“ฉันหนาว... ขอ... ผ้าห่ม..” อ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและแววตา ก่อนที่สติของเธอจะค่อย ๆ รางเลือน
อลันถึงจะขี้หงุดหงิด ยังเป็นคนคิดเร็วทำเร็วอยู่สักหน่อย เขาคงไม่ปล่อยให้เธอต้องหนาวตายซะก่อน มือหนาสากลากชุดกระโปรงนอนออกจากเรือนกายแน่งน้อยออกอย่างระวัง เนื้อตัวของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อนราวดอกไม้แรกแย้มบาน
ก็คงจะใช่... นี่มันเด็กสาว! ยัยเด็กบ้านี่อายุห่างจากเขาตั้งสิบปี
คิดพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหาย เมื่อทุกปลายนิ้วสัมผัสผิวนุ่มเนียนดุจแพรไหม ความขาวจัดจ้านเสียจนเห็นเส้นเลือดฝาดสะกดดวงตาของเขาไว้ ตัวของเธอร้อนแต่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะร้อนยิ่งกว่า
ม่านตาสีฟ้าครามจะเบิกกว้างตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อเสื้อเปียกในมือหล่นแหมะจากมือหนาลงบนที่นอน ปรากฏสองเต้าเต่งตึง ยอดอกเต่งตึงประดับสีชมพูหวานติดตรึงเข้าไปในหัวสมอง ทั้งที่รสนิยมของอลันต้องสาวผิวแทนเท่านั้น!
แต่เธอสวย! อืม.. ยัยเด็กแสบนี่สวยทั้งตัวจริง ๆ
หน้าอกหน้าใจใหญ่ขนาดนี้ก็คงจะบีบได้พอดีมือ ไม่! จับไม่ได้เด็ดขาด...
ความคิดหยุดลงพลางถอนหายใจหนัก นานแล้วที่ห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่าเพราะมัวทำแต่งาน แต่เขาก็หนักแน่นมากพอหักห้ามใจ ท้ายทอยที่ช้อนประคองอยู่ถูกวางลงอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็ลุกไปหยิบผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างเล็กไว้ เพื่อที่จะอุ้มเธอไปนอนในห้องแขก เพราะที่นอนมันเปียก
เป็นโชคดีที่ปรายลดากลับมาในอีกไม่นาน ไม่ได้เถลไถลที่ไหน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ทว่าก้าวแรกที่เหยียบห้องนอนแขกพร้อมถุงพลาสติกใบเล็กเต็มไปด้วยยา หลังจากที่หาอยู่ว่าเพื่อนไปไหน
“อ้าว... ทำไม... มานอนห้องนี้ล่ะคะ?” คำถามเต็มวงหน้าสดสวยที่ก้มลงมองสภาพของคนทั้งสอง ผมสีน้ำตาลเปียกชุ่มลู่ไปกับหน้าซีดขาวราวกระดาษ ตัวม้วนอยู่ในผ้าห่มเป็นหนอนดักแด้
อลันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ตะกุกตะกักเอ่ย “ผม... ทำน้ำหกใส่เธอครับ”
“คุณอลันนี่นะจริง ๆ เลย ใครทำก็ช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ” บ่นพลางหยุดยืนท้าวเอวเอาเรื่อง เธอไม่เชื่อหรอกว่าเพื่อนไม่ได้โดนแกล้ง
“ครับ ผมต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ”
“ได้ช่วยแน่ ๆ ค่ะ เตียงฉันนี่เปียกชุ่ม น้ำมันวางอยู่ข้าง ๆ มันจะหกลงที่นอนได้ยังไง แล้วทำไมเสื้อคุณอลันถึงได้เปียกไปด้วย?”
“เธอ... ตกใจอะไรไม่รู้ มากอดผม” คนตอบลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าเขาทำอะไร ขณะดวงตาคู่สวยหรี่เล็กจนเหยียดตรง เหมือนจะเอาคำตอบใหม่แต่กลับเอ่ยไล่
“ออกไปก่อน ฉันจะเช็ดตัวให้ปริม”
“อ้อ... ครับ” เสียงทุ้มตอบอย่างเก้อเขินอยู่เล็กน้อย ตาคมเหลือบมองคนบนเตียงครั้งหนึ่งอย่างนึกสงสาร ด้วยความที่เข้าใจเธอผิด ก่อนที่เขาจะยอมลุกออกไป ให้หญิงสาวทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง
อาการปวดหัวตัวร้อนค่อยทุเลาลงในสองวันถัดมา นัชชาคิดว่าคงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ด้วยความที่เธอได้ฉีดวัคซีนครบทุกสายพันธุ์ไข้หวัดยิบย่อยตามแม่สั่งให้เลขานุการหนุ่มชาวฝรั่งเศสพาไปทุกครั้ง...
บางครั้งเธอเรียกเขาว่า ‘พ่อแบร์’ แม่จะไม่ค่อยพอใจนัก หล่อนคงอยากใช้ชีวิตซิงเกิ้ลมัม โสดสวยรวยมากอยู่ไม่ว่าจะผ่านมาสักกี่ปี
ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่องระหว่างแม่กับเลขานุการหนุ่มอายุน้อยกว่าว่ามีอะไรแปลก ๆ เป็นเพราะว่ารู้แล้วไม่อยากก้าวก่ายต่างหาก แบร์นาร์ดเองก็ดูแลเธอดียิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ ที่มีครอบครัวใหม่ไปแล้วไม่เคยมาสนใจไยดีเธอกับแม่อีกหลังหย่าขาดกันไป
หลังรับประทานอาหารเช้า ข้าวต้มทรงเครื่องฝีมือเพื่อนสาวเสร็จ ได้รับโทรศัพท์จากแบร์นาร์ดว่าเขาจะลาพักร้อน นัชชาจึงยังไม่กลับบ้าน เพราะถ้าไม่มีแบร์นาร์ดอยู่แปลว่าไม่มีคนคอยสงบสติอารมณ์แม่เวลาโมโห
ถึงวันนี้สถานการณ์ของเธอและแม่จะค่อนข้างดีขึ้นมากแล้ว พอแม่รู้เรื่องที่เธอไม่สบายจากปรายลดา คนเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูกสาวคนเดียวเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าเธอจะสร้างเรื่องอะไรร้ายแรงสักแค่ไหน
“ค่ะ คุณแม่... ค่ะ เดี๋ยวหนูดูแลให้นะคะ ดูแลเป็นอย่างดีเลยค่ะ” เสียงหวานรับปากเป็นดิบดี ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะรับประทานอาหาร
ถ้วยชามสองใบบนโต๊ะ ด้วยฝีมือแม่ครัวอย่างปรายลดาราบเรียบเหมือนไม่เคยมีข้าวต้มในนั้น เหลืออีกคนที่ค่อย ๆ ตักไปทำงานไปโดยไม่ได้สนใจสองสาว อลันเพียงเหลือบตามองอยู่เป็นพัก ๆ
พอของถูกวางลงทั้งโทรศัพท์มือถือ ด้ามช้อนส้อม นัชชาจะค่อย ๆ เอาทิชชูเปียกบนโต๊ะเช็ดมันทุกอย่าง เธอยังใช้หน้ากากอนามัยปิดทันทีที่รับประทานอาหารเสร็จ หญิงสาวอีกคนในชุดนอนลายหวานสีชมพูสีเดียวกันถามหน้ายุ่ง
“ฆ่าเชื้ออะไรขนาดนั้นยะ? แล้วนี่ในบ้าน กลัวโควิดหรือว่ากลัวเชื้อโรคอะไร?”
คนได้ยินจัดแจงหน้ากากบนหน้าให้เข้าที่ ตวัดตามองคนในฝั่งขวา “ไม่ได้ ต้องสะอาดกริ๊บ... แล้วแกอย่าเข้าใกล้ฉันมาก เดี๋ยวตัวเล็กติดไปด้วย คนท้องกินยาอะไรลำบาก ฉันห่วงหลานฉัน”
“ค่ะ คุณเพื่อน... ฉันก็ไม่ค่อยจะได้ดูแกหรอก ไม่ติดหวัดอยู่แล้ว คนนู้นต่างหาก...” พูดพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มไปทางชายหนุ่มที่หลุบตาลงมองแท็บเล็ตโดยไม่พูดอะไร
วันนี้อลันอยู่ในเสื้อยืด กางเกงขายีนสีซีดตามเทรนแฟชั่น ที่เก็บไว้ในท้ายรถของเขาเวลาเดินทาง ตามนิสัยความเป็นคนใส่ใจกับการทำงานอยู่ตลอด
“พูดคำเดียวกันเป๊ะ กลัวฉันติดหวัด”
“ก็แน่ล่ะว่าต้องกลัว... คนเขาห่วงแกกันทั้งบ้านนะคะ คุณแม่” เสียงหวานบอกเพื่อนผ่านหน้ากากที่ปิดป้องใบหน้าสดสวยไว้ครึ่งหนึ่ง
ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของนัชชา เธอหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะพิษไข้ แต่ก็จำได้ว่าใครคอยป้อนข้าว ป้อนยา เฝ้าไข้อยู่ยังทำเรื่องบางอย่าง! ปรายลดาเองยังเห็นว่าอลันดูใส่ใจคนป่วยเป็นพิเศษ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนที่จะใส่ใจใครเท่าไรนัก หากไม่ใช่ปรเมษฐ์หรือเธอ
“คุณอลันดูแลแกดีมาก ได้นอนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้...”
ต่างคนคงคิดว่าจะได้ยินคำขอบคุณของนัชชา เธอแค่จิกหางตามองอย่างไม่สบอารมณ์
“มันควรจะต้องดูไหมคะ? ใครมันสาดน้ำใส่ฉัน คนนะไม่ใช่หมา เอาน้ำมาสาด นอนอยู่ดี ๆ แท้ ๆ เกิดลูกสาวคุณนายนิตยาช็อกตายเพราะไข้ขึ้นมา แน่ใจนะว่ารับผิดชอบไหว?”
คำเหน็บแนมกระตุกต่อมโทสะของเลขานุการหนุ่ม ใต้ขอบตาดำคล้ำจัดเพราะอดหลับอดนอน สายตาคมปลาบละจากจอสี่เหลี่ยมในมือพร้อมแผ่รังสีอำมหิต
“ผมไถ่โทษไปแล้วนะครับ ต้องการอะไรอีกไม่ทราบ?”
“เปล่าค่ะ แค่พูดลอย ๆ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเฝ้าไข้ฉันเป็นอย่างดี” พูดแล้วก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าขอบคุณจริง ๆ หรือยังไงแน่ บรรยากาศอึมครึมบนโต๊ะรับประทานอาหารทำให้ปรายลดารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เออนี่แก... ตกลงเรื่องพี่ธามมันยังไง? สรุปว่าตอนนี้แกโสดใช่ป่ะ เลิกกันแล้วเหรอ?”
หญิงสาวยอมเลิกราศึกปะทะสายตาอย่างดุเดือดกับคนที่นั่งอยู่ในฝั่งซ้าย จากที่นั่งหัวโต๊ะของเธอ ด้วยความตั้งใจว่าจะเอาคืนทีหลัง เพื่อหันไปตอบ
“ทำไมล่ะ แกจะหัวเราะเยาะฉันหรือไง?”
“เปล่าเลยนะปริม ใครจะกล้าไปหัวเราะเพื่อนกัน ฉันเห็นแกคบใครก็ไปไม่รอดสักคน คบ ๆ เลิก ๆ พี่ธามเขาเป็นคนดี ฉันว่าเขาไม่เหมาะสมกับแก แกมันร้ายกาจมาก” ตามด้วยเสียงหัวเราะหลังจากนั้น หยอกล้อกันเหมือนปรกติซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร นัชชาฉีกยิ้มกว้างตอบให้ยังยกมือไปแตะบ่ามนเบา ๆ
“ขอบใจมากที่ชมว่าฉันร้ายกาจเพื่อนรัก ฉันคงเป็นอย่างที่แกว่าแหละ” รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าสะสวย ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว
“เออ... ได้ยินว่าแม่บ้านแกหยุดเหรอ?”
“อืม... มาพรุ่งนี้ มะรืนมั้ง ปรกติก็ไม่ได้มาทุกวันอยู่แล้วนะ เมื่อก่อนไม่ได้จ้างด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรให้ทำมากหรอก ฉันเก็บเอง” ปรายลดาลุกขึ้นหยิบจานและช้อนส้อมมาซ้อนเรียงกันหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ นัชชาจึงลุกขึ้นช่วยตามมารยาท ชำเลืองมองท้องที่เนินนูนขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้
“เออ... คนท้องนี่ต้องบำรุงเยอะ ๆ เนอะ ฉันหาซื้ออะไรให้หลานกินดีกว่า ไม่ได้ซื้อให้แกนะ ฉะนั้นต้องกิน”
ความหวังดีของเพื่อนได้รับรอยยิ้มหวานจากคุณแม่ท้องอ่อนที่คงไม่ปฏิเสธน้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ซึ่งได้รับการไหว้วานจากเจ้านาย บางเรื่องอะไรอะลุ่มอล่วยได้ อลันไม่ได้จุกจิกไปเสียหมด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ปรเมษฐ์เลือกเลขานุการชาย
บางครั้งเขายังไม่เกี่ยงงานเล็กงานน้อยแม้กระทั่งงานของผู้หญิง
“เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง คนท้องควรจะพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ”
“ค่ะ แหม... แต่ละคนเอาใจพุดจริง ๆ นะ” คุณแม่ที่กำลังคิดถึงสามีผลัดส่งยิ้มให้คนทั้งสอง โดยไม่ได้รู้ว่าเพื่อนรักมีแผนการบางอย่างแอบแฝง
นัชชาไม่ได้จำได้แค่ว่ามีคนคอยป้อนข้าวป้อนยาเพียงอย่างเดียว ในครั้งแรกไร้สติสัมปชัญญะ ภาพเลือนรางของวงหน้าหล่อเหลา เม็ดยาขมเฝื่อนผ่านริมฝีปากนุ่มหนาที่มากับสัมผัสแสนอ่อนโยน พอตื่นนอนมาคงจะทำให้เกือบจะลืมมันไป หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาทำมันมากกว่าหนึ่งครั้ง!
พอหยัดกายลุกขึ้นจากโต๊ะรับประทานอาหาร คุณแม่เดินหายเข้าครัวไป และอีกคนกำลังจะลุกตาม เธอรีบต่อสายหานายสารถีประจำบ้าน
“ลุงวิทย์ว่างใช่ไหมคะ? ซื้อของตามรายการมาให้ปริมหน่อย มาส่งที่บ้านพุดนะ ร้านดังที่คุณแม่ชอบ กวาดมาให้หมดห้างเลยค่ะ ตังเอาที่แบร์นาร์ดนะ”
“เกิดมาเป็นลูกคุณหนูมันดีจริง ๆ นะครับ” ไม่วายที่เขาจะหันหลังกลับมาพูดจิกกัด ก่อนได้รับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว
“แน่นอน... ฉันคงจะต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียม First kiss ของฉันด้วยนะ ไม่มีของฟรีบนโลก เคยได้ยินเปล่า? คุณอลัน”
“ไม่ยักรู้ ผมไม่ใช่คนไทย ผมเลยไม่ถือเรื่องพวกนี้” คนตอบไหวไหล่แล้วหมุนกายเดินจากไปด้วยท่าทีเฉยเมย
หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความมั่นใจหายไปจากใบหน้า ขณะมองตามแผ่นหลังกว้างกำยำด้วยแววตาเป็นประกาย แน่นอนว่าอีปริมจะต้องเอาคืน!