Chapter 1
ร่างสูงสง่าในเชิ้ตสีดำสนิทกางเกงสแล็คเข้ารูปหยุดก้าวลงข้าง ๆ บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 หรูหราสมราคารถยนต์ที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเอง เพราะไม่ได้นำรถเจ้านายมาในวันนี้
อลันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เลขาฯ ยังเป็นผู้อารักขาที่ดีตามแบบฉบับของพ่อ
ตระกูล ‘แบรดฟอร์ด’ ตั้งแต่รุ่นทวดทุกคนมีการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญา ได้รับการฝึกฝนวิชาป้องกันตัวทุกขนาน ไม่น้อยหน้าไปกว่าบอร์ดี้การ์ดชั้นแนวหน้า ดาราคนดังเซเลบระดับโลก หรือแม้แต่ประธานาธิบดียินดีที่จะจ่ายเงินเดือนสูงลิบ สำหรับการมีเลขาฯ ดี ๆ ไว้ข้างกาย
แม้ว่าพวกเขาจะสิ้นชื่อสิ้นเนื้อประดาตัวไปนานแล้ว หลังผู้นำครอบครัวอย่างนิคาซิโอ้ (Nicasio) เสียชีวิตในหน้าที่อย่างสมเกียรติ มรดกมากมายกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามพินัยกรรมตกเป็นของลูกชายเพียงคนเดียว
ทรัพย์สินของพ่อเรียกได้ว่ามากพอจะทำให้อลันใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชาติ เขากลับไม่ได้แตะต้องเงินส่วนนั้นเลย
ด้วยนิสัยความตระหนี่ถี่เหนียว ใช้เงินอย่างระมัดระวังหากต้องไปเที่ยวสังสรรค์นาน ๆ ครั้ง แบ่งสันปันส่วนการใช้จ่ายเงินอย่างสมเหตุสมผล ประสาคนซึ่งเรียนรู้คำว่า ‘เลขานุการ’ มาตั้งแต่เป็นเด็กหัดเดินกระเตาะกระแตะ เขายังเป็นคนจู้จี้จุกจิกอยู่สักหน่อย
เป็นธรรมดาของทุกคนที่ใช้นามสกุล ‘Bradford’ พ่วงชื่อกลางด้วยคือ ‘Eduardo’ ความเรื่องมากของเขาเริ่มต้นที่บราซิล อลันเกิดที่นั่นแต่ด้วยสังคมไม่ค่อยจะดีนักในความคิดเห็นของพ่อ พ่อของเขาซึ่งถือสัญชาติอเมริกันจึงทำให้เขาเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์แบบ
สักประมาณสิบขวบได้ อลันเคยถามพ่อว่า ทำไมพ่อถึงเป็นคนอเมริกัน? ในเมื่อพวกเขาอยู่บราซิลกันหมดแม้กระทั่งแม่ที่เป็นคนภูเก็ต เขาควรถือสัญชาติไทยด้วยซ้ำ ก่อนจะได้คำตอบว่าพ่อไปเกิดที่สหรัฐฯ โดยบังเอิญ
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นเพียงสองประเทศที่มีกฎหมายเปิดทางให้ถือสัญชาติตามสถานที่เกิด โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของพ่อแม่ หมายความว่าเด็กที่เกิดที่นั่นจะได้สัญชาติอเมริกัน ต่อให้พวกเขาจะเป็นนักท่องเที่ยวก็ตาม
อลันจึงเติบโตและใช้ชีวิตในสหรัฐฯ ตลอดจนมาอาศัยอยู่ในเมืองไทยถึงสิบปี พูด-อ่านภาษาไทยชัดแจ๋วเท่าเจ้าของภาษา ทำงานให้สถาปนิกหนุ่ม นักธุรกิจคนดัง ในฐานะเลขานุการที่ไม่ต่างไปจากทาสในเรือนเบี้ย...
บางครั้งก็ไม่แน่ใจนักว่าเมืองไทยได้เลิกทาสไปนานหรือยัง...
เลขาฯ บอร์ดี้การ์ดอย่างเขาทำงานวันละไม่ต่ำกว่าสิบสองถึงสิบห้าชั่วโมง ขยันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต! ช่วยงานหลักงานเอกสาร ส่งตารางประชุมของบอสแล้วเขายังดูแลเด็กในความดูแลให้เสียด้วย
คิ้วเข้มหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาคู่คมสีฟ้าครามขมวดมุ่น ชะเง้อคอหาเมียเจ้านายที่ไม่กลับมาสักที ก่อนจะก้มหน้าลงมองกระจกด้านข้างตัวรถ หรี่ตามองหยดน้ำที่เกาะอยู่เป็นหยดหย่อม
เขาไม่ชอบความสกปรก...
เขาไม่ชอบอะไรที่ไม่เรียบร้อย อะไรที่มันไม่เป็นที่เป็นทางเหมือนตัวเขา ก็จะพาลหงุดหงิดไม่ชอบมันไปเสียทุกอย่าง
เจ้าของวงหน้าคร้ามคมโน้มตัวลงเอามือไพล่หลังเพ่งพิจารณามันให้ชัด เสื้อเชิ้ตสีดำหลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงถูกจัดแจงให้เข้าที่เข้าทางให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยในชั่วโมงทำงาน
มือหนาหยิบกระดาษทิชชูเปียกจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท เช็ดกระจกไปมา พยายามที่จะจัดการกับเรื่องเล็กน้อย ด้วยการเสียสละผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาเช็ดอีกรอบ จนกลายเป็นคนที่ทำอะไรโง่ ๆ
พองานตรงหน้าเรียบร้อยดี จึงทอดสายตามองไปทางโล่งกว้างในวัดอีกครั้งหนึ่ง รอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้างามหมดจดพาวงหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ
‘น้องพุทราคนสวย’ นั่นคือชื่อในอัลบั้มรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือ และยังคงอยู่ในหน้าแรกของจอโทรศัพท์
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตแม่ของปรายลดา เขาได้รับหน้าที่เป็นสารถี เพื่อที่จะคอยดูแลเธอใกล้ ๆ เนื่องมาจากว่าสถานการณ์ทางบ้านเจ้านายไม่ค่อยจะดีนัก
ร่างสูงพิงแผ่นหลังไว้กับประตูรถยนต์สีดำสนิท ขณะยืนรอหญิงสาวที่เดินหายไปทางหลังวัดได้สักพัก ถึงเขาจะได้รับคำสั่งว่าไม่ให้คลาดสายตาจากเธอ เขาก็มีมารยาทในสังคมขั้นพื้นฐาน สำหรับเวลาทำความเคารพศพของผู้ล่วงลับ
คนอะไรไม่รู้... ยิ่งโต ยิ่งสวย ไม่น่ารีบมีแฟนเลย
อลันจำได้ว่าเคยพูดประโยคนั้นกับเจ้านายขี้หวงครั้งหนึ่ง ก่อนจะโดนลูกถีบมหากาฬ ต้องไปนอนลอยคอกลางเกาะสวรรค์ ประเทศฟิลิปปินส์ ทว่าตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดว่าเธอสวย...
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายระรื้น ก่อนที่เขาจะกลับขึ้นรถยนต์ สตาร์ทรถรอเจ้าตัว พอเม็ดฝนโปรยปรายลงมาเป็นหยดหย่อม เขาถึงได้เห็นว่าร่างบางในชุดนักศึกษาก้าวฉับ ๆ กลับขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“ฝนตกทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ?”
“ไม่ได้ตกหนักค่ะ คุณอลัน แค่ปรอย ๆ รถอยู่ใกล้แค่นี้เอง” เหตุผลของเธอพอฟังขึ้นอยู่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้านายกำชับเรื่องบางอย่างไว้ อลันหน้าเครียดเข้มบอก
“แต่คราวหน้าต้องโทรเรียกผมนะ ผมจะเดินไปรับ พุดท้องลูกเจ้านายผมอยู่ เกิดเป็นลมเป็นแล้ง เดินสะดุดอะไรขึ้นมา ผมจะลำบากทีหลัง”
“ถ้าพุดเป็นอะไร เรียกคุณอลันไปนานละ ห่วงตัวเองเถอะค่ะ ทำตัวติดพุดมาก ระวังให้ดี” ว่าแล้วก็ดึงเข็มขัดนิรภัยรัดรวบตัวไว้เรียบร้อย ชายหนุ่มออกรถ เหยียบคันเร่งไปเบา ๆ ไม่เร็วไม่ช้ามากนัก
ขณะที่ใบหน้าสดสวยเง้างอนทำให้เขาเผลอลอบยิ้ม พอเธอสะบัดหน้าใส่เขาก็ทำเคร่งขรึมเช่นเดิม
ไม่แปลกที่หัวใจของหนุ่มวัยสามสิบปีจะสั่นไหวอยู่เล็กน้อย ทว่าตัวเขาเองคงต้องอกหักไปตามระเบียบ
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ปรเมษฐ์เพิ่งลงเอยความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับลูกเลี้ยงของพี่ชาย ที่รับอุปการะมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ และถ้าหากว่าไม่มีเรื่องจำเป็นจริง ๆ ผู้ชายขี้หวงคงไม่ทิ้งสาวน้อยคนสวยไว้ในความดูแลของเขา ระหว่างไปสะสางงานในต่างประเทศให้เสร็จแน่
ความไว้ใจก็เป็นส่วนหนึ่ง ด้วยความที่ทำงานให้บอสมาร่วมสิบปี ตัวเขาไม่ต่างไปจากน้องชายหรือเพื่อนสนิท
การเดินทางจากวัดไปถึงบ้านใช้เวลาไม่นาน เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไป แต่ยังคงอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ด้วยเสียงดังกระหน่ำของสายฝนสาดเทลงมาดังพายุ
บีเอ็มดับบลิวสีดำจอดสนิทดีหน้าบ้านหลังใหญ่โตที่เขาต้องมาส่งคือบ้านของแม่เจ้านาย เนื่องจากว่าเจ้าตัวอยู่ต่างประเทศในตอนนี้และคงไม่อยากให้คนท้องไส้อยู่คนเดียว เขาเห็นว่าเธอตื่นดีแล้วจึงบอก
“พุดอยู่บ้านแม่อนงค์จนกว่าบอสจะกลับนะครับ บอสกำชับไว้ว่าให้ผมไปรับ ไปส่งตลอด พรุ่งนี้ผมจะมารับแต่เช้า ต้องไปทำธุระที่มอใช่ไหม?”
หญิงสาวรู้สึกเกรงใจเขา ด้วยความที่เธอยังมีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการหลายอย่าง กลอกตาไปมา “อืม... พุดว่าจะหยุดนอนอยู่บ้านนะ เวียนหัว รู้สึกไม่ค่อยสบายเลย”
“งั้นคุณพุดโทรหาผมอีกทีครับ... ถ้าจะไปไหน” อลันคลี่ยิ้มกว้างอย่างรู้ใจอีกฝ่ายดี ถ้าเธอคิดจะไปไหนตามลำพัง ไม่มีทางรอดพ้นสายตาเขาไปได้
เป็นเรื่องที่อีกคนรู้ว่าเธอคงจะปลีกตัวได้ยาก โทรศัพท์ในกระเป๋าที่สั่นดังได้อย่างตรงเวลา หญิงสาวหยิบมันออกมากดสองสามที ชูขึ้นให้อีกคนดู
“ปริมไลน์มาพอดี... สงสัยว่าจะมานอนเป็นเพื่อนพุด กลับบ้านนั้นละกันค่ะ”
นัชชาหรือปริมเป็นเพื่อนสนิทของปรายลดามาตั้งแต่ชั้นอนุบาล เลขาฯ คนสนิทอย่างเขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้าหล่อนมานานมาก ๆ แล้ว ในสีหน้าเคร่งขรึมของลูกครึ่งหนุ่มเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเฉย
“ครับ ตามใจ”
อลันไหวไหล่ แล้วเหยียบคันเร่งอีกครั้ง เพื่อไปส่งหญิงสาวที่บ้าน