“เฮือก!”
ร่างของชายสูงวัยที่เธอนั้นแสนคุ้นเคย หอบหายใจแรงขึ้นมาขั้นสุดให้เด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าที่มีแต่รอยยิ้มในคราแรกนั้น ค่อย ๆ ผันเปลี่ยนไป
“คุณพ่อคะ!” เด็กสาววัยเพียงเจ็ดปีที่ยังไม่รู้เรื่องราวเริ่มน้ำตาไหลนองอาบแก้มขึ้นมาทั้งสองข้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เธอยกมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองขึ้นมาจ้องมองมันทั้งดวงตาที่พร่าเบลอ เสื้อผ้าชุดนักเรียนสีขาวสะอาดถูกแต่งแต้มไปด้วยคราบเลือดเป็นวงใหญ่
ก่อนที่รอยยิ้มสุดท้ายของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดจะยกยิ้มให้กับเธอจนเต็มใบ และภาพสุดท้ายที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอนั้น...คือเขาล้มคอพับไปโดยที่มือก็ยังคงแตะค้างอยู่ที่ศีรษะของเธออย่างสุดรักและสุดหวงแหนลูกสาวเพียงคนเดียวเฉกเช่นเธอ...
“คุณพ่อคะ! คุณพ่อ!”
‘คุณพ่อ!’
“เฮือก!” เหนือฟ้าสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวพร้อมทั้งเหงื่อไคลที่ท่วมท้นทั่วร่างกายราวกับคนไปวิ่งแข่งโอลิมปิก
เธอหันมองไปรอบ ๆ ก่อนจะต้องยกมือทาบอกเมื่อพบว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล และเป็นห้องพักของเธอเอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันเกี่ยวกับเรื่องนี้...
แต่มันเป็นเรื่องราวเพียงสิ่งเดียวที่ตามหลอกหลอนตัวของเธอมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งเธอเติบใหญ่
มือบางเล็กของเธอที่เปื้อนเลือดในวันนั้นเธอยังจำมันได้ดีไม่เคยลืม...และเธอก็จำได้ด้วยอีกว่าตัวเองนั้นเป็นคนคร่าชีวิตผู้ให้กำเนิด...ด้วยมือบางของเธอคู่นี้นี่เอง
ก๊อก ๆ
“เชิญค่ะ” เธอตอบรับก่อนที่ร่างของนางพยาบาลที่แสนคุ้นเคยอย่างนับพิมจะเดินเข้ามา
พอดีกับที่คุณหมอร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงนอนและเดินตรงกลับไปที่ตู้เสื้อผ้า หางตาของเธอมองเหล่ไปที่นาฬิกา ก่อนจะหันมองหน้าของนับพิมที่ก้มหน้าอย่างรู้ความผิด
“ตื่นแล้วเหรอคะ...”
“ทำไมคุณนับพิมถึงไม่ปลุกฉันคะ!” เธอต่อว่าอย่างไม่ได้จริงจังนักเพราะรู้ดีว่าเจ้าหล่อนคงเป็นห่วงที่เธอพักผ่อนน้อยติดต่อกันมาหลายวัน
ส่วนหนึ่งเธอก็ผิดเองด้วยแหละที่เผลอนอนหลับยาวจนกระทั่งสายเอาป่านนี้แล้ว
ท้องฟ้าส่องสว่างเป็นสีฟ้าสดใสบ่งบอกถึงเวลากลางวัน ส่วนขอบตาที่ดำคล้ำของคุณพยาบาลไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงยังไม่ลงเวรและยังไม่ได้พักผ่อนเฉกเช่นเดียวกัน
“ก็เห็นคุณหมอหลับสบายเลยนี่คะ...” นับพิมหัวเราะแฮะ ๆ อย่างรู้ความผิด “แล้วก็ทานอาหารตรงนั้นก่อนนะคะอ้อ! เมื่อคืน...”
“จัดห้องผ่าตัดให้ฉันเลยค่ะ...คนไข้คนนี้ต้องผ่าตัดแล้ว” คุณหมอคนสวยรีบพูดเอ่ยดักออกมาก่อน
เพราะเธอรู้ว่าคุณนับพิมคงจะบังคับให้เธอทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนเป็นแน่ ข้าวน่ะเธอทานแน่อยู่แล้ว...แต่ต้องเป็นหลังจากที่คนไข้คนนี้พ้นขีดอันตรายก่อนน่ะนะ
“คุณหมอจะไม่ทาน...”
“ฉันขอเวลาเตรียมตัวสิบนาทีค่ะ...แล้วเจอกันที่ห้องผ่าตัดนะคะ”
.
.
ผ่านไปกว่าชั่วโมงแล้วที่ร่างสูงสง่าของคุณหมอคนสวยจะยังอยู่ในห้องผ่าตัด และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะหลุดพ้นออกไปจากห้องนี้ได้ง่าย ๆ เนื่องจากสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้นั้นไม่มีผิดเพี้ยน
นึกอยากจะโทษคนไข้อยู่หรอกที่รู้ตัวตั้งนานแล้วแต่ก็ยังคงเมินเฉยไม่ยอมมาพบหมอก่อนที่เนื้อร้ายมันจะเรื้อรัง แต่ใจหนึ่งเธอก็เข้าใจดีว่าคนเราเองก็ย่อมกลัวอยู่แล้ว
ถ้าเกิดว่าเขามาในตอนนั้นและพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายเช่นนี้คงเกิดความตึงเครียด...แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองทรมานจนเกือบที่จะสายไปขนาดนี้
ความตายมันน่ากลัวเธอรู้ดี...
.
.
“ฝากจัดการที่เหลือต่อด้วยนะคะ”
“รับทราบค่ะคุณหมอ...” ก่อนที่คุณพยาบาลสาวจะไปจัดการที่เหลือต่อหลังจากที่การผ่าตัดนั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
คุณหมอเดินกลับมายังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการล้างไม้ล้างมือของตัวเองที่เปื้อนไปด้วยเลือดเต็มทั้งสองมือ
ภาพความทรงจำในวันวานย้อนคืนกลับมาหลอกหลอนกันอีกแล้ว...แต่เธอก็โตเกินกว่าจะกลับไปบ้าคลั่งดั่งเช่นวันวาน
ตอนนี้เธอจึงทำเพียงแค่ล้างไม้ล้างมือของตัวเองให้สะอาดและเดินกลับไปบอกข่าวดีกับญาติของคนไข้ที่ยืนรออยู่หลังประตูบานนั้น...
“ได้พักสักทีนะ...” เหนือฟ้าพูดออกมาบางเบาหลังจากที่ตัวเองทิ้งตัวลงกับพนักเก้าอี้ภายในห้องพัก
ในที่สุดเรื่องวุ่น ๆ ของเธอก็จบลงเสียที ตอนนี้เธอคงได้พักกายบ้างหลังจากที่อดหลับอดนอนเพราะอุบัติเหตุติดต่อกันมาหลายวัน
อีกใจหนึ่งก็เกิดคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไม่เจอกันหลายวันแบบนี้หล่อนจะคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า?
เกิดคำถามขึ้นมาให้เธอเผลอยกยิ้มขึ้นมาบางเบา ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปที่ตู้เสื้อผ้าและลงมือเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาอย่างเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง
ยืนถกเถียงกับตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะคิดตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าก่อน และรอให้เย็นย่ำค่ำกว่านี้ค่อยไปหาหล่อนที่คลับก็ยังไม่สาย...
“คุณหมอคะ...”
“ว่าอย่างไรคะคุณนับพิม” คุณหมอชะโงกหน้าไปหาพยาบาลสาวที่เดินเข้าออกห้องของเธอจนชินชาไปเสียแล้ว
“จะกลับไปพักเลยใช่ไหมคะ? พรุ่งนี้วันหยุดคุณหมอนี่น่า”
“คงอย่างนั้นแหละค่ะ...คุณนับพิมเองก็กลับไปพักบ้างนะคะ” เธอยกยิ้มให้กับพยาบาลคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“จะรีบกลับไปหาแฟนหรือเปล่าคะ?” คำถามของเจ้าหล่อน ทำเอาคนที่กำลังเร่งรีบนั้นหยุดชะงัก
“แฟน?”
“ไม่ต้องมาไขสือเลยค่ะ...เมื่อคืนเธอก็มาหาคุณหมอด้วยนะคะ”
“อะไรนะคะ?” เหนือฟ้ายิ่งงงหนัก เธอไปมีแฟนตอนไหน แล้วใครกันที่มาหาเธอ “เอ่อ...เขาได้บอกชื่อไหมคะ?”
“แหม ๆ จะมาทดสอบความจำฉันเหรอคะคุณหมอ” นับพิมยกยิ้มและทำดวงตาประกายขึ้นมา “ก็คุณดาวเหนือไงคะ...เมื่อคืนเธอมาเฝ้าคุณหมอจนถึงเช้าเลยนะ”
.
.
ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบไปตามทางเดินที่ตัวเองนั้นแสนจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก่อนจะพยายามเปิดประตูบานใหญ่บานนั้นที่ถูกปิดเอาไว้อยู่
แน่นอนว่าเวลาหัววันแบบนี้ไม่มีคลับบ้านไหนเขาเปิดให้เธอเข้าไปหรอก...แต่เพราะว่าความคั่งค้างที่อยู่ในหัวใจจากคำบอกเล่าของคุณพยาบาล เธอจึงรอไม่ได้...และต้องการคำตอบจากปากของเจ้าหล่อนคนนั้นให้เร็วที่สุดก่อนที่ตัวของเธอจะอกแตกตายเสียก่อน!
“บ้าจริง!” เพราะการเปิดประตูบานใหญ่นั้นของเธอไม่เป็นผล คุณหมอร่างสูงเลยมาทิ้งตัวลงที่โซฟาที่ตั้งอยู่ทางด้านนอกและยกมือกุมขมับอย่างใช้ความคิด
เบอร์ติดต่อ ที่อยู่ เธอไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับหล่อนเลยสักนิด ที่รู้และพอจะมาหาได้ก็มีแต่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีใครอยู่
และเธอก็กำลังจะคลั่งตายเพราะคน ๆ เดียวอยู่แล้ว!
“คุณเหนือฟ้า...” ร่างสูงหันมองตามเสียงเรียกทันทีอย่างมีความหวัง
ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะปรากฏขึ้นมาในทันใดเมื่อมองเห็นร่างสวยงามของคนที่เธอกำลังเฝ้าคนึงหาปรากฏอยู่ตรงหน้ากัน
“มาทำไมเช้าเอาป่านนี้คะ?” เจ้าหล่อนเอ่ยถามก่อนจะยกยิ้มให้คุณหมออย่างที่มักทำเสมอ
วันนี้เขาอยู่ในชุดสบาย ๆ อย่างเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาขาด รองเท้าผ้าใบสีขาวที่เปรอะเปื้อนนิดหน่อยไม่ได้ทำให้เขาดูดีน้อยลงเลย
“คุณดาวเหนือ...” เหนือฟ้าลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีอย่างคนไร้ซึ่งสติ
เธอเข้าไปประชิดตัวของหล่อนก่อนจะโอบกอดเอาไว้เต็มแรงอย่างสุดคิดถึง
“คิดถึงคุณจนทนไม่ไหวแล้ว...” เหนือฟ้าเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด
และเธอก็ซุกหน้าเข้ากับกลุ่มผมของหล่อนและสูดดมความหอมหวานเสียเต็มรัก กลิ่นน้ำหอมที่แสนคุ้นเคยนี้มันทำให้เธอแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป
“ไปคุยกันข้างในไหมคะ?”
โซนด้านในที่ยังไม่เปิดบริการในช่วงเวลานี้นั้นช่างเงียบสงบ เจ้าหล่อนขอตัวเดินไปเปิดแอร์และจะไปหาเครื่องดื่มมาให้อย่างอาสา ซึ่งเธอก็ยอมให้เจ้าหล่อนไปแต่โดยดีแม้จะไม่อยากห่างเลยสักเสี้ยววินาทีก็ตาม
“กาแฟดีกว่านะคะ...ดื่มแอลกอฮอล์ตอนนี้คงไม่เหมาะ” เสียงหวานละมุนนั้นส่งมอบมาให้กันก่อนที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
เธอเผลอมองคนที่หย่อนก้นนั่งลงห่างกันอย่างขัดใจก่อนที่จะเผลอผินหน้าหนีให้คุณคนสวยหัวเราะออกมาบางเบา
“ทำท่าทางอย่างนั้นหมายความว่าอย่างไรคะ?” ดาวเหนือหัวเราะให้กับท่าทางเหมือนกับเด็ก ๆ ของคนตรงหน้าอย่างขบขัน
และการบึนปากแบบนั้นอีก...แน่ใจหรือเปล่าว่าอายุอานามเข้าเลขสามแล้ว
ไร้เสียงตอบรับของคนตรงข้าม แต่เขากลับยันตัวลุกขึ้นและเดินอ้อมมานั่งลงเคียงข้างของเธอแทน
“คุณดาวเหนือ...คุณไปหาฉันมาเหรอคะ?” ตัวเขาออดอ้อนซุกหน้าลงที่ไหล่เล็กของเธอก่อนจะถูไปมาอย่างหยอกเย้า
และเธอก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถามและเบี่ยงเบนไปยกชาที่อยู่บนโต๊ะนั้นขึ้นจิบแทนอย่างรอฟัง
“ทำไมไม่ปลุกฉันคะ...ฉันอยากพบเจอคุณจนแทบบ้า”
ประโยคถัดมาของเขากลับพูดอยู่ที่ข้างหูของเธอแผ่วเบา เจ้าตัวซุกหน้าลงกับซอกคอของเธอและสูดดมความหอมหวานให้ดาวเหนือได้เพียงแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติง
“ฉันต้องการคุณเหลือเกินค่ะ...” เหนือฟ้าเอ่ยบอกราวกับคนไร้ซึ่งสติ
มือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่สุข ปัดป่ายไปมาลูบขาอ่อนของดาวเหนือจนขนลุกชัน แต่เธอยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงใด ๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนหรือปฏิเสธ
“ฉันคิดถึงคุณ...” ประโยคถัดมาของเหนือฟ้าก็ยังคงพูดเสียงแหบพร่าอยู่ที่ข้างหูของเธออย่างหยอกเย้า
เขากดริมฝีปากไปขบเม้มมันบางเบาให้เธอเกิดความรู้สึกวาบหวามขึ้นมากับรสสัมผัส
ดาวเหนือหันไปเผชิญหน้าก่อนที่เธอจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของเขาอีกครั้งให้คนที่กำลังหลงละเมอได้สติขึ้นมา
“ฉันมีอะไรอยากถามคุณก่อนค่ะ” เธอเอ่ยบอกทั้งมือก็ยังลูบไล้ไปมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเขาอย่างหลงใหล
แม้ใบหน้าของเขาจะหมองลงอย่างคนไม่ได้รับการพักผ่อน แต่ระยะใกล้ขนาดนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่าเขาดูดีน้อยลงเลย กลับกัน...ใบหน้าของเขายามไร้เครื่องสำอางมันช่างดูน่ารักน่ามองกว่าเป็นไหน ๆ
“ว่าอย่างไรคะ?” เหนือฟ้าเอ่ยตอบ ก่อนที่เธอจะงับนิ้วชี้ของคนตรงหน้าเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ
“คุณต้องการฉันใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ...ฉันต้องการคุณ” เหนือฟ้ารีบบอกทันท้วงทีอย่างที่ใจคิด...ตัวเธอต้องการหล่อนจะแย่อยู่แล้ว
หล่อนไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเธอเลย...นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบเจอกัน...และสัมผัสแผ่วเบาจากปลายนิ้วชี้ของเธอยังคงนุ่มละมุนเหมือนเช่นเคย
“แล้วคุณต้องการฉันเพียงแค่ตอนนี้...หรือต้องการฉันตลอดไปคะ?”
“…”
เพราะเจ้าตัวนิ่งเงียบไป ไม่กระตือรือร้นเหมือนก่อนหน้า ดาวเหนือจึงขยับตัวออกจากเขาเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง
“ไปคิดคำตอบของคุณมาให้ดี ๆ นะคะ” เธอลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจะเดินจากออกไป “ถ้าหากคำตอบของคุณถูกใจ เรื่องอื่นของเรา...ค่อยมาว่ากันทีหลัง”