“ไม่เอาแล้ว ไม่เอา เลิกเล่าเรื่องพวกนั้นเลยนะ เครียดจะตาย น่ากลัวด้วย”
อมรพรรณร้องไม่จริงจังนัก พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูของตัวเอง ส่ายหน้าสะบัดไปมาไปด้วย เมื่อคนในห้องครัวต่างพากันแกล้งตนด้วยการเล่าเรื่องผีบ้าง เรื่องหวาดเสียวให้ฟังบ้าง ขณะเตรียมอาหารเย็นสำหรับคนในบ้านด้วยกันในช่วงบ่ายแก่ ๆ
“บ้านตรงนั้นใช่ที่ว่าล้มละลายแล้วจุดไฟเผายกบ้านเลยไหมป้าโฉม แล้วอีกบ้านตรงท้ายซอยนั่นอะไรนะ อ้อ ๆ จำได้แล้ว ผัวหึงโหดเมีย แล้วเข้าไปยิงกัน อีกบ้านก็รมแก๊สฆ่ายกครัว”
“โอย! พอเถอะยัยหนูมะนาว ฉันได้ยินแล้วไมเกรนขึ้น หยุดเลย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
มะนาวกับป้าโฉมและคนในห้องครัวสบตากันแล้วก็ค่อยหัวเราะกับท่าทางหวาดกลัวของอมรพรรณ
มะนาวเห็นสัญญาณจากป้าโฉม ทำนองว่าให้เล่าต่อ เพื่อแกล้งคนขี้กลัว จึงพากันเล่าต่ออย่างสนุกปาก
“ยิ่งข่าวเมื่อกี่ปีก่อนนะป้าโฉม ที่เขาว่ากันว่าเมียคนแรกลากปืนลูกซองออกมาจะยิงผัวกับเมียใหม่ สุดท้ายตกบันไดบ้าน คอหักตาย แล้วทิ้งลูกไว้สองคน จนมีคนเห็นว่าบ้านไฟไหม้เลยตายกันหมดยกบ้าน อันนั้นสยองแล้วก็หดหู่มาก ๆ เลยเนอะป้าเนอะ”
“เออ ใช่ ๆ อันนี้เคยได้ยิน”
‘ยา’ สาวต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาหางานทำในไทย และได้งานเป็นแม่บ้านที่นี่ตั้งแต่แรก พูดไทยคล่องแคล่ว ทั้งยังรู้วัฒนธรรมเป็นอย่างดี เล่าด้วยเสียงชัดแจ่มแจ๋ว “หนูยังจำได้เลยนะบ้านนั้นน่ะ ที่ว่าพอเมียแกตกบันไดคอหักตาย คนเขาบอกต่อ ๆ กันว่าบ้านนั้นเลยกลายเป็นบ้านร้าง แล้วก็เฮี้ยนมาก ๆ ด้วย”
ดาวยื่นหน้าเข้ามาช่วยอีกคน “ซอยนั้นทั้งซอยร้างคนเลยแหละแก เวลาเดินผ่านบ้านหลังนั้นทีไรนะ ก็จะได้ยินเหมือนเสียงของหล่นจากที่สูง ๆ ดังตุบ แล้วก็เสียงคนร้องกรี๊ด ๆ ถ้าใครผ่านไปตอนกลางคืนนะ จะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ด้วย”
ป้าโฉมพยักหน้าว่าแกเองก็เคยได้ยิน แล้วตั้งท่าใหม่ รอบนี้แกลงรายละเอียดเล่ายิบเลย
“เออ จะว่าไปเรื่องของบ้านนี้นะ ป้าว่าเฮี้ยนของจริงเลย ป้าเองก็เคยฟังจากคนที่เขาอยู่แถวนั้นเล่ามาเหมือนกัน เขาว่าก่อนที่เมียคนแรกจะลากปืนออกมายิง ผัวคนตายไปเอาเมียใหม่มาจดทะเบียนด้วย แล้วก็ไปหลอกเมียเก่าให้เซ็นยกที่ดิน เซ็นยกบ้านให้ พอได้สมบัติมา ไอ้ผัวชั่วก็ไล่เมียเก่ากับลูกออกจากบ้านไปเลย ทั้ง ๆ ที่ลูกก็ยังเล็กอยู่เลยนะ ลูกเขาว่าเป็นลูกสาวทั้งสองคน แต่เมียเก่าไม่ยอมออกไป กลับเข้าห้องลากปืนออกมาจะยิงผัวทิ้งด้วยความโมโห แล้วก็ดันตกบันไดตาย ไอ้ผัวนั่นก็เลวแสนเลว สารเลวจริง ๆ นะ ป้าล่ะเกลียดผู้ชายแบบนี้ที่สุด นึกว่ามีแต่ในละคร”
“หนูก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกันเลยป้า หลังจากเมียเก่าตาย เห็นว่าลูกสาวไม่ตายนี่ เขาว่าไปเป็นขอทานมั้ง หรือญาติเอาไปเลี้ยงต่อ หรืออะไรนี่แหละ คนเอาไปเล่าต่อมั่วซั่วไปหมด แต่หนูว่าคงตายยกบ้านแล้วแหละมั้งป่านนี้ ไฟไหม้จนผู้ใหญ่ออกมาไม่ได้ เด็กเล็ก ๆ จะออกมาได้ยังไง ใช่ไหมป้า”
อมรพรรณฟังไปก็หน้าเบ้ไปพลาง ร้องบอกเสียงเศร้า “เรื่องจริงหรือโฉม ทำไมโหดแท้เหลา น่ากลัวจังเลย”
“แฮร่!” เสียงหยอกประโยคเดียวดังที่ตรงหลังวงสนทนาในห้องครัว ทำเอาทั้งสาวน้อยและไม่น้อยร้องวี้ดว้ายตกใจไปพร้อม ๆ กัน พอหันไปมอง ถึงได้เห็นว่าเป็นทินภัทรและธนวรรธน์ ส่วนเยื้องไปข้างหลังนั่นเป็นอนล ลูกชายของอมรพรรณกับนายแพทย์ภูดิศที่ตามมากับเขาด้วย
อมรพรรณยกมือขึ้นทำท่าจะตีคนแหย่ พร้อมกับลุกไปเอาน้ำตะไคร้มารินเสิร์ฟให้ทั้งสี่คน ส่งเสียงบ่นไปพลาง “เดี๋ยวเถอะ มาแหย่คนแก่ทำไมกันเนี่ย อาตกใจหมดเลย หัวใจวายขึ้นมาทำยังไงล่ะ”
นายแพทย์อนลมองไปยังแม่ที่กุลีกุจอลุกไปเอาน้ำมาให้คนนั้นคนนี้ด้วยสายตาติดจะไม่พอใจอยู่พอสมควร เขาเคยบอกแม่แล้ว เรื่องให้ย้ายออกไปอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหม่ เขาทำงานมาหลายปีแล้ว พอจะมีกำลังเงินอยู่บ้าง เลยเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นมีบ้านหลังพออยู่สำหรับหนึ่งครอบครัวหนึ่งหลัง ที่ตกแต่งอย่างดี แต่แม่ของเขาบอกว่าไม่อยากไป อยากอยู่ที่นี่มากกว่า
อนลไม่พอใจนักกับการตัดสินใจของแม่ ไหนจะเรื่องที่แม่ต้องคอยทำงานในบ้าน ไม่ต่างจากคนรับใช้แบบนี้ ยิ่งทำให้เขาไม่สบอารมณ์มาก ๆ
ปู่ของอนลมีลูกเพียงสองคน นั่นคือพ่อของเขาและคุณลุงไชยยศ อนลกับแม่ก็อยู่ในบ้านหลังนี้ ด้วยสถานะที่ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้อาศัยเลย ผู้อาศัยกึ่งคนรับใช้ของบ้าน อนลคิดหยันอยู่ในใจลึก ๆ
แม่ของเขาเป็นสะใภ้จากลูกชายคนเล็กของปู่ พ่อของอนลพาแม่และเขามาฝากไว้ที่บ้านอนันต์วรการณ์กุล ตั้งแต่เขาอายุเพียงสามขวบครึ่งเท่านั้น และพ่อของเขาก็ไม่เคยติดต่อใครอีกเลย ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวคราวของท่าน ถึงแม้ว่าคุณลุงไชยยศจะไม่เคยปริปากพูดถึงเรื่องนี้ในแง่ลบ แต่คุณป้าสำเภาทองที่เป็นภรรยาของท่าน ก็มักจะเอาเรื่องนี้ ขึ้นมาบ่นให้เขาและแม่ได้ยินอยู่เสมอ
สายตาคนภายนอกอาจมองว่าเขาได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่แท้ที่จริงแล้วนั้น ความเอาใจใส่ของผู้เป็นลุงและป้ากลับต่างออกไปจากลูกชายแท้ ๆ ของพวกท่านมากโขอยู่พอควร
เรื่องนี้เขาไม่ได้คิดไปเอง แม่ของนายแพทย์อนลเองก็รับรู้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ท่านไม่นำมาพูดให้เขาฟังเท่านั้น และโดยตั้งใจก็ดีหรือไม่ได้ตั้งใจก็ดี นายแพทย์อนลจึงทำให้ตัวเขาโดดเด่นมากกว่าพวกพี่น้องที่เกิดจากคุณลุงไชยยศและคุณป้าสำเภาทองในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องรูปลักษณ์ เรื่องของสังคมรอบตัวเขา รวมไปถึงเรื่องของคู่ครองที่เขามองไว้เป็นภรรยานั่นก็ด้วย ทั้งหมดก็เพื่อที่จะได้สมกับชื่อเล่นที่แม่ของเขาตั้งให้
“คุยอะไรกันอยู่ครับเนี่ย เสียงเบาลงเรื่อยเลย จนผมฟังแทบไม่รู้เรื่อง” นายแพทย์ภูดิศที่สนิทกับคนไปทั่วเอ่ยถามเมื่อกระดกน้ำตะไคร้ของอมรพรรณจนหมดแก้วแล้ว
“จะคุยอะไรได้ ก็คุยกันตามประสาคนใช้นั่นแหละ”
‘ธนวรรธน์’ ลูกชายคนกลางของคุณลุงไชยยศตอบพร้อมกับยื่นหน้าลงมองอาหารบางรายการที่ทำเสร็จแล้ว และวางเรียงในจานที่ตรงโต๊ะตัวสูง เพื่อเตรียมย้ายขึ้นโต๊ะรับประทานอาหารเมื่อถึงเวลา ธนวรรธน์พูดปนขำจนจบประโยค ค่อยยื่นมือหยิบอาหารในจานเข้าปากกินไปพลาง