ตอนที่ 2 หญิงสาวผู้อาภัพ ( 2 )
ทันทีที่ก้าวขาออกมาข้างนอก กลับพบกับบรรยากาศเย็นยะเยือกที่หนาวจนเข้ากระดูก ฉันจึงหดขากลับไปที่ห้อง หยิบเสื้อโค้ทตัวหนามาใส่ แค่นี้ก็ไม่หนาวตายอยู่ข้างนอกแล้ว
“ฟู่ววว” ฉันเป่ามือ แล้วเอามือถูกันเพื่อคลายความหนาว ทำไมยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่าหนทางไปร้านสะดวกซื้อมันไกลขึ่นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ระยะทางจากห้องของฉันไปร้านสะดวกซื้อห่างกันไม่ถึง 5 ร้อยเมตร
“โฮ่ง” ฉันหันขวับไปยังหมาตัวสีขาวที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่เหมือนกับหมาจรทั่วไป แถมหน้าตาหมาตัวนี้เหมือนปลาบู่ มันกำลังจ้องหน้าฉันด้วยแววตาที่เอาเรื่อง เตะซักทีดีไหมนะ
“ไปชิ่ว ๆ ฉันไม่ได้ชอบหมา อย่ามาเห่า อย่ามากัดคนสวยอย่างฉันนะ” ฉันพูดเสียงเข้ม โบกมือไล่ให้หมาตัวนั้นไป
“โฮ่งๆๆ” มันเห่าหนักกว่าเดิม นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงยะ
ฉันกรอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย จู่ ๆ หมาตัวเบ้อเริ่มที่หน้าเหมือนปลาบู่ตัวนั้น วิ่งกระโจนเข้ามาหาฉัน จนฉันล้มตึงไปกับพื้น ร่างเล็ก ๆ ของฉันนอนแผ่หลาอย่างน่าอนาถ
หมาตัวนั้นใช้จมูกดมฟุดฟิด ๆ อยู่ที่มือของฉัน แล้วใช้ปากคาบเอาเงินเหรียญฉันไป เมื่อมันคาบเหรียญเสร็จ กลับทำหน้าอย่างมีชัยส่งมาให้ แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
นี่คิดไปเองหรือเปล่า หมาตัวนี้มีพฤติกรรมอย่างกับคน !
ฉันลุกขึ้น ใส่เกียร์หมา วิ่งตามหมาตัวสีขาวตัวนั้นไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้บรรยากาศหนาวสุดขั้ว แต่
หัวของฉันกลับร้อนเหมือนไฟเผา เพราะว่าหมามันขโมยเงินฉันไป ฉันจะได้กินน้ำไหมนี่วันนี้
“เฮ้อ เหนื่อย ไอ้หมาตัวนี้นี่ วิ่งเร็วชะมัด อย่าให้ฉันมี 4 ขาบ้างนะ ฉันจะวิ่งแซงแกให้ดู” ฉันบ่นอุบอิบ
ฉันยืนหอบแฮ่ก ๆ น่าจะวิ่งมาไกลพอสมควร ตอนนี้มาถึงถนนเล็ก ๆ ที่ไม่มีบ้านผู้คน อาศัยเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟถนนที่ส่องแสงให้เห็นว่าหมาตัวนั้น มันนั่งอยู่ด้วยหน้าตาที่ระรื่นนัก
“แม่นาง มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”
“หืม” ฉันเงยหน้าขึ้นมาดู ชายหนุ่มพูดจาโบราณ ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อน
ยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเนียนละเอียด แทบจะไม่มีรูขุมขน หล่ออย่างกับเทพบุตร เขาสวมชุดฮั่นฟูสีขาวจนฉันจะแสบตา โดยรวม ๆ แล้วราวกับหลุดออกมาจากในซีรีส์ที่ฉันชอบดู
นี่ดึก ๆ ดื่น ๆ ใครเขามาแต่งคอสเพลย์กัน เสียดายใบหน้าหล่อ ๆ แต่กลับสติไม่ดี
หลังจากที่เผลอสำรวจใบหน้าของเขาอยู่นาน ฉันกลับลืมเรื่องสำคัญไปซะแล้ว
“คือ พอดีว่าหมาตัวนั้น ขโมยเงินของฉันไป” ฉันลนลานตอบ พร้อมกับชี้ไปที่ตำแหน่งของหมาตัวนั้นนั่งอยู่
“สุนัขที่ไหนรึ”
“หมาตัวนั้นไง ตัวขาว ๆ ขนฟู ๆ หน้าเหมือนปลาบู่อ่ะ” ฉันรีบหับขวับไปดูหมาตัวนั้น กลับไม่พบแม้แต่เงา เป็นไปได้ยังไง ไม่กี่เสี้ยววินาทีหมาหายไปพร้อมกับเงินของฉัน
‘เคยได้ยินแต่แมวขโมย นี่หมาขโมยได้ด้วย’ ฉันพูดในใจ แอบคาดโทษหมาตัวนั้น อย่าให้ฉันเจอนะ จะจับถอนขนให้เสียหมาเลย ฮึ่มมม
‘'ข้าไม่เห็นสุนัขอย่างที่เจ้าว่าเลย'’ ชายหนุ่มโบราณพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ฉันกรอกตามองบน พร้อมกับถอนหายใจออกมาแรง ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย นี่ฉันคาดหวังอะไรกับคนบ้าเนี่ย !
“ช่างมันเถอะ หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว อย่ามาชวนฉันคุย นายก็กลับบ้านกลับช่องได้แล้ว ที่บ้านไม่เป็นห่วงหรือไง” ฉันพูดอย่างไม่แยแส สองขาก็ก้าวออกจากพื้นที่ตรงนี้ ยิ่งดึก ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่
“แม่หนู เจ้าหิวน้ำงั้นหรือ” เสียงเนิ่บ ๆ ยาน ๆ ของยายแก่ ๆ เรียกฉันอยู่ข้างทาง
คุณพระ ! มีร้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ข้างถนนตอนไหน ฉันไม่ทันสังเกต สงสัยฉันไม่ค่อยออกมาข้างนอกเลยไม่รู้แหละมั้งว่ามีร้านค้าตั้งอยู่ข้างถนนแบบนี้ด้วย
“หิวค่ะ แต่ไม่มีเงิน หมาขโมยไปแล้ว” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“นี่ แม่หนูดื่มเถิด” ยายแก่พูด พร้อมกับยื่นน้ำให้ฉัน
ฉันมองหน้ายายแก่ แล้วรับน้ำจากมือของเขา จะว่าไปใบหน้าของยาย หน้าเหมือนหมาตัวเมื่อกี้เลยแฮะ ผมสีขาว แถมยังแต่งตัวโบราณอีก มันคือคอนเซ็ปต์ของร้านงั้นรึ !? ต้องขอโทษคุณชายที่หน้าตาดี เมื่อครู่นี้ด้วยค่ะ ที่ฉันว่าคุณสติไม่ดี
“มองใบหน้าข้าเช่นนี้ เจ้ามีเรื่องอันใดงั้นหรือ” ยายแก่ถาม
นี่มันคำถาม หรือหาเรื่องกัน ถ้าเป็นสมัยนี้คำถามนี้ คงจะประมาณว่า มองหน้า หาเรื่องหรอ -0- โอ้ คุณยายตัวตึงสุดในร้าน
“อ่อ เปล่าค่ะ แหะ ๆ ไม่กล้ามีเรื่องอันใดหรอกค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำดื่มนะคะ” ฉันยิ้มแห้ง ๆ ให้ยาย แล้วเฝิดฝาขวดน้ำออก กระดกขึ้นดื่มทันที
นี่แหละชีวิต รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใด ฉันเกือบอดน้ำตายแล้ว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาส่งยายแก่มาโปรดปรานให้น้ำกับฉัน แถมฝาขวดน้ำยังเปิดง่ายกว่าทุกที แม้ว่าจะซวยแค่ไหน แต่ชีวิตคงไม่ได้ซวยไปตลอดหรอกเนอะ
“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนนะคะ” ฉันยกมือไหว้ โค้งหัวให้ยายแก่เล็กน้อย แล้วเดินออกมา
หลังจากที่หลินหลิน เดินออกไปกลับไม่รู้เลยว่า ยายแก่ที่ให้น้ำกับเธอนั้น มีใบหน้าที่แสยะยิ้มออกมา