กว่าอลันจะสงบสติอารมณ์ได้ก็ครู่ใหญ่ เขาลุกจากโต๊ะไปสูดอากาศเย็นสบายในบริเวณชั้นสอง ปล่อยผู้หญิงปากจัดนั่งตีหน้าเศร้าอยู่ลำพัง
สถานที่กว้างขวางมีบันไดเลื่อน ประตูเลื่อนอัตโนมัติเหมือนเรือยอชต์หรู มองผ่านกระจกใสเข้าไปด้านในชั้นสอง เห็นว่าเจ้านายยังหัวเราะคิกคักอยู่กับเมีย เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องห่วงอะไร แต่เป็นอีกคน
ไม่รู้ว่าพูดแรงไปหรือเปล่า...
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลับขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าเรือก็พบว่าบางคนนั่งฟังดนตรีสด สั่งไวน์มาจิบหน้าตาเฉย
ที่น่าโมโหยิ่งกว่า! คือบรรดาหนุ่มน้อยใหญ่ทั้งบริกร ลูกค้า ขนาดว่าบางคนมากับเมียยังแอบมองสาวสวย ที่บางทีเธอก็ยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองไม่ต้องให้เดาเลยว่าหนาว
เพราะไม่ได้หยิบเสื้อคลุมมาให้ด้วยความที่มัวแต่เดินหากันก่อนหน้านี้ ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทก้าวเข้าไปคว้าข้อมือเล็กของหญิงสาวที่เชยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาวูบไหว
“ไป... คุยกันหน่อย”
“ฮะ? ว่าไงคะ...” นัชชาได้แต่ทำหน้างุนงง แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินตามเจ้าของฝ่ามืออุ่นไปอย่างไม่ขัดใจ ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่เลิกทำตัวเป็นผู้ชายขี้โมโห
หลังจากที่เธอได้นั่งใช้ความคิดว่าตัวเองคงมีนิสัยยอดแย่อย่างใครว่าซึ่งมันคงเปลี่ยนกันไม่ได้ง่าย ๆ ไวน์สองแก้วไม่ได้ทำให้เมา แต่เธอก็ยังไม่มีสติมากพอทำตัวดีอยู่วันยังค่ำ
กระทั่งมาถึงระเบียงด้านนอกบริเวณชั้นสอง ถัดจากหัวเรือไปเล็กน้อย มีคู่รักกะหนุงกะหนิง ครอบครัวตัวอย่างคุณพ่อคุณแม่คุณลูกออกมาถ่ายรูป
ขนาดว่าโต๊ะบาร์เครื่องดื่มที่ดูท่าทางว่าแสงไฟจะกะพริบเปลี่ยนสีไปตามอารมณ์ของบาร์เทนเดอร์ ยังเต็มไปด้วยคู่รัก...
“ดีจัง... นี่มันวันผัวเมียแห่งชาติหรือไง จะพาฉันมาพลอดรักเหมือนพวกพี่ ๆ เขาหรือคะ? คุณอลัน”
“...”
เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่ละฝีเท้าลงอย่างพอดี ไม่ให้คนข้างหลังลำบากกับการเดินเรื่อย ๆ ด้วยส้นสูงเกือบสามนิ้ว
“ถามก็ไม่ตอบ ทีตอนด่างี้ด่าฉอด ๆ” บ่นพึมพำ ตามองตามแผ่นหลังกว้าง ก่อนที่เขาจะหยุดลงตรงทางคับแคบเดินได้เพียงสองคน มันสามารถเห็นทิวทัศน์อันสวยงาม เงียบสงบกว่าข้างบนที่มีเสียงดนตรี
ชายหนุ่มดันแผ่นหลังบางเบา ๆ เธอก็จับราวเหล็กด้วยมือทั้งสองข้างอย่างแน่นและระวัง เชยคอมองวงหน้าหล่อเหลาสะท้อนแสงสีนวลของไฟจากในตัวเรือ
“เอ่อ... คือ... ขอบคุณนะคะที่จะพามาเซลฟี่ แต่ฉันต้องกางแขนแบบโรส ร้องเพลงไททานิคด้วยไหมอ่ะ?”
เสียงหวั่น ๆ ถามพลันสัมผัสได้ถึงแผงอกกว้างกำยำที่แนบลงบนแผ่นหลังของเธออย่างย่ามใจ ฝ่ามือหนาวางลงติดกันกับมือเล็กเกาะราวเหล็กไว้ ขณะที่เขาโน้มตัวลงพูดทีละถ้อยคำ
“เป็นความคิดที่ดี… ถ้าคุณอยากถูกแจ็คถีบส่งลงแม่น้ำเจ้าพระยานะ”
นัชชาหัวเราะเจื่อน ๆ เหลือบตามองเคราเขียวครึ้มเป็นตอไล่ไปตามสันกรามของคนที่ก้มหน้าลงมองเธอด้วยแววตาไร้ความหมาย
เธอแค่นึกถึงวันที่โกนหนวดให้เขาก็เท่านั้น
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น แล้วอย่าไปยุ่งกับเรื่องของปิ่นแก้วอีก ผมจะจัดการเอง เข้าใจไหม?”
“ไม่เข้าใจ… แต่จะไม่ยุ่งก็ได้ ถ้ามันไม่มาด่าเพื่อนฉันอีก… คุณอลันด้วย ฉันยอมให้นางทำร้ายคุณฟรี ๆ ไม่ได้ คุณก็เป็นเพื่อนฉัน” ความหมายอันแสนจริงใจในแววตาใสซื่อเป็นความจริงอันน่าเจ็บปวด
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ จนอาจเลือดออกได้หากไม่ได้ยินเสียงปราม
“นี่... คุณอลันโกรธอะไรอีกล่ะ?”
“...”
“ฉันจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน โอเคมั้ย? เลิกทำตัวจุกจิกได้แล้ว ยังกับคนวัยทอง...” เธอพูดดี ๆ กับเขาทั้งที่ไม่เคยทำมันกับใคร คนถูกว่า ‘วัยทอง’ แค่สะบัดหน้าไปอีกทาง แน่ว่าเขาเข้าใจคำศัพท์ยาก ๆ จากปรเมษฐ์ที่ผ่านวัยนั้นมาก่อน
ทิวทัศน์กว้างขวางของแม่น้ำรายล้อมด้วยแสงไฟในเมืองกรุง อาจสวยงามกว่าการล่องเรือแสนแพงในมหาสมุทรหรือในอ่าวเล็ก ๆ ที่เธอเคยไปกับแม่อยู่หลายประเทศ
แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลักทอดผ่านกลางเมืองแตกแขนงเป็นคลองน้อยใหญ่กว่าพันคลองไหลเชื่อมโยงถึงกัน ผู้คนสามารถไปมาหาสู่ ใช้วิถีชีวิตติดต่อกันผ่านสายน้ำแห่งนี้
สมฉายา ‘เวนิสตะวันออก’
“เวนิสตะวันออก” เขาก็คิดเช่นเดียวกัน ขณะทอดสายตามองความสวยงามที่ทำให้จิตใจสงบลง ก่อนละจากมันเพื่อดูสิ่งที่สวยงามกว่า
แก้มแดงระเรื่อของคนในวงแขน เป็นเพราะอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นจากเรือนกายกำยำในเชิ้ตสีดำสนิทหรือฤทธิ์ไวน์ไม่อาจรู้ เธอดูอารมณ์ดีขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกันกับตัวเขา พอได้หายคลายจากความหนาวของลมเย็นยะเยียบ สายลมที่พัดผ่านมาเบา ๆ ทว่าอบอุ่นด้วยไออุ่นจากคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ราวกับว่าต่างคนต่างให้ไออุ่นกันและกัน
และถึงแม้ว่านัชชาจะพยายามใส่ส้นสูงอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าเอาใจเขาที่ตัวสูงกว่าเธอมากหรือเปล่า
“ไม่โกรธฉันแล้วใช่ไหม?” ถามพลางฉีกยิ้มหวาน ขนาดว่ายิ้มของนัชชานั้นไม่ว่าใครก็ต้องยอมแพ้ เว้นแค่คนที่เบือนหน้าหนีไปมองวิวสวย ๆ อีกรอบ
“ไม่รู้...”
“ฉันขอโทษ... ที่ทำให้เป็นห่วง ที่มาวันนี้ฉันตั้งใจจะมากับคุณอลันนะ จริง ๆ ให้ไปสาบานวัดไหนก็ได้...” ใบหน้าสดสวยแดงปลั่งกับคำที่รวบรวมความกล้าพูดไป พอตาคมหลุบมองมาเธอก็ก้มหน้ามองละอองน้ำ ไหลไปกับเรือเคลื่อนไหวอย่างนิ่งสนิทแทบไม่รู้สึกว่ามันขยับ หากไม่ใช่เพราะลมพัดพาเส้นผมปลิวไหว
“ที่บ้านคุณอลันมีแม่น้ำแบบนี้ไหมคะ? คุณอยู่ที่ไหนมาก่อน ฉันอยากฟังเรื่องของคุณบ้าง”
“แคลิฟอร์เนียร์ เคยไปไหม?”
คนได้ยินทำหน้าครุ่นคิด “อืม... แม่เคยพาไปตอนสิบกว่าขวบ มีช่วงสองสามปีแม่พาฉันไปเที่ยวหลายที่มาก แต่หลังจากนั้นมาแม่งานยุ่ง ไม่มีเวลาให้ฉันเลย”
“แล้วสรุปว่าจำได้หรือไม่ได้? แคลิฟอร์เนียร์มันหน้าตาเป็นยังไง” อลันแค่หลอกถามอย่างหยอกล้อ เขาชอบคิ้วสวย ๆ ตาใส ๆ เวลาสงสัย แม้กระทั่งในตอนที่เธอพยายามเอี้ยวตัวมาเชยหน้าขึ้นมองเขา
“ถ้าฉันจำไม่ได้จะพาไปหรือไง?”
“พาไปสิ...”
รอยยิ้มตื้นตันปรากฏบนวงหน้าหวานอีกครั้ง เธอเชื่อว่าเลขานุการหนุ่มไม่ใช่คนผิดคำพูดเหมือนที่ปรายลดาเล่าอะไรให้ฟังหลาย ๆ อย่าง
“พุทราบอกฉันว่าคุณเป็นลูกครึ่งบราซิล-ภูเก็ต สัญชาติอเมริกัน ทำไมคะ? คุณไปเกิดที่แคลิฟอร์เนียร์หรือว่ายังไง”
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวเรือจะเข้าฝั่งแล้วผมเล่าไม่จบแน่ ๆ” เขาหมายความแบบนั้น อีกคนกลับคิดว่าเขาไม่อยากเล่าเสียมากกว่า คราวนี้เธอจึงเลื่อนสายตาไปทางแม่น้ำ
ผู้ชายคนนี้สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่นัชชาไม่เคยเป็นกับใคร บางครั้งเธอรู้สึกเป็นกันเองเหมือนเขาเป็นเพื่อน ขณะเดียวกันมันมีเส้นบาง ๆ ของความสัมพันธ์ ที่ทำให้บางครั้งหัวใจเต้นแรง...
ตอนนี้เธอกำลังนึกถึงเรื่องสนุก ๆ งานอดิเรกที่ชื่นชอบที่สุด
“ฉันเจนจัดเรื่องประเทศบราซิลมากเลยนะ โดยเฉพาะลุ่มน้ำอเมซอน... ฉันชอบดูสารคดีมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าคุณอลันจะพาฉันไปเที่ยว ฉันอยากไปบราซิล หรือไปล่องเรือในแม่น้ำอเมซอนมากกว่า”
“ไปทำอะไร? แม่น้ำอเมซอนเนี่ยนะ ที่เที่ยวมีตั้งเยอะแยะ ผมว่าล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยายังดีกว่า” คนพูดทำหน้าแหยง ๆ บางทีเขาก็ไม่เข้าใจว่านอกจากเรื่องความร้ายกาจ ทำไมนัชชาถึงชอบอะไรแปลก ๆ
“ฉันอยากเห็นสัตว์ที่อันตรายที่สุดในลุ่มน้ำอเมซอนอย่างมดกระสุน มดที่กัดเจ็บที่สุดในโลก แรงกัดของมันเหมือนโดนกระสุนปืนยิง ฉันจะเอากลับบ้านมาใส่ในเสื้ออีปิ่น จระเข้... ปลาไหลไฟฟ้า อนาคอนด้าด้วย”
เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นดีจริง ๆ....
อลันไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาตั้งใจฟังเธอเล่าเรื่องสัตว์อันตรายในแม่น้ำอเมซอนอย่างเพลิดเพลิน ยังอยากจะรู้ด้วยว่ายัยเด็กแสบมีต่อมรับรู้ความรู้สึกหวั่นไหวบ้างไหม อยู่ใกล้ฝรั่งฮ็อตหลุดโลกแล้วเธอยังนิ่งเฉยได้ขนาดนี้!
วงหน้าหล่อเหลาโน้มลงช้า ๆ หากลิ่นหอมอ่อนจากเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอน กลิ่นแชมพูยี่ห้อดังและน้ำหอมมีราคามอมเมาให้ตกอยู่ในภวังค์ ขณะที่เธอเหลือบตามองตาม ชี้ปลายนิ้วมาที่ปลายจมูกของเขา
“ตาคุณอลันสีสวยจัง นี่ไง... ฉันถึงได้อยากเข้าสมาคมสายฝอ”
“ตาลุงเติ่งบอกว่าคุณไม่ชอบฝรั่ง” เขาแย้งอย่างไม่ชอบใจกับเรื่องสายฝอฝรั่ง ยิ่งเธอทำตาใสตอบราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ คุยกับพ่อ!
“คนบ้านนี้หวงฉันทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครอยากให้ฉันมีแฟนหรอก เวลาแม่ไม่ว่าง ฉันไปนั่งเล่นกับลุง ๆ ป้า ๆ พ่อบ้านแม่บ้าน นั่งกินส้มตำ ดูทีวี พวกเขาอยู่เป็นเพื่อนฉันตลอด”
“แล้วที่ผ่านมาไม่ได้มีเหรอ? แบร์นาร์ดบอกผมมาอีกอย่างนะ คุณเลิก ๆ คบ ๆ สามสี่เดือนละคนน่ะ”
ริมฝีปากงามเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนเม้มเข้าหากันก่อนจะโพล่งว่า “นี่คุณ... เป็นพวกชอบขุดหรือไง ฉันคบไปงั้น ๆ แหละ ผู้ชาย... น่าเบื่อไม่เห็นจะมีอะไร”
“แล้วผมน่าเบื่อหรือเปล่า?”
“คุณอลันน่ะนะ... เลยคำนั้นไปแล้วค่ะ อยู่ในจุดที่แตะต้องไม่ได้ ฮึ่ย...” ว่าด้วยเสียงใหญ่ ๆ ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะแตะริมฝีปากลงบนกลีบปากบางนุ่ม ส่งผ่านความรู้สึกด้วยแรงดูดที่ทำให้เกิดเสียงของการกระทบกันพลันผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาตู่สวยเบิกกว้างตะลึงมองใบหน้าหล่อเหลาที่ผุดรอยยิ้มอยู่ตรงมุมปาก
“คุณ... อลัน... ทำอะไร?”
“ทำไม? ก็คุณเป็นคนบอกเองว่ามาเดท Kiss ของผมถือว่าเกรงใจวัฒนธรรมของคนที่นี่มากแล้วนะ” ที่จริงเขาคงอยากจะจับเธอแลกลิ้นกลืนน้ำลายให้คนมองกันทั้งเรือ! แม้ว่าตรงนี้จะค่อนข้างลับตาผู้คน มีบ้างที่ลูกค้าจะออกมาสูบบุหรี่รับลม แล้วกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
ขณะที่นัชชายังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายจนต้องยกมือขึ้นแตะบนหน้าอกไว้แผ่วเบา... เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนจะหายใจไม่ออกไปเสียอย่างนั้น
“ฉัน... รู้สึกไม่ค่อยดี... มัน เอ่อ... ไม่ดีเท่าไร” ที่ว่าไม่ดีแก้มทั้งสองเหมือนถูกสาดด้วยสีแดง ยังมีความแปลกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเด็กช่างอยากรู้อยากเห็นอยากสัมผัสมันขึ้นมา แต่ก็ยังมีจริตอยู่ประสาผู้หญิงที่ยังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่า
ใช่... เธอไม่ได้เจนจัดเรื่องแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย แค่อ่านมาจากอินเทอร์เน็ตกับได้ยินจากเพื่อนสาวที่มีประสบการณ์นำหน้าเธอไปซะแล้ว
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”