‘ธนวรรธน์’ ลูกชายคนกลางของคุณลุงไชยยศตอบพร้อมกับยื่นหน้าลงมองอาหารบางรายการที่ทำเสร็จแล้ว และวางเรียงในจานที่ตรงโต๊ะตัวสูง เพื่อเตรียมย้ายขึ้นโต๊ะรับประทานอาหารเมื่อถึงเวลา ธนวรรธน์พูดปนขำจนจบประโยค ค่อยยื่นมือหยิบอาหารในจานเข้าปากกินไปพลาง
อมรพรรณเห็นหลานหยิบกินก็รีบเลื่อนจานเข้าไปให้ใกล้ ๆ พร้อมเอ่ยตอบคำถามของภูดิศ “ป้าโฉมน่ะสิ ชวนคุยเรื่องผีอีกแล้ว”
“ผีอีกแล้วหรือ คราวนี้ผีอะไรอีกล่ะ”
‘ทินภัทร’ ถามไปอย่างนั้นเอง คล้ายชวนคุยมากกว่าจะอยากรู้จริง ๆ อมรพรรณได้ยินหลานถามก็เล่าไป พร้อมทำหน้าหวาดกลัวไปด้วย
อนลเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจมากขึ้น เมื่อเห็นแม่พะเน้าพะนอพวกนั้น ทั้ง ๆ ที่ถูกเหยียดอยู่ตลอด ก็ยังทำตัวให้พวกมันเหยียด ภูดิศเองมองเพื่อนรุ่นพี่แล้วก็รู้ได้ถึงความคิดของอีกฝ่ายอ้าปากจะพูดหยอกให้สถานการณ์คลี่คลายลง แต่ธนวรรธน์กลับเอ่ยท้วงขึ้น
“เฮ้ย ได้ยินว่าแฟนใครจะกลับมาแล้ววะ”
คนถามถามแล้วมองยิ้ม ๆ ไปทางอนล แต่คนถูกถามไม่ได้ตอบกลับว่าอะไร หันไปบอกสาว ๆ ในห้องครัว “ให้ผมช่วยอะไรไหม”
“บาปกรรมเถอะค่ะ จะให้หมอช่วยอะไรในนี้ล่ะคะ ไม่ต้องหรอกค่ะ” ป้าโฉมร้องบอกอย่างเอาใจ
ในบรรดาชายหนุ่มในบ้าน ป้าโฉมแกออกจะรักและเอ็นดูนายแพทย์อนลเอามาก ๆ เพราะนอกจากจะมีนิสัยน่ารักและเรียบร้อยและยังสุภาพอีกด้วย แถมยังเรียนจบสูงกว่าลูก ๆ ของสำเภาทอง
และในบรรดาสามหนุ่ม ลูกชายของไชยยศและสำเภาทอง ก็คงมีแค่พี่ชายคนโตคนเดียวที่นิสัยใช้ได้ที่สุด นอกนั้นนิสัยไม่น่ารักเอาเสียเลย ชอบดูถูกและเหยียดคนอื่น
โดยเฉพาะธนวรรธน์ นั่นน่ะตัวดีเลย
“นี่นะหมอ ถ้าเมียมึงกลับมาแล้ว พาไปนั่งดื่มกับกูมั่งนะเว้ย อยากเห็นว่าสวยขึ้นไหม แต่อ้าวเฮ้ย มึงเลิกกันแล้วไม่ใช่หรือ อย่างนั้นกูก็เสียบแทนได้เลยนี่หว่า”
ในห้องครัวพลันเงียบเสียงคุยทันที หลังจบเสียงถามของธนวรรธน์ อนลไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป อีกฝ่ายไม่เคยให้ความเป็นมิตรต่อกันตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่จำเป็นต้องมีให้มันเช่นกัน จึงหันหลังแล้วเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมกับภูดิศ
ธนวรรธ์ยิ้มหยันใส่แผ่นหลังของลูกคนที่มาอาศัยในบ้านของตน แล้วหันมาหยิบของในจานกินต่อ ชี้มือบอกไปทางอมรพรรณ “แม่ง เป็นหมอแล้วหยิ่งฉิบหาย ทีหลังต้องสอนลูกอามั่งนะ”
อมรพรรณได้แต่ยิ้มบาง ๆ ตอบไปเท่านั้น
ช่วงเวลาเย็นของทุกวันเสาร์ ที่บ้านอนันต์วรการณ์กุลจะมีนัดกินข้าวด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านหลังนี้ ดูจากภายนอก อาจเหมือนบ้านอื่น ๆ แต่ความจริงแล้วไม่ได้ดูอบอุ่นอย่างที่ใคร ๆ คิด
ธนวรรธน์ชวนแกมบังคับเมื่อเห็นว่าทุกคนเดินเข้ามารวมตัวเตรียมกินข้าวกันแล้ว “เดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จ ไปดื่มต่อที่ร้านของไอ้ตะวันกันนะหมอ”
และหากว่าเป็นเมื่อหลายปีก่อนเขาคงไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเมื่อก่อนธนวรรธน์ตัวโตสูงใหญ่กว่าเขา และยังมีนิสัยชอบข่มเหงรังแกคนอื่นอยู่เสมอ อีกทั้งพ่อและแม่ก็คอยให้ท้ายลูก พูดให้เขาคิดตามว่านี่เป็นการหยอกเย้าของพี่ ๆ น้อง ๆ เท่านั้น สมัยก่อนอนลถึงได้ถูกทำร้ายบ่อย ๆ เขาจึงต้องปกปิดร่องรอยฟกช้ำพวกนั้นมาโดยตลอด ไม่อยากให้แม่เห็น กลัวท่านไม่สบายใจ แต่เมื่อเขาเรียนจบ โตขึ้น แข็งแรงมากขึ้น หลายปีมานี้จึงไม่ใช่แบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
“มีนัดแล้ว” อนลบอกปัด น้ำเสียงฟังออกชัดเจนว่ารำคาญ
ธนวรรธน์มีท่าทีลังเลหน่อยเดียว แต่ไม่เลิกราที่จะเอาคนไปด้วยให้ได้ “นัดอะไรวะหมอตอนสี่ห้าทุ่มเนี่ย น่าสงสัยนะเว้ย”
อนลไม่จำเป็นต้องตอบ เขาเลือกที่นั่งใกล้แม่ ลงนั่งเพื่อรอกินข้าว สายตาก็คอยมองที่โทรศัพท์อยู่ตลอด และครั้งนี้ก็ยังไม่มีการตอบกลับมาจากคนปลายทาง ไม่มีแม้แต่การอ่านข้อความที่เขาส่งไป
เสียงแหลม ๆ ดังขึ้นจนนายแพทย์อนลลอบสบถออกมาเบา ๆ ด้วยความตกใจ เพราะกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่
“เซอร์ไพรส์ค่ะ...ทุกคน”
ป้าโฉมเห็นหญิงสาวที่ไม่ได้เจอตั้งเป็นนานสองนาน แกรีบชี้มือร้องทักด้วยความดีใจทันที “โอ้ คุณโอลีฟมา มาได้ยังไงกันคะ”
“ไฮค่ะป้าโฉม ไฮเอฟวี่บาดี้ค่ะ ดูก่อนว่าลีฟพาใครมาด้วย”
‘ณัฐฐีรา’ เจ้าของชื่อเล่น ‘โอลีฟ’ บอกจบ หายกลับไปยังทางเดิม ก่อนจะยื่นมือไปดึงเอาร่างบาง โปร่ง สูงระหงของคนเป็นพี่ให้คนในบ้านได้เห็น ค่อยส่งสายตาไปยังอนล แต่แล้วกลับได้สายตาว่างเปล่าตอบกลับมาแทน
เสียงทักทายของอมรพรรณดังขึ้น ก่อนเสียงใคร “หนูมายด์กลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันคะ”
ณัฐธัญญายกมือไหว้แม่ของนายแพทย์อนลด้วยท่าทางอ่อนน้อม เสียงทักสุภาพอ่อนโยน “สวัสดีค่ะคุณน้า”
“จะมาเรียกน้าเน้ออะไรกันล่ะเอ้อ” เสียงเอ่ยแซวออกมาจากปากของนายแพทย์ภูดิศ อนลหันไปมองเพื่อนรุ่นน้อง เห็นสายตาของมันก็รู้ว่าตัวมันเองก็รู้เรื่องเซอร์ไพรส์นี้เช่นกัน ถึงว่าทำไมถึงเซ้าซี้ขอตามมาด้วย
ภูดิศช่วยเสริม เข้าข้างสองสาว “ต้องเรียกว่าคุณแม่แล้วไหมอะ”
ณัฐธัญญายิ้มถูกใจไปทางคนพูดแล้วกวาดสายตาไปยังชายหนุ่มที่ตนตั้งใจกลับมาสานสัมพันธ์ด้วย เอ่ยทักทายเสียงหวานกับเขา
“สบายดีนะคะพี่เหนือ”
อนลตอบกลับสั้น ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นอีกเลย
นายแพทย์อนลรู้ว่าทุกคนเปิดโอกาสให้เขากับณัฐธัญญาได้อยู่กันตามลำพัง เพราะหลังจากที่หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมน้องสาวของเธอแล้วนั้น ทุกคนก็นั่งลงกินข้าวด้วยกันตามคำชวนของเจ้าของบ้าน
จนกินอิ่ม คนอื่นในบ้านทยอยพากันเดินออกจากห้องนั้นไปกันทีละคน สองคน จนเหลือแค่เขากับหญิงสาวคนรักเก่าที่โต๊ะตัวนั้น
อาจเพราะไม่ได้ติดต่อกันเลย ในช่วงเวลาที่หญิงสาวเอ่ยปากขอเวลาห่างกันกับเขา จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยติดต่อกัน แต่พอได้พบเจอกันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จึงทำให้เกิดช่องว่างขึ้นแบบเงียบ ๆ และน่าอึดอัดใจสำหรับอนล
“มายด์กลับมาเมื่อไร” อนลเอ่ยถามอย่างต้องการทำลายความเงียบพวกนั้น
“เมื่อวานนี้เองค่ะ” ณัฐธัญญาตอบคำถามของเขาแทบทันทีที่เขาถามจบ หญิงสาวเว้นช่วงไว้แค่อึดใจเดียว รีบเอ่ยขึ้นต่อจากนั้น “พอได้ห่างกัน มายด์เลยได้คิดทบทวนอะไรหลาย ๆ เรื่อง แล้วก็ได้คำตอบแล้วว่า ทุกอย่างมายด์เป็นคนผิดเองค่ะ มายด์เอาแต่ใจตัวเองตลอดเลย มายด์ขอโทษนะคะพี่เหนือ”
อนลนิ่งไปนาน เนื่องจากกำลังแบ่งสมาธิอยู่ แล้วเขาตามไม่ทันคำพูดเมื่อครู่นี้ คงเพราะมีแรงสั่นที่ในกระเป๋ากางเกงของเขา นั่นอาจเป็นการตอบกลับมาของคนที่เขารอคอยอยู่ก็เป็นได้ อนลจึงมีสีหน้าขุ่นมัวเล็กน้อย
แต่ณัฐธัญญาเข้าใจว่าชายหนุ่มคงไม่พอใจตนอยู่บ้างจึงใช้ลูกไม้เดิม ๆ ด้วยการขยับตัวขึ้นยืน เดินหน้าเข้าไปหาเขา หญิงสาวลากเก้าอี้ไปนั่งติดกับเขา แล้วกอดต้นแขนของชายหนุ่มจนแนบแน่น อย่างไม่มีอาการเคอะเขินเลยสักนิด แต่นั่นยิ่งทำให้อนลยิ่งนิ่งไป
ในใจของเขากำลังเกิดการเปรียบเทียบผู้หญิงสองคนเข้าด้วยกันในตอนนั้น หากเป็นอีกคน คงไม่มีทางทำแบบนี้กับเขา มีแต่เขาที่จะพุ่งเข้าไปหาก่อนแล้วจบทุกอย่างลงบนเตียง ไม่ก็โซฟาในห้อง
“เรากลับมาเป็นแบบเดิมได้ไหมคะพี่เหนือ”
คำขอออดอ้อนแสนอ่อนหวานจากหญิงสาวที่เขาเคยคิดจะผูกใจรักกับเธอ แต่กลับโดนทำลายทุกอย่างลงจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อสี่ปีก่อน ทำให้อนลได้แต่ถอนลมหายใจออกมายาว ๆ ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจในตอนนั้น ทำให้เขาดื่มจนเมามายอยู่หลายเดือน และค่ำคืนหลังจบงานเลี้ยงของโรงพยาบาล เขาไปต่อที่ร้านเหล้า ดื่มจนเมาและมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งคล้ายกันกับณัฐธัญญาเอามาก ๆ เลยเผลอไปคว้าใครบางคนมาร่วมหลับนอนด้วย จนเวลาเลยเถิดมาป่านนี้
จะว่าไปในหัวใจของนายแพทย์อนลก็ยังคงมีหญิงสาวตรงหน้าอยู่เสมอ มีอยู่แบบที่ไม่เคยเลือนหายไปไหน หากจะให้เขากลับไปคบหา ผูกสมัครรักแบบเดิมกับณัฐธัญญา ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่การกลับไปหาณัฐธัญญาในครั้งนี้ อาจไม่ใช่เพียงเพราะหัวใจอย่างที่เคยเป็นมาอีกแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของอนลรู้สึกคล้ายกับมีก้อนหินก้อนใหญ่กดทับเอาไว้ และก็ยากนักที่จะยกมันออกจากหัวใจของเขาไปได้