Chapter 14

1972 Words
Chapter 14 ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตามมาเอาเสื้อยืดแบรนด์เนม เธอคงทิ้งมันไปพร้อมกับความทรงจำช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่กี่วัน ช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นเขายังทำตัวเป็นหนุ่มโสดอย่างเคย ในวันหยุดของเขามักไปเที่ยวสังสรรค์กับเจมส์ มาร์คัส ลูกพี่ลูกน้องหรือเพื่อน ๆ บอร์ดี้การ์ด เลขานุการ ด้วยความที่วันพักผ่อนไม่ได้มีกันบ่อย มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ทำ... “ให้หวานไปส่งคุณไหมคะ... You want... to do it tonight...?” น้ำเสียงและแววตาเย้ายวนบอกว่าหญิงสาวต้องการอะไร จากบทรักร้อนแรงของหนุ่มหล่อล่ำขาประจำ มือเรียววางทาบบนเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ขณะที่เขาพิงร่างโงนเงนไว้กับผนัง ในสถานที่ที่มีเสียงอื้ออึง สปอร์ตไลท์หลากสีสะท้อนไปมา โซฟาล้อมรอบผู้คนที่รินเทน้ำสีอำพันลงในแก้ว แสงสีเสียงและเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ได้เกิดรู้สึกวูบวาบหวือหวาหรืออารมณ์ทางเพศ อยากจับใครสักคนกลับไปทำเรื่องเร่าร้อนรุนแรงอย่างเคย “So sleepy...” เบ้ปากว่า เขาแค่อยากจะกลับบ้านนอน ดวงตาคู่คมสีฟ้าครามปรือมองอกอวบอัดภายใต้เดรสสีดำรัดรูปอย่างเฉยเมย ก่อนจะเดินออกจากร้านไปดื้อ ๆ โดยมีลูกครึ่งหนุ่มในชุดเรียบหรูดูดีเดินตามไป สไตล์ของเจมส์คือเสื้อยืด กางเกงยีนสีซีด ยังเจาะหูเจาะจมูกดูวัยรุ่น ต่างจากอลันที่แต่งตัวโก้หรูด้วยเสื้อเชิ้ตราคาแพงไปไหนมาไหน คนน้องเห็นพี่ชายเดินโซเซ เข้าไปตบบ่าแรง ๆ ประสาผู้ชายตัวโต เจมส์ไม่ได้มาดื่มเหล้าในวันนี้แต่มาทำงาน เขาโอบประคองอีกคนที่เดินตัวเอียงไป ทั้งสองความสูงไล่เลี่ยกันด้วยความเป็นชาวยุโรปในสายเลือด “อลัน... นี่แกเข้าวัยทองหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเพราะแมลงวันสเปนทำพิษ มาเที่ยวผับ ไม่พาสาวสักคนกลับไปซั่มเลยเนี่ยนะ?” บ้านแบรดฟอร์ดมักเรียกชื่อกันมากกว่าเรียกพี่เรียกน้อง เพราะพวกเขาไม่ใช่คนไทย แค่พูดภาษาไทยและอาศัยในเมืองไทยมานาน พี่ชายมองตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์ วิสกี้แค่ขวดเดียว อลันคงแค่มึน ๆ “มายุ่งวุ่นวายอะไร เ****นมาก... ไปหาพากลับบ้านเอาสิ” ลูกพี่ลูกน้องญาติคนสนิทอย่างเจมส์ต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นอะไร ด้วยคนที่บ้านยังตามสืบเรื่องแปลก ๆ ของอลัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล “ฉันมาทำงานให้คุณปรเมษฐ์ บอสแกไง มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันไหม... ไป พี่ชาย ฉันไปส่ง” “ควรจะต้องไปส่ง หน้าที่แกเป็นสารถีให้ฉันทุกครั้งไหมล่ะ? เจมส์” คนพี่ส่ายหน้าไปมา พยายามตั้งสติพาตัวเองออกจากร้าน โดยไร้นารีเคียงกายเหมือนทุกครั้ง น้องชายก็แซวไม่เลิกไปจนถึงด้านหน้า เจมส์เป็นคนดูแลผับในย่านธุรกิจ ยังรับงานบอร์ดี้การ์ดเป็นจ้อบไป คงต้องไปส่งพี่ชายก่อนกลับมาทำงานต่อ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาอะไร ด้วยความที่คอนโดมิเนียมของอลันนั้นอยู่ไม่ไกล สปอร์ตคาร์หรูสีแดงแล่นฉลิวไปบนท้องถนนโล่ง การจราจรไม่ติดขัด อลันนึกถึงพี่ชายคนโตสุด ญาติทางฝั่งพี่ชายพ่อเหมือนเจมส์จึงหันไปถาม “มาร์คัส ไม่ชวนเมียมาเที่ยวด้วยกันรึไง? ทำตัวหายหน้าหายตา” “ก็รู้นี่... คนมีครอบครัว มีเมียน่ารัก วัน ๆ อยู่แต่บ้านสุขสันต์ สายปาร์ตี้เหมือนฉันกับแกที่ไหน งานเป็นไงบ้างล่ะ?” คนขับรถถามอย่างเป็นกันเอง ด้วยอายุห่างกันแค่ปีเดียว อลันเป็นเลขาฯ แต่ก็มีงานให้พวกเขาทำอยู่เรื่อย ๆ “ฉันสิต้องถามแกเรื่องนังปิ่นแก้ว... ตกลงยังไง?” สายตาคมวับบอกว่าเขาไม่พอใจหล่อนเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังเผลอเป็นห่วงหญิงสาวอีกคนนอกจากเจ้านายกับเมียเจ้านาย “เผ่นไปฟิลิปปินส์แล้ว ไม่รู้จะกลับมารับหมายศาลไหมนะ เหลือน้องสาวเป็นผู้จัดการห้องอาหารที่เรือซีเพิร์ล บอสแกว่าไงล่ะ ให้ฉันกับเพื่อนไปทักทายนางไหม?” “คนนอกไม่เกี่ยว แกบอกว่างั้น” พวกเขาไม่มีใครทำงานเกินหน้าที่ เจมส์เองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้น ขณะที่จำต้องหยุดรถลงเพราะสัญญาณไฟ มองหน้ามึนตึงของพี่ชายด้วยท่าทางจับผิด “สาวสวยอีกคน... เด็กแกหรือเปล่า? อลัน เห็นออกจากห้องแกปุ้บ ไปนั่งกินกาแฟกับหนุ่มอย่างไวเลยนะ” ชายหนุ่มคงจะสร่างเมาเพราะความโมโห สะบัดศีรษะไปมาแรง ๆ “แกให้คนมาตามฉันด้วยเหรอ?” “ก็เป็นห่วง... พี่ชายนี่หว่า” เจมส์เลิ่กลัก เหยียบคันเร่งจนแทบมิดไปตามถนน ที่คงจะถึงจุดหมายปลายทางแยกหน้า แรงกระแทกหนัก ๆ จากปลายนิ้วเข้าใบหูจนผวายกมือลูบแรง “เชี้ย... ดีดหูกูทำไมเนี่ย?” “พูดจากับพี่ชายให้มันเพราะ ๆ แล้ววันหลังไม่ต้องมาสะเออะตาม รอบหน้ากูจะดีดหำให้” “หยาบคายชิบหาย มิน่า… ไม่มีใครเอา” ทำปากขมุบขมิบด่า เจมส์คงไม่อยากมีเรื่องกับพี่ชายที่คอยเจียดค่าขนมและหางานพิเศษให้น้อง ๆ ทำ “ทำไม ๆ ฮะ… ฮึ่ย!” พิษสุรากับคำสบถหาความหมายไม่ได้ที่ติดมาจากผู้หญิงไร้มารยาททางสังคม ทำให้อลันยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ใบหน้าแดงก่ำขมึงทึงอย่างน่าหวาดกลัว กระโจนกายลงจากรถทันทีที่จอดสนิทดี และก็ถูกน้องชายทิ้งอย่างไม่แยแส คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองกรุงย่านนักธุรกิจ สะดวกปลอดภัย ต่อให้ผู้พักอาศัยจะกลับบ้านดึกดื่นซึ่งเขาก็กลับแบบนี้อยู่เป็นประจำ ร่างสูงย่ำก้าวไปในทางที่ไม่ตรงนัก จนมาถึงล้อบบี้กว้างขวางโอ่อ่าสไตล์โมเดิร์น มีโซฟาตัวยาวสีดำไว้รับรองแขกด้านหน้า “คุณอลัน...” เสียงหวานกังวานพาสัมปชัญญะบางส่วนกลับมา หัวใจเต้นแรงไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าแดงก่ำหันขวับกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เธอก็ลุกขึ้นเดินมาหาเขา “ปริม? ทำไมมาดึกป่านนี้...” นัชชาตั้งใจว่าจะตอบคำถาม ทว่าพอสบดวงตาคู่คมเข้มฉ่ำปรือ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม ร่างบางในเดรสสีขาวสไตล์คุณหนูกระเถิบเข้าใกล้ ทำจมูกฟุดฟิดดมเหมือนหมา “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย คุณเมาเหรอเนี่ย?” “ไม่เมา... แค่มึนตึง” “ว๊าย... มึน ๆ ตึง ๆ เป็นไงอ่ะ กี่นิ้ว...” ข้อมือเล็กที่โบกสะบัดถูกคว้าเข้าหมับ! และคงเป็นเพราะว่าพิษสุรา ในใจของเขาเหมือนถูกคลื่นอารมณ์โทสะระลอกหนึ่งปั่นป่วน “เอ่อ... คือฉันส่งข้อความไปบอกแล้ว คุณตอบว่าโอเค ให้มาตอนห้าทุ่ม” อลันทำหน้ายุ่ง จำไม่ได้ว่าเขาได้ส่งข้อความไปตอนไหน... เว้นแต่ว่าจะมีคนแอบหยิบโทรศัพท์ไป ก็มีแค่คนเดียวที่อยู่ด้วยกันตลอด ไอ้เจมส์! ชายหนุ่มได้สบถด่าอย่างนึกโกรธอยู่ในใจ ยังเป็นห่วงคนตรงหน้า ในมือก็ยังไม่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระแต่ลดลงไว้ใกล้ตัว “มายังไง นั่งแท็กซี่มาเหรอ?” “นั่งแท็กซี่มาสิ แม่ยึดบัตรยึดรถ... ห้องยัยพุดอยู่แถว ๆ นี้น่ะ ฉันก็เลยแวะมา... เอาเสื้อ...” เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หลังไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ได้ หลุบตามองมืออุ่นร้อนอย่างเกร็ง ๆ ขณะที่อีกคนกวาดสายตามองเธอแต่หัวจรดเท้า เดรสสีขาวแขนตุ๊กตาระบายลูกไม้ไล่ไปถึงช่วงไหล่เปลือย เขาหงุดหงิดอย่างหาเหตุผลไม่ได้ “แต่งตัวสวยไปไหนมา?” “ก็มาหาคุณอลันไง เอ้อ... คือไปดูหนังมา อ้าว... มันเรื่องอะไรของคุณเนี่ย?” เสียงแหลมโวยวายโกหก แต่พูดไปก็เท่านั้น ใบหน้าสดสวยตื่นตะลึงมองผู้ชายตัวโตที่ก้าวเดินด้วยขาตัวเองยังไม่ตรง ฉุดลากพาไปตามทางโถงยาว ซึ่งห้องพักของเขาอยู่ชั้นหนึ่งในอีกฝั่งของล้อบบี้ ในเวลาสี่ทุ่มกว่าคงไม่ใช่เวลาเมาหากว่าเขาไม่รีบดื่มรีบกลับบ้าน เพราะแผนการของน้องชายตัวดี ที่พักเงียบสงบเป็นส่วนตัวไม่มีแม้คนเดิน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัว แผ่นหลังกว้างกำยำเป็นล่ำสันสร้างความรู้สึกอบอุ่นใจประหลาด อลันคงไม่ได้เมาอะไรมาก ในเมื่อเขายังหยิบการ์ดออกมาแตะประตูได้ “คือฉัน... คงแวะมาไม่นาน ไม่รบกวนใช่ไหม?” คนอย่างนัชชาไม่ควรมาอึก ๆ อัก ๆ เธอบอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะเบิกตาโพล่งทันทีที่ประตูปิดลงดังแกร๊ก แผ่นหลังบางถูกผลักให้ชิดติดผนังเย็นวาบ ร่างสูงวางทาบฝ่ามือข้างหนึ่งล้อมตัวเธอไว้ ในน้ำเสียงขุ่นเคืองใจ “มาเอาเสื้อ... หรือจะมาเอาอะไร?” “ก็เอาเสื้อสิ... ทำไมล่ะ เสร็จธุระ ฉันก็จะไปละ” เธอจำต้องฝืนพูดขณะเชิดหน้าไว้ แม้ในแววตาเอ่อคลอ คงได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจ เรื่องที่ตั้งใจมาบอกก็ไม่รู้จะได้บอกหรือเปล่า... “ออ... โอเค...! เอาเสื้อ” ในรอยยิ้มหยันบนดวงหน้าแดงก่ำ เขาไม่ลืมว่าเธอมีแฟนแล้ว! และคงจะปรี่ไปหาผู้ชายอีกคนพอก้าวออกจากห้องนี้ กรามแกร่งขบกัดกันแน่นเป็นสันนูนเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ ด้วยสัมปชัญญะที่ยังเหลืออยู่ไม่มาก ร่างสูงตัดใจสะบัดหน้าหนี กระเท้าปึงปังไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มตึง! “คุณอลัน!” เสียงเรียกดัง เร็วพอกับที่วิ่งเข้าไป นั่งยองลงข้าง ๆ ชายร่างกำยำบนพื้น มองไปรอบ ๆ เสื้อเชิ้ตสีดำหลุดลุ่ย ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงอย่างไม่สมเป็นผู้ชายเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว แต่เหมือนไอ้ขี้เมา... “เจ็บไหม? คุณทำบ้าอะไร... หยุดงานแทนที่จะนอน” “ปริม... คุณไม่ควรมา... ตอนผมเมา...” บอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาส่ายดวงตาพร่ามัวมองใบหน้าสดสวยเลือนราง ราวกับว่าอยู่ในความฝัน อลันไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาสะดุดขาโต๊ะล้มไปอย่างโง่ ๆ หรือเปล่า เสียงถอนหายใจหลุดจากริมฝีปากงาม ก่อนจะต่อว่า “วันหลังอย่าเมาเป็นหมาแบบนี้นะ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนชอบ เป็นมนุษย์เนี้ยบ ๆ จุกจิกขี้บ่นยังดูดีซะกว่า ฮึ่ย... มิน่า ไม่มีใครเอา” สิ้นคำดูถูกเหยียดหยาม ชายหนุ่มก็หัวเราะ มือกุมท้องนอนปรือตาที่กะพริบขึ้นลงช้า ๆ หญิงสาวจึงโน้มตัวลงรวบลำคอแกร่ง พยายามออกแรงยกผู้ชายตัวโต ด้วยใจเมตตาตามสัญชาตญาณของผู้ชอบงานช่วยเหลือ “ทำอะไร... ตัวแค่นี้ช่วยไหว?” เขากลั้นเสียงเมาอ้อแอ้ของตัวเองไว้ มือหนายกขึ้นแตะศีรษะน้อยได้ ก็กระตุกเส้นผมเต็มกำมือ ผลักตัวขึ้นคร่อมทับ ทาบร่างโอนเอนลงไป “คนหรือช้างเนี่ย หนัก... โอย... หนัก ๆ” บ่นพลันยันมือบนบ่ากว้างของผู้ชายตัวโตที่ไม่ได้ระวังน้ำหนักตัวเองแม้แต่น้อย ด้วยความมึนตึง จมูกโด่งเป็นสันคมซุกลงบนเส้นผมสีน้ำตาลสยายกระจายบนพื้นปาเก้ สูดเข้าเต็มปอด “หอม... กลิ่นนี้แหละ คิดถึงที่สุด... อา...” เสียงพร่ากระซิบข้างหูอย่างตั้งใจ คนใต้ร่างขนลุกชูชันสะบัดหน้ามองวงหน้าหล่อเหลาเจ้าเล่ห์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD