ขอเพียงแค่
ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงดังของเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นดังเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงหัวใจของคนทั้งห้องที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้...
ไม่เว้นแม้แต่หัวใจของคุณหมอผ่าตัดร่างสูงโปร่งที่กำลังเหงื่อไหลซึมทั่วทั้งใบหน้า จนนางพยาบาลที่ยืนอยู่เคียงข้างต้องคอยยกกระดาษชำระแสนสะอาดขึ้นมาเช็ดเหงื่อไคลให้อย่างรู้ในหน้าที่ของตน
มีดที่กรีดลงไปที่เนื้อหนังภายในของคนที่นอนหมดสติจากฤทธิ์ของยานอนหลับนั้นคงไม่รู้เรื่องราวว่ากำลังทำให้ใครต่างหวั่นใจกันเพียงไหน
ร่างสูงสง่าของคุณหมอผ่าตัดมือดีอันดับหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนที่ใคร ๆ ต่างก็หมายปองอยากเข้ารับการรักษาด้วยชื่อเสียงลือชาว่ามือเทพสามารถรักษาได้ราวกับมีพรประทานนั้น...กำลังหวาดหวั่นกับคนไข้ตรงหน้าที่มีอาการช็อกและหมดสติไปเนื่องจากไม่ยอมรับการผ่าตัดในทันที
และเธอเองก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น...เธอไม่อยากให้ใครต้องมาจากไป เพราะการรักษาที่ไม่ประสบความสำเร็จ...ที่เกิดขึ้นมาจากตัวของเธอ
เธอไม่ชอบการจากลา ไม่ชอบการหายจาก...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
แกร๊ง!
เครื่องมือเหล็กที่เป็นมีดผ่าตัดใบเล็กนั้นถูกวางกระแทกอย่างรุนแรงลงกับที่วางของมันด้วยความโล่งใจ
คุณหมอคนสวยหันไปพยักหน้าให้กับพยาบาลสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอมาร่วมสองชั่วโมงกว่า ก่อนที่เจ้าหล่อนจะรู้หน้าที่และพยักหน้ารับอย่างที่เข้าใจดีว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
จุดมุ่งหมายต่อไปของเธอคือหลังประตูบานนั้น...
เธอรับรู้ได้ถึงสีหน้าของเหล่าญาติ ๆ ที่คงจะมายืนรอลุ้นให้กำลังใจอยู่ว่าคนที่เธอลงมือผ่าตัดผลนั้นเป็นอย่างไร
และเธอก็ยินดีเสมอหากสิ่งที่เธอพูดออกไปจะทำให้คนที่ได้ยินมันนั้นน้ำตาไหลพราก...
น้ำตาแห่งความดีใจมันน่ายินดีเสมอ...เธอดีใจกับพวกเขาจริง ๆ ที่ไม่ต้องเสียน้ำตาเพราะความทรมานที่ใครคนหนึ่งต้องจากไป
เหมือนกับตัวเธอนั้นที่ไม่มีวันย้อนวันวานกลับไปดั่งวันที่แสนทรมานนั้นได้อีกแล้ว
“ฮึก...คุณหมอ สามีดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ?” คนสูงวัยที่ใบหน้ามีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัยนั้นพุ่งตัวเข้าใส่ร่างของเธอในทันที
คุณหมอร่างสูงที่รับรู้อยู่แล้วว่าจะถูกถามคำถามเช่นไรก็ยกยิ้มส่งกลับไปให้คนอีกสามถึงสี่ชีวิตที่ยืนรอฟังไม่ต่างกันนั้นเริ่มผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ...หมอจะย้ายกลับไปที่ห้องตามเดิมนะคะ”
“ฮึก...ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ...ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ” ก่อนที่ร่างของคนสูงวัยนั้นจะร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงอีกครั้งเพราะความปลื้มใจ
พาให้เธอเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยหัวใจที่แสนจะพองโต เพราะเธอสามารถช่วยชีวิตใครอีกคนหนึ่งได้อีกครั้ง...นี่แหละคือสิ่งที่เธอนั้นชื่นชอบมันเสมอ
“สมแล้วที่ได้ฉายาว่ามือเทพ...ขอให้เจริญ ๆ นะคะคุณหมอ” ไม่วายมีเสียงเอ่ยชมไล่หลังมาให้เธอต้องหันกลับไปยกยิ้มอีกครั้ง
ไม่จริงหรอก...เธอไม่ได้น่าชื่นชมยกยอเหมือนกับที่ใคร ๆ ต่างก็พูดจายกยอเธอกันจริง ๆ หรอก
มือของเธอนั้นมันราวกับปีศาจร้าย...ที่คร่าชีวิตของผู้ให้กำเนิดด้วยมือบางของเธอคู่นี้นี่เอง...
.
.
เสียงดังกระหึ่มของดนตรีนั้นไม่ได้เข้ามากระทบที่โสตประสาทของคุณหมอมือดีอันดับหนึ่งเลยแม้แต่น้อย
เธอยังคงยกเครื่องดื่มสีสวยอย่าง ชองดองโรเซ่ (Chandon Rose) เข้าปากอย่างไม่ยี่ระ สายตาของผู้คนที่เริ่มแทะโลมเพราะใบหน้าสวยสง่าที่แสนดึงดูดนั้น...ไม่ได้ทำให้สมาธิในการดื่มของเธอนั้นถดถอยลงเลย
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษค่ะ...ฉันชอบที่จะเป็นฝ่ายรุกมากกว่า...”
“อะไรนะครับ?”
“ยังไม่ชัดเหรอคะ? ว่าฉันชอบเป็นผัว” รอยยิ้มเหยียดร้ายอย่างเสแสร้งโดยที่ไม่สบสายตากันนั้นทำเอาชายหนุ่มใจกล้าถึงกับหน้าเจื่อนลง
เขาผงกหัวให้เธอเป็นเชิงขอโทษ ก่อนจะล่าถอยกลับไปโดยมีเสียงโห่ไล่หลังมาให้เธอเผลอยกยิ้มอย่างระคนสมเพช
สายตาคมสวยมีเสน่ห์สอดส่องและมองหาเหยื่อในค่ำคืนนี้อย่างที่มักทำเป็นประจำเสมอ
สาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่กำลังจ้องเธอตาเป็นมันต่างก็ขยับเนื้อตัวอย่างที่รู้ว่ากำลังถูกมองและทำตัวให้น่าสนใจเพราะอยากจะเป็นใครคนนั้น...
ซึ่งเธอก็ทำเพียงแต่เค้นหัวเราะอยู่ในใจอย่างนึกขัน มือก็ยังไม่วายยกเครื่องดื่มให้ไหลผ่านลำคออย่างช่ำชองไม่มีเมามาย
หากคืนนี้ไม่ได้ที่ถูกใจก็คงจะต้องซื้อกิน...เหมือนเช่นวันวานก็เพียงเท่านั้น
ภาพลักษณ์ของคุณหมอผู้แสนดีถูกผลันเปลี่ยนให้หายไปราวกับเป็นคนละคน เสื้อเชิ้ตตัวแพงที่อยู่บนเรือนร่างทั้งกลางวันและกลางคืนกลับดูผิดแปลกเมื่อมันมาอยู่บนตัวของเธอในยามค่ำคืนนี้
หากคนไข้หรือนางพยาบาลมาพบเห็นเข้าคงไม่เชื่อสายตาเป็นแน่...ว่าสายตาของเธอที่เคยยินดีกับญาติของคนไข้อยู่เสมอเมื่อการผ่าตัดออกมาสำเร็จ...กำลังสอดส่องและมองหาราคะอย่างตัณหาราวกับแววตาอบอุ่นเมื่อกลางวันนั้นมันไม่มีอยู่จริง
“วันนี้ไม่มีใครถูกใจแหะ...” เสียงพึมพำราวกับคนบ่นกับตัวเองดังออกมาจากปากสวยแผ่วเบาอย่างไม่ยี่ระอีกครั้ง
ร่างสูงสง่าที่ใคร ๆ ต่างก็หมายปองลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโชว์ความสง่า
กางเกงสแล็คสีดำสนิทรับกับรองเท้าหนังยี่ดังอย่างหลุยส์ วิตตองเสริมสร้างความดูดีของเธอให้น่ามองราวกับเทพบนสรวงสวรรค์
จังหวะการโน้มตัวลงไปหยิบเสื้อสูทที่ถูกวางอย่างไร้ค่าอยู่ข้างกาย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบกับผู้หญิงผมสีน้ำตาลโต๊ะเคียงข้าง
เธอคงไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเหมือนกับถูกความสวยสง่าของเธอเข้าครอบงำ สติเลือนหายไปพร้อมกับศีรษะที่หันมองตามจนคอแทบเคร็ดนั้น...ทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกราวกับตัวเองอยู่บนสรวงสวรรค์กับเหล่าเทพเจ้าความงามก็มิปาน
แม้กระทั่งน้ำหอมราคาแพงกลิ่นคุ้นจมูกที่อยู่บนเรือนร่างของเธอ ก็ยิ่งทำให้เสน่ห์ของเธอมีมากเป็นเท่าตัวจนใครต่อใครก็ต่างหันมองตามอย่างแสนเสียดาย...ที่ลูกค้าขาประจำของร้านอย่างเธอนั้นไม่แวะทักทายกัน
ความคิดที่ว่าได้เป็นเพียงคนชั่วคราวเพียงข้ามคืนของเธอนั้นก็ยังดีนั้นมีอยู่จริง...เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้นิสัยของเจ้าตัวดีว่าเธอนั้นไม่ชอบผูกมัดกับใคร...และไม่มีใครหน้าไหนที่จะได้แตะเนื้อต้องตัวของเธออีกเป็นครั้งที่สอง...
ส้นเท้าหนักย่างก้าวอย่างเป็นจังหวะไปตามทางเดินที่ตัวเธอนั้นแสนคุ้นเคย
ช่องทางที่มีแต่ลูกค้า VIP เท่านั้นที่จะย่างกายเข้าไปได้กำลังถูกจับจองทางเดินด้วยร่างสูงสง่า
เหล่าพนักงานในชุดยูนิฟอร์มที่เดินผ่านนั้นต่างก็ก้มหัวโค้งคำนับให้กับลูกค้าประจำเช่นตัวของเธอ
ก่อนที่ประตูสุดหรูสีแดงสง่านั้นจะถูกเปิดออก ปรากฏให้เห็นแหล่งกามอารมณ์ที่ไม่มีใครสนว่าใครเป็นใครนั้นกำลังมัวเมากับน้ำกาม
ชายสูงวัยมากหน้าหลายตาที่ต่างมีตำแหน่งทางการเมืองหรือเป็นถึงนักการทูตกำลังยิ้มร่ากับสัมผัสที่พวกเขาได้รับ
หน้าอกหน้าใจหรือแม้กระทั่งส่วนหวงแหนนั้นประจักษ์แก่สายตาโดยที่ไม่มีความเขินอายใด ๆ นั้นเธอเห็นมันจนชินชา
ก่อนที่สองเท้าจะก้าวเดินไปด้านหน้าเพื่อไปสนองตัณหาของตนเองไม่ต่างอะไรจากผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้
“คุณหมอ...คุณหมอมาแล้วเหรอคะ?” สาวสวยใบหน้าจัดเต็มเดินเข้ามาหาเธอด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น
แม้เขาจะเคยบอกกับหล่อนหลายต่อหลายครั้งว่าไม่ต้องการจะมีสัมพันธ์กับหล่อนซ้ำสอง...แต่สัมผัสของคุณเขาที่โอบกอดหล่อนอยู่ตลอดคืนนั้นมันทำให้หล่อนลืมไม่ลงและต้องการจะมีครั้งต่อไป
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว...”
“แต่สัมผัสของคุณหมอทำให้พริ้งลืมไม่ลงนี่คะ...” เจ้าหล่อนพยายามเข้ามาออดอ้อน แต่แววตาเบื่อหน่ายของเธอนั้นก็ฉายชัด “ทำหน้าเบื่อพริ้งอีกแล้วนะคะ!”
“ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำ ๆ”
เจ้าหล่อนจิ๊ปากก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปอย่างขัดใจ แต่หากเขากลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่...พริ้งก็ไม่เคยเบื่อเลยที่จะเข้ามาได้ยินเสียงสุขุมและนุ่มลึกของคน ๆ นี้
ที่ครั้งหนึ่งเคยครางต่ำอย่างสุขสมอยู่เคียงข้างเธอ
เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้งเพื่อหาเป้าหมาย
วันนี้ดูเหมือนจะมีเด็กใหม่ที่ไม่คุ้นตาเข้ามาอยู่หลายคน...แต่ก็ยังไม่มีใครคนไหนที่เข้าตาและถูกใจเหมือนกับที่เธอนั้นต้องการ
ร่างสูงสง่ายกเครื่องดื่มสีสวยที่ถือติดมือมาด้วยก่อนหน้านั้นยกขึ้นดื่มมันอีกครั้ง
ก่อนที่สายตาคมสวยจะไปสะดุดกับร่างขาวสะอาดของใครบางคนที่นั่งเยื้องกันกับเธอ
เดรสสีขาวสะอาดราวกับเทพีนั้นช่างดึงดูดสายตาให้เธอเผลอยกยิ้ม เจ้าหล่อนหันมาสบตากับเธอก่อนจะยกแก้วไวน์แดงขึ้นมาทักทายกัน
คนรีบร้อนไม่รอช้าที่จะยกเครื่องดื่มตอบกลับ...ก่อนที่ร่างสง่าจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงอีกครั้งเมื่อพบเป้าหมายที่ตัวเธอนั้นสุดแสนจะถูกใจ
ยิ่งเดินเข้าใกล้มากเท่าไหร่รัศมีออร่าความสง่าของเจ้าหล่อนก็ยิ่งพุ่งทยานขึ้นสูงอย่างสง่างาม
เรียวหน้าสวยกับดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอไม่วางตาเหมือนกับเป็นการเชื้อเชิญนั้น....ยิ่งทำให้คนที่กำลังเข้าหานั้นเกิดได้ใจ
“สวัสดีค่ะ...” เธอนั่งลงเคียงข้างและเบียดชิดเข้าหาในทันทีอย่างไม่รีรอ
สายตาเลื่อนลงไปที่กลางอกก่อนจะพบป้ายชื่อของเจ้าหล่อนติดสอยห้อยอยู่ให้เธอเผลอยกยิ้ม
“ไม่ทราบว่าน้องน้ำฟ้า...คืนนี้จะเอาเท่าไหร่คะ?”
มือหนาของคุณหมอมือดีเลื่อนไปม้วนผมสีน้ำตาลอ่อนของคนตรงหน้าเล่นอย่างถูกใจ ศีรษะโน้มเข้าหาซอกคอหอมกรุ่นและสูดดมความหอมหวานอย่างไม่รีรอในคำตอบของคนตรงหน้า
เจ้าหล่อนคนนี้นั้นช่างหอมหวานและถูกใจ หล่อนคือผู้หญิงในอุดมคติของเธอทุกประการ...ต่อให้ต้องจ่ายแพงแค่ไหนเธอก็จะยอมควักจ่ายอย่างไม่ลังเล
“หึ!” เจ้าหล่อนหัวเราะขึ้นมาในลำคอให้คนที่กำลังหลงละเมอกับกลิ่นน้ำหอมแสนหวานนั้นหยุดชะงัก
ดวงหน้าคมสวยเงยขึ้นสบดวงตาของคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย กลับกลายเป็นสร้างเสียงหัวเราะให้กับเจ้าหล่อนมากขึ้นไปอีก
“คุณคงเข้าใจอะไรผิดไปไหมคะ?”
“…” เธอยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงเพื่อมองดวงหน้าสวยของเจ้าหล่อนที่กำลังเอื้อนเอ่ย
“ฉันมาซื้อ...ไม่ได้มาขาย แล้วฉันก็มีเด็ก...”
“เปลี่ยนมาเป็นฉันแทนไหมคะ?”
“ว่าไงนะคะ?”
“ฉันยินดีจะยอมเป็นคนขายให้คุณสักวัน...ค่าตัวของฉันขอเป็นรสจูบจากริมฝีปากของคุณเท่านั้นก็เพียงพอ”