
“อย่าร้อง ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าหายจะยอมให้โทรหาที่บ้านดีไหม” มาเฟียหนุ่มโยกตัวปลอบหญิงสาวไปมาคล้ายกับว่าหล่อนเป็นเด็กอนุบาล
“จริงนะ คารอสอย่าหลอกเปาะแปะนะคะ ฮึก”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากอกกว้างสบตากับชายหนุ่มแล้วถามเพื่อความมั่นใจ
“หน้าฉันเหมือนคนล้อเล่นเหรอ” ชายหนุ่มแสร้งทำหน้าเข้มใส่หญิงสาว ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหูที่ได้ยินเสียงหวาน ๆ เรียกถามเขาอ้อน ๆ แบบนี้
“คารอสอย่าทำหน้าดุสิคะ เปาะแปะกลัว เวลาคารอสยิ้มคารอสดูดีมากเลยนะคะ” มือสวยยกขึ้นมากุมหน้าหล่อคมเอาไว้พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้ การกระทำของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มถึงกับหน้าแดง โชคดีที่ไฟในห้องนอนเป็นสีส้มจึงทำให้หญิงสาวมองไม่เห็น
“พูดมาก เคยเห็นฉันยิ้มรึไง” คนกำลังแอบเขินหลบสายตาเถียงข้าง ๆ คู ๆ ทำท่าทีเป็นไม่สนใจอะไรมากนัก
“เปาะแปะเห็น คารอสแอบยิ้ม” สายตาใสซื่อส่งมาให้มาเฟียหนุ่มอีกรอบ
“รู้ดี กินยาซะจะได้หลับพักผ่อน เอาสิ” ยาเม็ดเล็ก ๆ ถูกยื่นมาให้หญิงสาวที่กอดชายหนุ่มนิ่งไม่ไหวติง
“ไม่กิน เดี๋ยวพรุ่งนี้เปาะแปะก็หายแล้ว คารอสเก็บไปเถอะ”
หญิงสาวรีบหันหน้าหนีเมื่อเห็นเม็ดยาสีขาวที่หล่อนรู้ดีว่ามันขมขนาดไหน
“อย่ามาดื้อนะ ไม่กินจะหายได้ยังไง” เสียงดุดังขึ้น
“ไม่เอา ไม่กินเปาะแปะไม่อยากกิน ฮึก ๆ”
ไม่ว่ามาเฟียหนุ่มจะพยายามดันร่างนั้นออกจากอ้อมกอดอย่างไรหญิงสาวก็หันหน้าหนีเม็ดยานั้นราวกับว่ามันเป็นปีศาจ
“โอเค ไม่กินก็ไม่กิน งั้นนอนกัน” มาเฟียหัวใสเริ่มหลอกล่อลูกแกะน้อย มือหนาโยนเม็ดยาเข้าปากตนเองแล้วจับหน้าที่เอาแต่ก้มขึ้นมาประกบปากลิ้นร้อนดันเม็ดยาเข้าไปในปากน้อย ๆ เม็ดยาเริ่มมีรสชาติขมทำให้หญิงสาวต้องรีบกลืนเม็ดยาลงไปในลำคอ แล้วรีบหยิบน้ำดื่มที่ชายหนุ่มรีบส่งมาให้ดื่มตามลงไป
“แค่ก ๆ ๆ คารอสทำไมทำแบบนี้ เปาะแปะเกือบตายแล้วนะ”
หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีใครตายเพราะกินยาแก้ไข้หรอกนะ คนดื้อไม่ยอมกินยาก็ต้องกินด้วยวิธีนี้แหละ นอนซะเดี๋ยวฉันจะไปทำงานต่อแล้ว”
มาเฟียมองไปยังนาฬิกาแล้วหันมาบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
วันทั้งวันเขาเฝ้าแต่หญิงสาวจนไม่ได้ทำงานทำการ ป่านนี้ลูกน้องคงจะงงกันหมดเพราะปกติเขาไม่เคยขาดงานโดยที่ไม่ได้สั่งลูกน้องล่วงหน้า แม้จะเป็นมาเฟียแต่กาสิโนก็ต้องใส่ใจเพราะถือว่าเป็นแหล่งหาเงินสำคัญ คารอสดันให้หญิงสาวนอนลงแล้วห่มผ้าให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินหันหลังออกไป
“คารอสอยู่กับเปาะแปะไม่ได้เหรอ เปาะแปะไม่อยากอยู่คนเดียว” ขาแกร่งลุกจากเตียงยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมือสวยก็คว้ามือของมาเฟียหนุ่มเอาไว้
คารอสหันกลับมามองมือแล้วมองหน้าสวยน้อย ๆ ทั้งที่เขาคนนี้ก็แค่คนที่น่ากลัวเป็นหัวหน้าโจรหล่อนควรจะกลัวเขา แต่ไม่รู้ทำไมเวลานี้ถึงไม่อยากให้ชายหนุ่มไปไหน อยากให้เขาอยู่ใกล้ ๆ มันทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างประหลาด
“ปล่อย” เสียงเข้มบอกสั้น ๆ จนหน้าหวานถึงกับเศร้าลง ทำใจแล้วว่าต้องอยู่คนเดียว
“ขอโทษค่ะ” หล่อนเอ่ยขอโทษเบา ๆ เพราะคิดว่ามาเฟียหนุ่มต้องโกรธแน่ ๆ ที่ไปขอเขาแบบนั้น ในสายตาเขาหล่อนก็เป็นได้แค่นางนกต่อเท่านั้น
“เดี๋ยวโทรบอกลูกน้องก่อนหายไปเฉย ๆ มันจะไม่ดี”
แค่เห็นสีหน้าและสายตาที่ดูหงอยเศร้าลงมาเฟียปากร้ายถึงกับรีบบอกเหตุผล
เขาควรจะไปทำงานปล่อยยัยนี่ให้กลับไปโดยไม่ต้องมาสนใจไยดีเพราะหญิงสาวไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาสักนิด แค่จับมาผิดคนก็วุ่นวายกันมากพออยู่แล้ว แต่อีกด้านของความรู้สึกก็บอกเขาว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยหญิงสาวคนนี้ไปจากอกเขาแน่ ๆ
“มาโค วันนี้กูไม่ได้เข้ากาสิโนนะ ฝากด้วย” เมื่อเดินออกมาจากห้องนอนไม่ไกลมาเฟียหนุ่มก็ต่อสายหาลูกน้องคนสนิท
“ครับเจ้านาย เออ แล้วเรื่องนางนกต่อจะเอายังไงครับ ให้ผมเอาไปปล่อยทิ้งเลยไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทเสนอทางออกอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ห้ามยุ่งกับเปาะแปะเด็ดขาด” มาเฟียหนุ่มสั่งลูกน้องเสียงเข้ม จะบ้าหรือไงอยู่ ๆ จะเอาเมียเขาไปปล่อย ยัยนั่นไม่ใช่หมาใช่แมวนะ
“ใครครับเปาะแปะ ชื่อประหลาดชะมัด” มาโคพูดขำ ๆ คนอะไรวะ ชื่อประหลาด ๆ
“เมียกูเอง มึงมีปัญหากับชื่อเมียกูมากมั้ย”
มาเฟียหนุ่มพูดกับลูกน้องอย่างไม่สบอารมณ์ เมียเขา เขามีสิทธิ์ว่าได้แค่คนเดียว
“เมีย!! เจ้านายไปมีตั้งแต่ตอนไหน หรือว่านายไปพลาดท่าหลงคู่ขาเข้า” มาโคถามกลับอย่างตกใจที่เจ้านายบอกว่ามีเมีย ปกติคู่นอนคนไหนเรียกร้องอยากเป็นเมียก็จบทุกราย
“ก็นางนกต่อที่พวกมึงจับมาผิดนั่นไง เมียกูชัดพอมั้ย นี่มึงอ่านข้อมูลที่ให้สืบมาบ้างมั้ยเนี่ย” เจ้านายหนุ่มเฉลยสิ่งที่ลูกน้องถาม
“ห๊ะ!! จับผิดตัว แล้วก็เอาเขาเป็นเมียแล้ว ไวไฟไปมั้ยเจ้านาย” ลูกน้องยังตกใจกับเรื่องที่ได้ฟังมา
“แค่นี้ กูจะไปนอน ตู๊ดด” แม้สายจะถูกวางไปแล้วแต่มาโคก็ยังคงอึ้ง ๆ กับเรื่องราวที่รับรู้ ก่อนจะรีบส่งข่าวร้อน ๆ นี้ไปให้ลำโพงของแก๊งอย่างฮัทกับแม็คลูกน้องที่คอยทำงานสำคัญ ๆ ให้กับมาเฟียหนุ่ม ‘ที่มักจะอ้างว่าไม่ว่าง รับแต่งานใหญ่ ๆ เท่านั้น เดี๋ยวเพื่อนในเกมด่า’ แปลกใจใช่มั้ยทำไมถึงไม่โดนไล่ออกทั้งที่คารอสเจ้านายหนุ่มนั้นก็ไม่ใช่คนใจดี ความจริงพวกเขาเป็นเด็กที่เจ้านายเคยช่วยเหลือเอาไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วก็ชวนมาเข้าแก๊งทำให้พวกเขาทั้งสามคนซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมาก และเจ้านายเองก็เห็นเขาเป็นเหมือนน้องชายมากกว่าลูกน้องทั้งส่งให้เรียนดี ๆ กันหมดทุกคน แม้จะมีหนี ๆ หลบ ๆ งานบ้าง แต่ถ้ามีงานใหญ่ ๆ หนัก ๆ พวกเราก็จะลงมือด้วยตนเองเสมออย่างไม่กลัวตาย