เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นบุรุษเรียบร้อย เจี่ยงหร่านก็เดินลงมาจากรถม้าพร้อมกับเยว่ซิน ในมือของนางมีพัดอันหนึ่ง หญิงสาวสะบัดพัดกางออก พร้อมกับโบกพัดไปมา ท่าทางราวกับคุณชายเสเพลที่กำลังมาหาความสำราญยังเหลาสุราอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเดินเข้ามาในเหลาสุราจิ๋นฮวาก็มีคนมาต้องรับนาง เป็นเด็กหนุ่มท่าทางนอบน้อมผู้หนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ เด็กหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านพลางค้อมคำนับ
"ข้าน้อยไม่เคยเห็นหน้าคุณชายมาก่อนเลย ท่านคงเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงใช่หรือไม่"
เจี่ยงหร่านพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะสอบถาม
"เหลาสุราของเจ้ามีสุราชั้นดีอันใดบ้างเอามาให้ข้าลองดื่มหน่อย ขอสุราที่แรงที่สุด"
ชายหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านอย่างอึ้งงัน สุราที่แรงที่สุดเช่นนั้นหรือ
เดิมทีเหลาสุราจิ๋นฮวามีสุราที่แรงที่สุดอยู่แล้ว เป็นสูตรลับเฉพาะที่ซื่อจื่อทำขึ้นมา โดยมีข้อแม้ว่าหากผู้ใดดื่มแล้วไม่เมาจะได้ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัล เขาใคร่ครวญในใจก็คาดเดาได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะมาท้าประลองหวังเงินกระมัง เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยิ้มแย้มพลางตอบรับคำ
"ขอห้องชั้นบน เอาที่เห็นเมืองหลวงชัดๆ"
"เชิญทางนี้ขอรับ"
หนุ่มน้อยพูดจบก็ผายมือเชิญเจี่ยงหร่านให้ขึ้นไปข้างบน เมื่อมาถึงก็บอกให้นางนั่งรอสักครู่ เขาจะไปเตรียมสุรามาให้ เมื่อเจี่ยงหร่านเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างพลางเหม่อมองดูรอบๆ บริเวณ
เมืองหลวงแคว้นฟงหลิงนับว่าคึกคักครื้นเครงมาก ผู้คนก็ดูจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข เมื่อมองไปจนสุดสายตาจะเห็นภูเขาหลายลูกซ้อนทับกัน ยามนี้ทิวทัศน์ของแคว้นฟงหลิงได้บดบังแคว้นซ่งจากสายตาของนางไปแล้ว
เมื่อคิดถึงแคว้นซ่ง นางก็หวนคะนึงถึงตระกูลเจี่ยงขึ้นมา เพราะนางทำให้คนตระกูลเจี่ยงตายโดยไร้ที่กลบฝัง ดวงตาของนางก็แดงเรื่อขึ้นมาโดยฉับพลัน เจี่ยงหร่านพยายามระงับความปวดร้าวในจิตใจ ยามนี้นางเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
นางไม่มีกำลังทหารในมือเหมือนเช่นกาลก่อนอีกแล้ว ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการให้ใครไปออกรบทำสงครามกับฉู่อี้เฉิน
ยามนี้นางทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปจนถึงเมื่อใดจึงจะหาทางออกได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจี่ยงหร่านก็ถอนหายใจออกมา ด้านเยว่ซินที่เดินตามเข้ามาก็เอ่ยด้วยความไม่สบายใจ
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่น่าเข้ามาที่นี่เลย ปกติแล้วสตรีจะไปโรงน้ำชา ฟังบทละครงิ้ว ไปร้านเครื่องประทินโฉม น้อยนักที่จะมีสตรีมาที่เหลาสุรา อีกทั้งร่างกายของท่านก็เพิ่งจะหายดี หากนายท่านรู้ว่าบ่าวพาท่านมาที่นี่ ต้องถูกลงโทษเป็นแน่เจ้าค่ะ"
เจี่ยงหร่านได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้เยว่ซิน ก่อนจะยิื่นมือไปขยี้ศีรษะสาวน้อยอย่างเอ็นดู
"อย่ากังวลไปเลย มีข้าอยู่ไม่มีผู้ใดกล้ามารังแกเจ้าหรอกน่า"
เย่วซินขมวดคิ้วน้อยๆ ท่าทีการพูดจาของคุณหนูของนางดูโตเกินอายุต่างไปจากเดิมอยู่มาก
ส่วนเจี่ยงหร่านเองก็มิได้ใส่ใจอะไรนัก แม้ร่างนี้จะอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่ชีวิตเดิมของนางนั้นปีนี้มีอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว
เดิมทีนางควรจะได้เข้าพิธีวิวาห์ เป็นภรรยาและเป็นมารดาที่คอยอบรมเลี้ยงดูบุตร แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเหมือนเช่นที่นางวาดฝันเอาไว้
ทุกอย่างสูญสลายหายไปราวกับสายลม
รออยู่ไม่นานหนุ่มน้อยคนนั้น ก็เดินเข้ามาพร้อมกับสุราที่แรงที่สุดของเหลาสุราจิ๋นฮวา เจี่ยงหร่านทิ้งกายนั่งลงก่อนจะสั่งให้หนุ่มน้อยคนนั้นออกไป นางเทสุราใส่จอกก่อนจะยกขึ้นมาลองชิม พลันชะงักไปเล็กน้อย ภาพความทรงจำเดิมกลับมาอีกครา
เมื่อหนึ่งปีก่อนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นางกับเซียวจิ้งนัดพบกันที่เดิมในบ้านน้อยบนภูเขาหลังนั้น เขานำสุรามาหนึ่งไห บอกว่าอยากให้นางลองดื่มดู เป็นสุราที่เขาหมักเองและยังแรงที่สุด หากนางดื่มแล้วไม่เมาเขาจะยอมให้นางขี่หลัง เขาจะพาวิ่งรอบเขา ยามนั้นนาง นึกสนุกและอยากผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเขาเอ่ยปากท้าทายเช่นนั้นนางจึงตกปากรับคำ
และแล้วนางก็ชนะเขาจริงๆ เซียวจิ้งยกนิ้วชี้มาที่หน้านางหัวเราะพลางกล่าวว่า
"เจ้าเป็นคนแรกที่ดื่มสุราของข้าแล้วไม่เมา มาๆ มาขี่หลังข้าเลยสหายเจี่ยง"
ภาพที่เขาพานางขี่หลังวิ่งรอบภูเขาเมื่อหนึ่งปีก่อนนั้นยังคงไม่จางหายไปจากความทรงจำ รสชาติสุรานี้ก็เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อใคร่ครวญในใจแล้ว นางจึงซักถามเยว่ซินทันที
"เยว่ซิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหลาสุรานี้ผู้ใดเป็นเจ้าของ"
เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองคุณหนูของนาง แล้วถามเบาๆ ฃึ้นมา
"คุณหนูจำไม่ได้หรือเจ้าคะ"
"เอ่อ ข้าบอกแล้วว่าตั้งแต่ข้าฟื้นขึ้นมาก็จำสิ่งใดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง"
เยว่ซินจ้องมองเจ้านายของตนอย่างฉงนสงสัย ก่อนจะตอบ
"เหลาสุราจิ๋นฮวาเป็นของเซียวซื่อจื่อคู่หมั้นของท่านอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
เจี่ยงหร่านชะงักไปชั่วขณะ เหลาสุรานี้เป็นของเซียวจิ้งเช่นนั้นหรือ
ก่อนหน้านั้น นางเคยคิดอยากจะเข้าไปทักทายเขา อยากจะบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาให้เขาฟัง อยากจะร้องไห้กับเขาสักครา เพราะนางรู้ว่ามีเพียงเขาที่ยินดีที่จะรับฟังนาง
แต่หลายเหตุการณ์ทำให้นางละอายใจอยู่ไม่น้อยเลย อีกทั้งยามนี้นางไม่ใช่เจี่ยงหร่านอีกแล้ว จะหาข้ออ้างใดไปสนทนากับเขากัน
ด้วยเหตุนี้เจี่ยงหร่านก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปเสีย นางยกจอกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า เจี่ยงหร่านถอนหายใจออกมา
"น่าเสียดายจัง สุราหมดแล้วหรือ"
เยว่ซินอึ้งค้างไปในทันที สุราที่แรงที่สุดแต่คุณหนูของนางกลับไม่มีอาการเมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
"กลับกันเถอะ ข้าอยากนอนแล้ว”
"คุณหนู ทะ ท่านไม่เมาหรือเจ้าคะ"
"ไม่เมา สุราเพียงเท่านี้ ทำข้าเมาไม่ได้หรอก"
เอ่ยจบนางก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เมื่อออกมาก็พบกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กำลังมองมาที่นางด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อครู่เขาแอบส่องดูบุรุษหนุ่มน้อยผู้นี้ เห็นว่าดื่มสุราหมดกาแล้ว แต่กลับไม่เมาเลยแม้แต่นิดเดียว เจี่ยงหร่านยิ้มกริ่มให้หนุ่มน้อย ก่อนจะสัพยอกขึ้นมา
"ไหนเล่าเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึง ไปเอามาให้ข้าสิ"
ด้านเซียวจิ้งนั้น ยามนี้เขากำลังนั่งอ่านตำราอยู่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงของท่านลุงหม่าที่เข้ามารายงาน
"ซื่อจื่อขอรับ ตอนนี้มีคนที่ดื่มสุราของท่านแล้วไม่เมา กำลังรอรับรางวัลอยู่ขอรับ"
เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว รู้สึกสนใจไม่น้อย เดิมทีสุรานี้มีเพียงแค่เจี่ยงหร่านที่ดื่มแล้วไม่เมาเท่านั้น
ข้าคิดถึงนางเหลือเกิน
"ซื่อจื่อ"
เสียงเรียกของท่านลุงหม่าทำให้เซียวจิ้งได้สติขึ้นมา เขาพยักหน้าก่อนจะเดินลงมาจากชั้นบน เมื่อมาถึงเขาก็พบกับคนผู้หนึ่งที่กำลังยืนพิงประตูเหลาสุราอย่าสบายอารมณ์ อีกทั้งยังสวมชุดบุรุษอีกด้วย
จางเหมี่ยวลี่!
เป็นนางหรือที่ดื่มสุราของเขาแล้วไม่เมา
จะเป็นไปได้อย่างไร